ผู้เขียน | กัลยดา ชุ่มอินทรจักร |
---|---|
เผยแพร่ |
อาจารย์วิเชียร บุญเกิด ในวัย 75 ปี แห่งสวนสุวรรณีปรางทอง จังหวัดกำแพงเพชร ปราชญ์พื้นบ้านผู้คร่ำหวอดกับมะยงชิด ซึ่งแต่เดิมได้ทำให้มะยงชิดทั้งต้นเป็นแฝดหมด ซึ่งฮือฮามากเมื่อสิบกว่าปีก่อน จนได้ลงในคอลัมน์นายเกษตร ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ตอนนั้นกระแสเรื่องหนังสือ นิตยสาร กำลังมาแรง นักข่าวต่างก็มาทำข่าวที่สวนอาจารย์วิเชียร มาปีนี้มะยงชิดที่สวนสุวรรณีปรางทอง มีกว่า 250 ต้น ที่ขายทั้งผลผลิตและต้นพันธุ์ สมกับเป็นสวนที่ขึ้นชื่อเรื่องการพัฒนาสวนและความสมบูรณ์ของไม้ผลทุกชนิด ที่มีเคล็ดลับการดูแลโดยแทบจะไม่ใช้สารเคมีเลย
เคล็ดลับที่ทำให้ผลทั้งดกและมีขนาดใหญ่
จากประสบการณ์ตรงกว่า 30 ปี
วันนี้เคล็ดลับจะกลายเป็นเคล็ดที่ไม่ลับอีกต่อไป เพราะอาจารย์ยินดีที่จะมาเปิดเผยเรื่องของการทำให้ลูกมะยงชิดพันธุ์เจ้าจอมมีขนาดใหญ่เกือบทั้งต้น เรียกว่า เอ็กซ์ตร้าไซซ์ หรือจัมโบ้ไซซ์ก็ว่าได้ และทำให้สมบูรณ์แข็งแรง
“มะยงชิดปีนี้ดกจริงๆ ผมคิดว่าที่ไหนก็ดก เป็นปีที่ได้กินมะยงชิดกันถ้วนหน้า แต่จะแตกต่างกันก็เรื่องของสายพันธุ์ รสชาติ การให้ผลผลิต เมล็ดในเล็กกว่าพันธุ์อื่น ก็คือพันธุ์เจ้าจอม ที่วัดความหวานเฉพาะตัวของมะยงชิดแล้วยอมรับเลยครับว่าเรื่องของความจัดจ้านของรสชาติที่ไม่เหมือนใคร ความกรอบเนื้อเด้งนั้นก็เป็นที่ยอมรับ ที่สวนผมปีนี้ 250 ต้น ได้ 2,000 กว่าๆ กิโลกรัม มีไซซ์จัมโบ้ 15-18 ลูก ราคา 130 บาท ไซซ์ใหญ่ เอ 18-22 ลูก ราคา 100 บาท นอกนั้นรองลงมา 80 บาท ถูกมากครับ ถือว่าประสบความสำเร็จ ผมขายราคาส่งจากสวนส่วนใหญ่ลูกค้าจะซื้อกล่องละ 5-10 กิโลกรัม ไม่เกิน 2 เดือนก็จะหมดแล้วครับ” อาจารย์วิเชียร กล่าว
การดูแลมะยงชิด ที่สวนสุวรรณีปรางทอง
ระยะช่อ ด้วยน้ำส้มควันไม้กันเพลี้ยไฟ ระยะต่อดอก ติดผลอ่อน ก็ใช้น้ำส้มควันไม้กันแมลงเพลี้ยไฟ ระยะลูกเท่าเมล็ดข้าวโพด เริ่มให้น้ำสม่ำเสมอ ระยะลูกเริ่มโตฉีดพ่นสาหร่ายทะเลกันลูกร่วง น้ำสม่ำเสมอ ถ้าให้น้ำแฉะเกินไปลูกจะร่วง สำหรับปุ๋ยคอกขี้ไก่อัดเม็ด 1 กิโลกรัม ใส่ในต้นอายุ 8 ปีขึ้นไป ถ้าต่ำกว่า 8 ปีลงมา ใส่ขี้ไก่ครึ่งกิโลกรัม ผสมขี้วัวก็ได้ แต่อย่าใส่ใกล้ต้น ป้องกันความร้อน รดน้ำโคนต้นไม่ให้รดชิดโคน กันความร้อนทำให้ต้นเน่า ระยะลูกโตก่อนเก็บ 15 วัน ห้ามรดน้ำ เพื่อจะได้รสหวานแบบธรรมชาติ ถ้าแห้งจัดแค่พรมก็พอ ห้ามฉีดเคมีใดๆ สมุนไพรก็ไม่ต้องฉีดหลังจากเมล็ดในเริ่มแก่ 7 วันก็เก็บได้ หรือบวกลบประมาณ 10 วัน รวมระยะออกดอกจนถึงเก็บเกี่ยวใช้เวลา 75 วัน หรือ 2 เดือนเศษๆ ออกดอกเต็มที่ 12 วัน โรย เริ่มติดผล 10 วัน ลูกเล็ก หรือระยะตาแดง อีกช่วงหนึ่งคือระยะติดลูกอ่อน จนถึงเก็บเกี่ยว รวม 53 วัน บวกลบต่างกันไม่เกิน 5 วัน ขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศเป็นปัจจัย ต่างกันไม่เกิน 5 วัน ก็ได้กิน หรือเก็บเกี่ยวได้แล้ว
การแข่งขันเรื่องการพัฒนาการเกษตรที่ไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะไม้ผลนั้น มะยงชิดก็มีการพัฒนาเรื่องของรสชาติและขนาดผลต้องใหญ่ด้วย มะยงชิดถือว่าเป็นผลไม้ที่มีรสชาติดี เปรี้ยวอมหวาน แต่ความจัดจ้านนั้น ถ้ามีการให้อาหารพืชที่เหมาะสมแล้ว นอกจากสายพันธุ์ที่ดีแล้วการบำรุงที่ถูกต้องก็ให้ความหวาน ความจัดจ้าน เป็นผลไม้หน้าร้อนที่ทำให้ชื่นใจ เป็นทั้งอาหารร่างกายและบำรุงด้านจิตใจอีกด้วย
การห่อลูก ผมก็เห็นด้วย แต่ที่สวนผมห่อไม่ไหวปล่อยแบบธรรมชาติ เพราะต้นทุนสูง ผมไม่ใช้ยา แต่จะมีนกและกระรอกมากินบ้างก็ปล่อยให้เสียหายบ้าง หมายถึงระยะเก็บเกี่ยวสั้น นกและกระรอกกินไม่ทัน การตลาดก็สำคัญ ถ้าเก็บผลผลิตขายช้าก็อาจจะเป็นอาหารของพวกสัตว์เหล่านี้ได้
ปุ๋ย เป็นปัจจัยสำคัญ การพยายามหาจุดของอาหารที่ทำให้เขาสมบูรณ์แล้ว เมื่อต้นแม่สมบูรณ์ ย่อมจะให้ลูกที่สมบูรณ์ หลักเกณฑ์พื้นๆ เพราะฉะนั้นเรื่องน้ำเป็นปัจจัยหลัก เรื่องปุ๋ยหรืออาหารเสริมไม้ผลเพื่อรสชาติก็สำคัญ เช่น ขี้วัว ขี้ไก่ แต่การใส่ขี้ไก่อย่าใส่มาก ขี้ไก่ปีละ 2 ครั้ง ระยะลูกเท่านิ้วก้อย และหลังจากเก็บเกี่ยวแต่งกิ่งราวเมษายนถึงพฤษภาคม ฉีดพ่นด้วยสาหร่ายทะเลบำรุงทั้งต้นและใบเพื่อการแตกยอดและขยายกิ่งก้านให้มากขึ้น
การตลาดของผม ปัจจัยแรกสายพันธุ์ดี การดูแลเอาใจใส่ต้นไม้ดี คนก็จะบอกต่อกันไป ของผมขายหมดภายใน 2 เดือน เพราะความรับผิดชอบต่อลูกค้าที่มีมานาน ของมีปัญหาเรารีบแก้ไข ยิ่งขายออนไลน์ยิ่งต้องรับผิดชอบสูง การขนส่งต้องไว ส่งของดีไปให้เขาให้ตรงตามคำสั่งซื้อ แต่ต้องอธิบายให้ลูกค้าฟังว่า ของปลอดสารบางทีเปลือกอาจจะไม่ค่อยสวย มีตำหนิตามธรรมชาติบ้าง ขอให้รสชาติดี อาหารปลอดภัยเป็นหลัก
มะยงชิดเป็นผลไม้ตามฤดูกาล ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีก็ได้ ที่ต้องเน้นเรื่องลูกใหญ่ก็คือระยะแรก น้ำต้องสม่ำเสมอ ปุ๋ยคอกและขี้ไก่อย่าให้ขาด ถ้าขาดน้ำเพลี้ยจะลงที่ระยะดอก ถ้าเราเข้าใจเขา เราก็จะได้ผลผลิตตามต้องการแบบนี้
ลักษณะผลมะยงชิดพันธุ์เจ้าจอม ตูดเบี้ยว เนื้อแข็ง ขั้วจะมนเรียบ จุกไม่ยื่น ปลูกง่าย ราคาดี ขนาด 15-18 ลูกต่อกิโลกรัมเป็นส่วนใหญ่ ส่วนรองลงมา ขนาด 18-22 ลูกต่อกิโลกรัม ถือว่าไซซ์ใหญ่ ส่วนต้นพันธุ์ใช้แบบเสียบยอดและทาบกิ่ง โดยใช้ต้นตอที่เก็บจากผลที่ไม่ได้ขนาด หรือร่วงหล่น นำเมล็ดไปเพาะ ใช้เวลา 13 เดือนขึ้นไปถึงจะใช้เป็นต้นตอได้ดี
ต้นพันธุ์ เน้นเรื่องความกว้างของลำต้นมากกว่าความสูง ถ้าลำต้นเล็กจะขุนให้โตช้า เริ่มปลูกเมื่อ 2528 พันธุ์เจ้าจอม ตอนนั้นผู้คนไม่ค่อยสนใจ ผมซื้อต้นพันธุ์มาจากงานเกษตรแฟร์ท้องสนามหลวง ราคาต้นละ 500-600 บาท สมัยนั้นถือว่าแพง ปลูกจนถึงปัจจุบันนี้ต้นมะยงชิดที่สวนขยายปลูก กว่า 250 ต้น
เคล็ดลับการดูแลและการปลูก
ต้องขุดหลุมลึก ประมาณ 30 เซนติเมตร แต่ให้ความกว้างรอบๆ ประมาณ 50 เซนติเมตร เพื่อรากฝอยกระจายได้เร็ว ทำโคนต้นนูน ป้องกันให้น้ำไม่ขังโคนต้น ระยะแรกปลูกห่าง 5 เมตร เพราะว่าถ้าปลูกห่างมากจะมีปัญหาต้นล้มเวลามีพายุเกิดขึ้น การปลูกชิดกันก็เป็นข้อดี แต่ถ้าแตกกิ่งมาก ทำให้กิ่งก้านเบียดกัน ก็สามารถตัดแต่งกิ่งออกไปได้ แต่ถ้าต้นสมบูรณ์มากก็ตัดต้นที่อยู่ระหว่างกลางทิ้งไป พืชทุกชนิดต้องการอากาศถ่ายเทได้ดีในระหว่างต้น ถ้าอยากให้ได้ผลผลิตสูงก็พยายามเปิดช่องว่างระหว่างกิ่งก้านให้โปร่ง โล่ง แสงแดงส่องเข้าถึงนั่นแหละ เขาจะออกดอกทุกแขนงกิ่ง ต้นทรงพุ่มจะรับน้ำหนักของผลได้ดีที่สุด มะยงชิดปลูกง่าย ดูแลง่าย ศัตรูพืชเช่นหนอนแทบจะไม่มี ปัจจัยอีกอย่างก็ดินฟ้าอากาศในแต่ละปี ปีนี้อากาศถูกกับมะยงชิด ที่ให้ผลผลิตมากในปีนี้แต่ราคาก็ยังดีอยู่
แก้ปัญหาผลร่วง จากประสบการณ์ตรงของอาจารย์
ปัญหาของมะยงชิดมักจะเกิดในช่วงที่ออกดอก ดอกร่วงหมด ในช่วงที่ติดผลเล็ก ผลก็ร่วง อยู่รอดมาจนเกือบจะเปลี่ยนสีจากผลสีเขียวเป็นผลสุกออกสีเหลืองส้มและส้มแดง ก็มักจะเจอทั้งลมพายุฤดูร้อน และผลร่วงที่มีสาเหตุจากหลายปัจจัย รดน้ำมากก็ร่วง
การให้น้ำไม่สม่ำเสมอ รดทุกวัน ปริมาณเท่าไหร่ก็ต้องรดเท่านั้น หมายถึงในช่วงแรกๆ การคลุมโคนต้นเพื่อเก็บความชื้นก็ต้องให้ห่างจากโคนต้นไม่ต้องคลุมชิดเกินไป ป้องกันการอับชื้นและเกิดความร้อนขึ้นที่โคนต้นทำให้รากเน่าได้ หรือหยุดชะงักในการดูดซึมน้ำ หรืออาหารพืชขึ้นไปเลี้ยงลำต้นข้างบน ความหมายง่ายๆ ก็คือรักมากทะนุถนอมมากไปก็เกิดปัญหา
ที่กล่าวมาทั้งหมดท่านที่คิดจะปลูกมะยงชิดอย่าถอดใจนะครับ การปลูกต้นไม้ต้องมีใจรักเป็นพื้นฐานแล้ว ก็ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงของแต่ละสวน บางทีข้อความหรือทฤษฎีอาจจะยาว แต่ปฏิบัติจริงก็อาจจะง่าย สำหรับท่านที่ปลูกไว้สักต้นสองต้นก็ปฏิบัติง่ายๆ ดูต้นไม้ชนิดอื่นก็เผื่อแผ่มายังต้นมะยงชิดได้
ความเชื่อถือและรับผิดชอบ เป็นสิ่งที่สำคัญ
อายุผมปีนี้ 75 แล้วครับ ผมอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะผมมีความรับผิดชอบต่อลูกค้าสูง แนะนำสิ่งที่ดีเท่าที่มีประสบการณ์มา สมัยนี้เงินก็หายาก การปลูกต้นไม้แต่ละอย่างต้องใช้เวลาหลายปี อยากให้เขาได้เห็นผลผลิตในสามสี่ปีข้างหน้าว่าได้ผลตามที่เจ้าของสวนบอกมาจริงๆ ฉะนั้นผมต้องตรวจและทดลองปลูกจนได้ผลก่อนถึงจะแนะนำให้ลูกค้า
อาจารย์ไม่ใช้สารเคมี
“ไม่ใช้ครับ ผลไม้นี่ถ้าใช้ปุ๋ยเคมีเพิ่มความหวาน เท่าที่ประสบการณ์ของผมสำหรับมะยงชิด จะทำให้ผลไม่กรอบและจะสุกงอมเร็ว เนื้อในผลจะนิ่มเร็วหมายถึงหลังจากเก็บจากต้นแล้วนะครับ” อีกอย่างเรื่องของปุ๋ยเคมี ผลไม้ชนิดนี้แทบจะไม่ต้องใช้เลย นอกจากกระรอกบ้าง นกบ้างเท่านั้น แต่ที่สวนปลูกเยอะประมาณ 250 ต้น กระรอกและนกก็มีบ้างแต่ก็กินไม่ไหว ผมอาศัยปลูกหลายต้นครับ นกและกระรอกเลยสู้ไม่ไหว แต่ก็มีผลไม้อย่างอื่นให้กินหลากหลาย และอีกอย่างด้วยธรรมชาติทางพฤกษศาสตร์ของใบมะยงชิดจะค่อนข้างแข็ง จะไม่มีแมลงรบกวน เป็นข้อดีของสายพันธุ์มะยงชิด มะม่วง ละมุด จะไม่มีหนอนกินใบ เพราะใบค่อนข้างแข็งและมียาง
แรงบันดาลใจก็เพราะว่ามีคนมาถามเรื่องมะยงชิดที่ผมแจกให้ชิม แล้วผู้คนส่วนใหญ่ติดใจรสชาติและขนาดของลูก เพราะว่าผมปลูกมานาน เมื่อก่อนก็เว้นการดูแลไปสักพักใหญ่ ไปเน้นเรื่องมะนาวแป้นดกพิเศษกำแพงเพชร ก็ขาดการเอาใจใส่ต้นมะยงชิด แต่มีคนถามถึงมากเข้าก็กลับมาดูแลเอาใจใส่ทั้งเรื่องปุ๋ยอินทรีย์และเรื่องน้ำ และผมจำกัดเรื่องลูกมะยงชิดไม่ให้เยอะเกินไป ก็เป็นเคล็ดลับที่ให้ลูกใหญ่อย่างหนึ่ง ก็ได้ผลดีครับ สำหรับเรื่องของโรคพืชแทบจะไม่มีปัญหา เพราะเขาออกตามฤดูกาล แต่จะมีก็พวกนกและกระรอก ที่สวนเรื่องกระรอกไม่มีก็โชคดีไป มีก็แต่นก มาบ้างก็แบ่งๆ ให้กินไปไม่ได้กำจัดอะไร ฮอร์โมนพืชผมจะใส่ใจมาก พวกสาหร่ายแดงนี่ก็สำคัญ ไคโตซาน แต่ก็ไม่ลืมพื้นฐานขี้ไก่
ถ้าต้องการสอบถามเพิ่มเติมหรือแวะมาหาได้ที่ สวนสุวรรณีปรางทอง โดย อาจารย์วิเชียร บุญเกิด เลขที่ 161/2 หมู่ที่ 1 ตำบลอ่างทอง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร 62000 โทร. 085-244-1699