หนุ่มเมืองตรัง ปลูกพืชรวมมิตร แซมสวนยาง เอื้อประโยชน์ สร้างรายได้ตลอดปี

พืชแซมยาง

ยางพารา นับเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจหลักของไทย ทำรายได้อย่างสม่ำเสมอ และเป็นพืชที่กรีดได้เกือบทุกวัน มีต้นทุนการจัดการภายในสวนไม่สูงมาก ใช้เวลาทำงานไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน อีกทั้งยังเป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่มีตลาดมารองรับอยู่ตลอด แต่เนื่องด้วยในสถานการณ์ปัจจุบันราคายางค่อนข้างมีความผันผวนสูง อาจส่งผลกระทบกับรายได้ในบางช่วงของเกษตรกรหายไป ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางต้องปรับตัวหาทางรอดด้วยการหาพืชอย่างอื่นมาปลูกเสริมในสวนยาง เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนมาใช้จ่ายในครอบครัว และอีกส่วนเก็บเป็นเงินออมไว้

คุณถนอมชัย กล่อมปัญญา หรือ พี่หนอม

คุณถนอมชัย กล่อมปัญญา หรือ พี่หนอม อยู่บ้านเลขที่ 80/3 หมู่ที่ 1 ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง เกษตรกรหัวสมัยใหม่ จากเมื่อก่อนทำสวนยางพาราเพียงอย่างเดียว ปรับตัวตามสถานการณ์มองหาพืชเศรษฐกิจหลากหลายชนิดมาปลูกแซมในสวนยาง บนแนวคิด วันสต็อป เซอร์วิส ครบจบในสวนเดียว ที่มีกระบวนการปลูก-แปรรูป และทำการตลาดเอง ทำให้สามารถจัดสรรรายได้จากพืชได้ทั้งแบบรายวัน รายเดือน และรายปี มีเงินหมุนใช้ในครอบครัวอย่างไม่ขัดสน

กาแฟ ปลูกร่วมในสวนยางได้ ผลผลิตอาจไม่สูงมาก แต่รสชาติดีกว่าปลูกกลางแจ้งหลายเท่า
กาแฟอาราบิก้าหลังร้านที่ตรัง กำลังออกดอก

พี่หนอม เล่าถึงจุดเริ่มต้นปลูกพืชแซมในสวนยางว่า ก่อนหน้านี้ตนเป็นเกษตรกรเลี้ยงกุ้ง ควบคู่ไปกับการขายอาหารสัตว์มาก่อน ต่อมามีโอกาสได้เข้ามารับช่วงดูแลสวนยางพาราต่อจากพ่อตา จำนวน 18 ไร่ ซึ่งยางพาราถือเป็นพืชที่จัดการง่าย ใช้เวลาทำงานต่อวันไม่กี่ชั่วโมง เปรียบเสมือนพืชหยอดกระปุก จึงทำให้ได้มองเห็นถึงโอกาสจากช่วงเวลาที่เหลือมาศึกษาเพื่อที่จะหาพืชอย่างอื่นมาปลูกเพิ่มในสวนยาง

โกโก้ ไม้ร่วมยางที่ให้ผลผลิตตลอดปี
ลงหลุมปลูก

โดยเริ่มต้นจากการนำกาแฟมาปลูกแซมในสวนยาง ด้วยจุดประสงค์ในตอนแรกที่มองเห็นว่า กาแฟเป็นพืชที่มีมูลค่า และเป็นพืชที่ตลาดมีความต้องการสูง จึงตัดสินใจนำกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าเข้ามาปลูก ด้วยมีการศึกษาข้อมูลมาแล้วว่า กาแฟสายพันธุ์นี้ เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่ภาคใต้มากกว่าสายพันธุ์อื่น และมีการจัดการดูแลที่ไม่ยุ่งยาก แต่ให้ผลตอบแทนดี

ผลสุกใกล้เก็บเกี่ยว
โกโก้ ไม้ร่วมยางที่ให้ผลผลิตตลอดปี

ปลูกพืชรวมมิตร กาแฟ-โกโก้-ไม้ป่า
แซมในสวนยาง ทำได้ไม่ยาก

เจ้าของบอกว่า สำหรับเกษตรกรชาวสวนยางท่านใดสนใจอยากหาพืชอย่างอื่นมาปลูกในสวนยางเพื่อสร้างรายได้เสริมสามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องมีการจัดสรรพื้นที่ปลูกอย่างเหมาะสม และควรมีการวางแผนการปลูกเป็นลำดับขั้นตอนที่ถูกต้อง ยกตัวอย่างที่สวนของตนอาจจะเริ่มต้นผิดไปสักหน่อย ตรงที่ใจร้อนนำกาแฟมาปลูกก่อน ด้วยมองเห็นว่ากาแฟเป็นพืชที่มีมูลค่า ทำให้พอถึงช่วงฤดูยางผลัดใบ ต้นกาแฟที่ปลูกไว้ไม่มีร่มเงา อุณหภูมิเปลี่ยน ทำให้กาแฟของที่สวนจะสุกเร็วกว่าของที่อื่นร่วงหน้าประมาณ 1-2 เดือน ทำให้ต้องเร่งกระบวนการผลิต และรสชาติกาแฟที่ได้จะเบาไปสักนิด

รออีกนิดได้เก็บเกี่ยวผลผลิต
ต้นพันธุ์กาแฟอาราบิก้าพร้อมปลูก

แต่หลังจากที่มีประสบการณ์และเรียนรู้จากข้อผิดพลาดตรงนี้แล้ว จึงได้หาพืชอย่างอื่นมาปลูกเสริมเข้าไป เพื่อเป็นร่มเงาให้กับต้นกาแฟในยามที่ยางผลัดใบ ก็คือการนำโกโก้เข้ามาปลูกแซม โดยสาเหตุที่เลือกปลูกโกโก้ เนื่องจากโกโก้เป็นพืชที่ให้ผลผลิตตลอดปี และสามารถให้ร่มเงาต้นกาแฟได้ อีกทั้งยังได้มีการนำไม้ป่าเข้ามาปลูกเสริมไปอีกชั้น สำหรับเป็นเงินเก็บในอนาคต หรือถ้าหากจะให้อธิบายให้เข้าใจอย่างถูกต้อง สำหรับใครที่สนใจจะปลูกพืชแซมในสวนยางพาราคือ ต้องเริ่มจากการปลูกไม้ป่าก่อน แล้วอันดับถัดมาคือ โกโก้ และกาแฟนั่นเอง

เทคนิค การปลูกกาแฟแซมสวนยาง
และการจัดสรรพื้นที่ใช้ประโยชน์ได้สูงสุด

พี่หนอม บอกว่า การปลูกกาแฟอาราบิก้าในพื้นที่ต่ำทำได้ในสวนยาง สวนปาล์ม ภาคใต้ ระยะปลูกระหว่างต้นใช้ระยะ 2×2 เมตร ปลูก 2 แถว ในร่องยาง ขนาด 7×3, 8×3 เมตร ถ้ายางปลูกในระยะ 6×3 เมตร ให้ปลูกกาแฟแถวเดียว 1 ไร่ ปลูกได้ 200 ต้น โดยอายุต้นกล้าควรใช้ช่วง 8-14 เดือน

เก็บผลสุกเตรียมสู่ขั้นตอนแปรรูป
เตรียมขุดหลุมปลูกกาแฟ

การเตรียมพื้นที่

การปลูกกาแฟอาราบิก้าโดยทั่วไปจะแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมและวัตถุประสงค์ของผู้ปลูก หลักๆ ต้องทำการกำจัดวัชพืชโดยการถางให้โล่ง เตรียมทำแนวปลูก หลุมปลูกขนาด กว้าง 50 เซนติเมตร ลึก 30-50 เซนติเมตร

การเตรียมพื้นที่ส่วนมากเริ่มเตรียมในช่วงฤดูแล้ง เพื่อให้พร้อมสำหรับปลูกกาแฟในฤดูฝน (ประมาณเดือนพฤษภาคม มิถุนายน) ดินมีความชื้นและความอุดมสมบูรณ์ และสามารถระบายน้ำได้ดี

การให้น้ำ ทางภาคใต้ไม่ต้องทำระบบน้ำ เพราะปริมาณน้ำที่ต้นกาแฟต้องการอยู่ในช่วงมากกว่า 1,500 มิลลิเมตร เฉลี่ยต่อปี และมีการกระจายของฝนตั้งแต่ระยะเวลา 5-8 เดือน ในรอบ 1 ปี นอกจากนั้น ยังมีสภาพอากาศ และความชื้นสูง จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องอาศัยระบบการให้น้ำกับต้นกาแฟ และปลูกกาแฟร่วมกับไม้ยืนต้น หรือปลูกกาแฟภายใต้สภาพร่มเงาร่วมกับยาง หรือปาล์มน้ำมัน มีผลทำให้กาแฟโตเร็วกว่าปกติ รวมถึงการคลุมโคนห่มดินที่ต้นก็เป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ปลูกไม่ต้องพึ่งพาระบบน้ำ

ปลูกแปรรูปขายเอง

การใส่ปุ๋ย ควรเน้นเป็นอินทรีย์เป็นหลัก แต่ควรใส่ปุ๋ยยูเรียในช่วงแรกปลูกรอบต้นกล้ากาแฟ ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้นอีก 2-3 เดือน ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ช่วง 12 เดือน หลังจากปลูกจะเริ่มเห็นดอกและผลกาแฟ หลังจากผลสุกให้รูดผลกาแฟออก (เอามาลองทำกะลา หรือสารกาแฟก็ได้ แต่ยังขายไม่ได้) พอกาแฟอายุได้ 2 ปี ใส่ปุ๋ย สูตร 15-15-15 หรือสูตร 13-13-21 ร่วมด้วยใส่ช่วงหน้าแล้งก่อนฝนตก ปีหลังจากนี่ก็ใส่ปุ๋ยแบบเดิม ระหว่างปีจะใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมด้วยจะดีมากๆ

ได้ร่มเงาจากสวนยาง
คั่วไปส่งไป รับทุกยอด

การเก็บเกี่ยว ใช้ระยะเวลาการปลูกประมาณ 2-3 ปี ในประเทศไทยผลกาแฟจะสุกประมาณเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ในการเก็บกาแฟควรเก็บทีละผล โดยเก็บเฉพาะผลที่สุกในแต่ละช่อ หรือเก็บทีละช่อก็ได้ โดยของที่สวนในระยะ 2 ปีแรก จะสามารถเก็บดอกกาแฟมาแปรรูปทำเป็นชาดอกกาแฟขายได้ก่อน ขายในราคา 15 กรัม ราคา 120 บาท และเมื่อเข้าปีที่ 3 กาแฟเริ่มออกผลผลิตก็จะเก็บผลกาแฟสุกมาแปรรูปขายเองอีกเช่นกัน ซึ่งก็จะขายเป็นกาแฟคั่ว ปริมาณ 200 กรัม ราคา 150 บาท ครึ่งกิโลกรัม ราคา 350 บาท และ 1 กิโลกรัม ราคา 550-600 บาท ถือเป็นอีกพืชที่สร้างรายได้ต่อปีได้ดีพอสมควร หากเกษตรกรรู้จักปลูกและแปรรูปขายเอง ด้วยจุดเด่นกาแฟของที่สวน เน้นเป็นกาแฟแนว slow bar (สโลว์ บาร์) เป็นการเน้นดื่มกาแฟดำ และรสชาติที่ได้ออกมาจะคลีน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบกาแฟรสจัด ซึ่งรสชาติของกาแฟก็ต้องขึ้นอยู่ที่รสนิยมความชอบของแต่ละบุคคลด้วย อย่างกาแฟของที่สวนปลูกที่ใต้ แต่ก็มีลูกค้าคนเหนือ คนกรุงเทพฯ เข้ามาสั่งซื้ออยู่เป็นประจำ

ไปสวนกาแฟอาราบิก้าที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปีนี้เข้าปีที่ 3 ต้นโตสมบูรณ์มาก

ปลูกพืชแซมในสวนยางพารา ดีอย่างไร

พี่หนอม บอกว่า สำหรับการปลูกพืชแซมในสวนยางพาราอย่างที่เป็นเรื่องที่มีข้อดีหลายข้อ 1. คือการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 2. เรื่องของการเพิ่มรายได้ จากปลูกยางพารามีรายได้เป็นรายวัน เมื่อมีพืชอย่างอื่นมาเสริมรายได้ก็เพิ่มมากขึ้น มีเงินใช้จ่ายในครอบครัวไม่ขัดสน

แปรรูปทำชาดอกกาแฟ

“ของสวนพี่ให้กาแฟเป็นพืชสร้างรายได้รายปี ส่วนโกโก้สร้างรายได้รายเดือน จากแทนที่จะได้จากยางอย่างเดียว ก็มีรายได้จากกาแฟ และโกโก้เพิ่มเข้ามา ส่วนไม้ป่าก็เป็นเงินเก็บในอนาคต เพราะฉะนั้นการปลูกพืชร่วมยางถือว่าเหมาะมาก ดีกว่าปล่อยพื้นที่ให้ว่างโดยเปล่าประโยชน์ เพียงแต่ต้องมีการวางแผนก่อนปลูก ว่าจะนำพืชกี่ชนิดลงปลูก แล้วควรปลูกอะไรก่อนและหลัง ต้องมองให้ถูกขั้นตอนคือเริ่มปลูกโก้ๆ ให้มีร่มก่อน พอโกโก้เริ่มมีผลผลิต ก็แสดงว่าต้นมันใหญ่มีร่มเงา เราค่อยเริ่มลงต้นกาแฟรอบๆ ต้นโกโกนั่นแหละ เท่ากับกาแฟเป็นพืชชั้นล่างแต่ให้ปลูกเป็นชั้นสุดท้าย ชั้นแรกเป็นยาง ชั้นสองเป็นไม้ป่า ชั้นสามเป็นโกโก้ และกาแฟเป็นชั้นสุดท้าย และอีกสิ่งสำคัญที่สุดนอกจากความสามารถในการปลูกแล้วคือต้องหัดแปรรูปเองให้เป็น ขายเองให้เป็นด้วย” พี่หนอม กล่าวทิ้งท้าย

ดอกกาแฟ

สอบถามรายละเอียดการปลูกพืชแซมในสวนยางพาราเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทร. 089-788-7550

สำหรับท่านที่สนใจข้อมูลการปลูกแปรรูปยางพาราแบบครบวงจร ห้ามพลาด! “มหกรรมยางพารา” ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 8-10 เมษายน 2565 ณ สนามการยางแห่งประเทศไทย เขตภาคใต้ตอนกลาง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช

โดยการยางแห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีการแปรรูปยางพารา รวมทั้งเป็นเวทีการเจรจาธุรกิจเพื่อแสวงหาพันธมิตรคู่ค้าใหม่ในตลาดยางพาราจะเป็นเวทีในการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการด้านยางพาราทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้รูปแบบการบูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับวงการยางพาราของไทย เพื่อให้สาธารณชนได้มีโอกาสได้รับความรู้ และเข้าใจประโยชน์ของยางพารามากขึ้น