แผนปี 65 ธ.ก.ส. เร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนใช้นวัตกรรมเกษตร ส่งเสริมพัฒนาอาชีพ มุ่งพัฒนาชนบทสู่ความยั่งยืน

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยผลการดำเนินงานปีบัญชี 2564 (1 เมษายน-31 มีนาคม 2565) ว่า ยังคงเติบโตแม้ต้องฝ่าวิกฤต ทั้งนี้ ความแข็งแกร่งของภาคเกษตรกรรมไทยยังคงเป็นแรงหนุนสำคัญให้กับระบบเศรษฐกิจ โดยจ่ายสินเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างปีกว่า 6.6 แสนล้านบาท

สำหรับปีบัญชี 2565 ธ.ก.ส.มุ่งเป้าหมายเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน เน้นการฟื้นฟูและลดหนี้สินครัวเรือนเกษตรกร เสริมองค์ความรู้และนวัตกรรมในการเพิ่มศักยภาพการผลิต การแปรรูป การเชื่อมโยงทางการตลาด เติมความคล่องตัวด้วยบริการทางการเงินที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการในยุคดิจิทัล หนุนการพัฒนาและยกระดับชุมชนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลักการ BCG

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

ธ.ก.ส. ดำเนินนโยบายมุ่งสู่ความยั่งยืน โดยขับเคลื่อนกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการเพิ่มพื้นที่การทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและลดการใช้สารเคมี โดยหันมาใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงทางอาหาร สามารถเพิ่มพื้นที่ในโครงการกว่า 67,000 ไร่ และเพิ่มต้นแบบการทำเกษตรกรรมยั่งยืนเพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ในแต่ละภูมิภาค จำนวน 9 แห่ง

ธ.ก.ส.ได้ดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อพัฒนาศักยภาพกลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชนที่เป็นผู้ใช้น้ำให้ยกระดับไปสู่ชุมชนผู้ผลิต โดยเติมองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้น้ำบาดาลและระบบกระจายน้ำบาดาล เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและการบริหารน้ำบาดาลสำหรับการทำเกษตรกรรม โดยมีชุมชนที่เข้าร่วมโครงการแล้ว 843 แห่ง ทั่วประเทศ

โครงการลดการเผาวัสดุทางการเกษตรในพื้นที่การปลูกข้าวและอ้อยเพื่อลดค่า PM 2.5 สนับสนุนการนำฟางข้าวและใบอ้อยมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ลดของเสียจากเศษวัสดุการเกษตรให้เป็นศูนย์ (Zero Waste) และเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุการเกษตร ซึ่งมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเข้าร่วมโครงการ คิดเป็นพื้นที่ทำนารวม 23,000 ไร่ และเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยเข้าร่วมโครงการ คิดเป็นพื้นที่ปลูกอ้อยรวม 363,184 ไร่ สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนเพิ่มให้กับเกษตรกรจากการบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้สนับสนุนการเพิ่มการปลูกต้นไม้เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวในโครงการธนาคารต้นไม้และการยกระดับไปสู่ชุมชนไม้มีค่า นำร่องโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดย ธ.ก.ส.สาขาทั้ง 9 ภาคและสำนักงานใหญ่ พร้อมสนับสนุนสินเชื่อ Green Credit วงเงิน 6,000 ล้านบาท ผ่านแหล่งเงินทุนพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond)

นอกจากนี้ ธ.ก.ส.ยังทำหน้าที่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลผ่านมาตรการและโครงการสำคัญๆ ได้แก่ มาตรการรักษาเสถียรภาพด้านราคาสินค้าเกษตร ผ่านโครงการประกันรายได้พืชเศรษฐกิจหลัก 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพารา และปาล์มน้ำมัน โดยโอนเงินส่วนต่างเพื่อชดเชยเป็นรายได้แก่เกษตรกรในกรณีสินค้าราคาตกต่ำ มีเกษตรกรได้รับประโยชน์จากการรับโอนเงินเข้าบัญชีโดยตรงไปแล้วกว่า 5.1 ล้านราย มูลค่ากว่า 88,398 ล้านบาท

โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อช่วยเหลือด้านต้นทุนการผลิตและการเก็บเกี่ยวในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ มีเกษตรกรได้รับประโยชน์ 4.63 ล้านราย จำนวนเงินกว่า 53,872 ล้านบาท โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 309,327 ราย จำนวนเงินกว่า 19,745 ล้านบาท สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร มีองค์กรและสถาบันเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 62 แห่ง จำนวนเงิน 4,499 ล้านบาท โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร มีองค์กรและสถาบันเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 4 ราย จำนวนเงิน 26 ล้านบาท โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาการเกษตรแบบแปลงใหญ่มีเกษตรกรเข้าร่วมจำนวน 367 กลุ่ม จำนวนเงิน 2,105 ล้านบาทและโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย มีเกษตรกรเข้าร่วมจำนวน 4,057 ราย จำนวนเงิน 17,203 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ธ.ก.ส.คาดว่า จะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 2 โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อย ปาล์มน้ำมัน และยางพารา เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมรวมถึงปัจจัยความผันผวนด้านราคาน้ำมันที่เปิดโอกาสให้พืชทดแทนน้ำมันเข้าไปเป็นสินค้าทางเลือก

ในปี 2565 ธ.ก.ส.จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนส่งเสริมการพัฒนาอาชีพ ขับเคลื่อนนวัตกรรมการเกษตร หนุนพัฒนาชนบทสู่ความยั่งยืน และเน้นการเชื่อมโยงกับเครือข่ายทางการเกษตรตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตและสร้างรายได้ที่มั่นคงยั่งยืนให้กับเกษตรกร

ในปีบัญชี 2565 (1 เมษายน 2565-31 มีนาคม 2566) ธ.ก.ส.มุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพพร้อมเป็นร่มสนับสนุนและดูแลเกษตรกรอย่างต่อเนื่องและไม่หุบร่มแม้ต้องเผชิญภาวะวิกฤต โดยวางเป้าหมายสินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 30,000 ล้านบาท เงินฝากเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 10,000 ล้านบาท และ NPLs Loan อยู่ที่ร้อยละ 4.50

ขณะเดียวกัน ปรับวิสัยทัศน์ “ธ.ก.ส. เป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการฟื้นฟูการประกอบอาชีพและการแก้ไขหนี้สินครัวเรือนอย่างครบวงจร ด้วยการส่งเสริมอาชีพ การปรับเปลี่ยนและเพิ่มผลิตภาพการผลิต สนับสนุนการแปรรูปและอุตสาหกรรมการเกษตร ส่งเสริมการทำเกษตรในรูปแบบเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อลดต้นทุนและสร้างพลังในการจำหน่ายสินค้า การสร้างวินัยทางการเงินและการออมเงิน การสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน และการประกอบอาชีพ เช่น เงินฝากสงเคราะห์ชีวิต การทำประกันภัยทางการเกษตร สนับสนุนเงินทุนผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายและตรงกับความต้องการและสร้างเครื่องมือในการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ที่สามารถดูแลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกษตรกรมีอาชีพ มีรายได้และมีสภาพคล่องในการลงทุนประกอบกิจการและการดำเนินชีวิตประจำวัน

การยกระดับชุมชนสู่ความยั่งยืน โดยเน้นการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานรากภายใต้ BCG Model ได้แก่ การสนับสนุนเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัย การเพิ่มมูลค่าสินค้าจากฐานความหลากหลายทางชีวภาพ การนำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Zero Waste) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การสนับสนุนคนรุ่นใหม่ (New Gen) ทายาทเกษตรกร และ Smart Farmer เข้าทดแทนเกษตรกรที่มีอายุมากขึ้น การยกระดับและต่อยอด SMES วิสาหกิจชุมชนและสหกรณ์การเกษตร การเชื่อมโยงธุรกิจเกษตร ทั้งการเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตร การจับคู่ธุรกิจ การร่วมลงทุน (Venture Capital) กับบริษัทที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะมาสนับสนุนและต่อยอดธุรกิจการเกษตร หรือเป็นหัวขบวนที่จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาและสร้างเกษตรมูลค่าสูง การสนับสนุนและยกระดับชุมชนที่มีความพร้อมไปสู่ชุมชนอุดมสุข ที่มีความมั่นคงทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม การร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในการเติมองค์ความรู้ด้านการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสนับสนุนช่องทางการจำหน่ายให้กับเกษตรกรทั้งออฟไลน์และออนไลน์

“ในปีที่ผ่านมาถือเป็นอีกปีหนึ่งที่เกษตรกรมีความยากลำบาก อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ปัญหาภัยธรรมชาติ รวมถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม อย่างไรก็ตาม ธ.ก.ส. พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างและเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ไขปัญหาเพื่อให้เราก้าวเดินและเติบโตไปพร้อมๆ กันอย่างมั่นคง ยั่งยืน ดั่งปณิธานของ ธ.ก.ส. ที่มุ่งมั่นในการสร้าง Better Life, Better Community, Better Pride เพื่อยกระดับชีวิตเกษตรกรไทยสู่สังคมที่ภาคภูมิ” นายธนารัตน์ กล่าวในที่สุด