ขนุนทวายปีเดียว (T8) เน้นจัดการสวนแบบเวียดนาม ติดผลเร็ว ต้นทุนต่ำ เตรียมส่งออกต่างประเทศ

ขนุนปีเดียวทวาย เป็นสายพันธุ์ที่มีความน่าสนใจไม่น้อย ด้วยจุดเด่นคือ ติดผลเร็ว รสชาติหวานกรอบ ใช้เวลาปลูก 8 เดือน ถึง 1 ปี จะมีผลผลิตออกมาให้เก็บมากมาย ปัจจุบันชาวสวนจันทบุรีเริ่มให้ความสนใจหันมาปลูกขนุนปีเดียวทวายมากขึ้น และมีการรวมกลุ่มแปลงใหญ่ขึ้นมา เพื่อบุกตลาดต่างประเทศ ทั้งในจีน เวียดนาม ฝั่งตะวันออก และโซนยุโรป ด้วยการเริ่มต้นเปิดตลาดส่งไปพร้อมกับขนุนทองประเสริฐที่ติดตลาดต่างประเทศมาก่อนแล้ว

คุณศักรินทร์ กันสำอาง หรือ พี่เต้ย

คุณศักรินทร์ กันสำอาง หรือ พี่เต้ย เจ้าของสวนฟาร์มพอดีโป่งน้ำร้อน ตั้งอยู่ที่ 85 หมู่ที่ 7 ตำบลหนองตาคง อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี เกษตรกรชาวสวนลำไยผู้ได้รับผลกระทบปัญหาผลผลิตราคาตก สู่การเริ่มต้นปลูกขนุนทวายปีเดียวเป็นพืชทางรอด ปลูกแซมในสวนลำไยกว่า 2,600 ต้น ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ เตรียมเดินหน้าผลิตส่งตลาดต่างประเทศ

พี่เต้ยพาภรรยา (พี่บุ๋ม) ออกงานโชว์ผลิตภัณฑ์ของที่สวน

พี่เต้ย เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการปลูกขนุนให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ทำสวนลำไยเป็นพืชเชิงเดี่ยวมาก่อน ขนุนเป็นพืชที่เพิ่งนำมาปลูกแซมในสวนลำไยเป็นระยะเวลา 2 ปีกว่า เนื่องจากช่วงหลายปีหลังมานี้ลำไยต้องประสบกับปัญหาหลายด้านในการทำสวนลำไย ทั้งการส่งออก ปัญหาแรงงานที่มีผลกระทบและความจำเป็นอย่างมากในการผลิต เพราะการทำสวนลำไยต้องใช้แรงงานมากในการผลิต รวมถึงปัญหาด้านราคาตกต่ำ และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน จึงเป็นเหตุให้ต้องมองหาพืชชนิดอื่นมาปลูกแซม เพื่อในวันข้างหน้าหากสวนลำไยไปไม่รอดจริงๆ ยังมีผลไม้อื่นๆ มารองรับ ซึ่งก่อนที่จะเลือกปลูกขนุน ก็มีการทดลองปลูกไม้ผลมาหลายชนิด แต่สุดท้ายฟันธงที่การเลือกปลูกขนุนทวายปีเดียว เพราะเป็นพืชที่ตอบโจทย์ในเรื่องของผลผลิตที่พืชอย่างอื่นไม่สามารถทำได้คือ ให้ผลผลิตปีละ 2 ครั้ง และไม่ว่าจะผลอ่อน ผลแก่ สามารถตัดขายได้ทั้งหมด สร้างจุดคุ้มทุนได้เร็วและมีศักยภาพมากกว่าพืชชนิดอื่น ใช้แรงงานน้อย สามารถใช้แรงงานภายในครอบครัวได้ ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และลดความเสี่ยงที่จะขาดแคลนแรงงานก็ไม่ประสบปัญหาเหมือนเมื่อก่อน

ขนุนทวายปีเดียวดกเต็มต้น

สอดคล้องกับการตลาดที่กำลังไปได้สวยเนื่องด้วยตอนนี้ขนุนทวายปีเดียวเป็นสายพันธุ์ที่มีการส่งออกเป็นเบอร์ 1 ในประเทศเวียดนาม จึงได้มองไปถึงอนาคตว่าอาจจะเป็นข้อดีในการส่งออก ด้วยจุดเด่นของขนุนปีเดียวทวายที่นอกจากติดผลเร็วแล้ว ในส่วนของรสชาติก็ไม่ธรรมดา รสชาติหวาน กรอบ อร่อย ยางน้อย ถือเป็นข้อดีสำหรับผู้บริโภคที่ไม่ชอบแกะขนุนเพราะยางเยอะ สายพันธุ์ทวายถือว่าตอบโจทย์

ทวาย 8 เดือน พร้อมแกะ

“ปัจจุบันมีการรวมกลุ่มทำเกษตรแปลงใหญ่รวมทั้งหมดประมาณ 40,000 ต้น แบ่งเป็นของผมเอง 2,600 ต้น ผลผลิตล็อตแรกของที่สวนได้มีการทำคอนแทร็กต์กับเวียดนามบางส่วน รวมถึงการส่งไปพร้อมกับขนุนทองประเสริฐเพื่อไปเปิดตลาดที่ปลายทาง เป้าหมายคือ จีน ตะวันออกกลาง โซนยุโรป เวียดนาม และตอนนี้ทางสวนได้ทดลองส่งผลผลิตขนุนทวายปีเดียวไปที่ประเทศจีนได้สำเร็จแล้ว ผลตอบรับกลับมาดีมากๆ จึงได้วางแผนการผลิตในปีหน้าให้ได้ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากของที่สวนต้นอายุยังน้อยประมาณ 2 ปีกว่า ผลผลิตยังให้ไม่เต็มร้อยสักเท่าไหร่”

น้ำหนักดี ทรงสวย

ยึดเวียดนามเป็นสวนต้นแบบ ทางลัดสู่ความสำเร็จ

พี่เต้ย บอกว่า เทคนิคการปลูกขนุนทวายปีเดียวของที่สวนจะยึดรูปแบบและเทคนิคการปลูกของเวียดนามเป็นหลัก ด้วยเหตุผลที่เวียดนามเป็นประเทศที่ปลูกขนุนปีเดียวทวายส่งออกเป็นหลัก จึงมีความเชี่ยวชาญและผ่านช่วงลองผิดลองถูกมาก่อนแล้ว

ขนุนเป็นพืชที่ทนแล้งมาก สามารถปลูกได้กับทุกสภาพดิน ขอแค่ให้เป็นดินที่ร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี ขนุนเป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำเยอะ จึงถือเป็นพืชทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่งในการลดต้นทุน

เช้านี้มีขนุนสุก 2 ลูก น้ำหนัก 11 กิโลกรัม

การปลูก ของที่สวนจะเป็นการปลูกแซมขนาบข้างไปกับสวนลำไยจำนวน 30 ไร่ สามารถปลูกขนุนได้ 2,600 ต้น โดยกิ่งพันธุ์ที่ใช้ปลูกเป็นกิ่งพันธุ์ที่ทาบกิ่งมาจะไม่ค่อยมีรากแก้ว จะขุดหลุมปลูกลึกประมาณ 50×50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกประมาณ 1 กำมือ หรือปรับสภาพดินด้วยปูนขาว แต่ของที่สวนจะมีการปรุงดินและให้ปุ๋ยลำไยในปริมาณมากทุกปีอยู่แล้ว จึงไม่ต้องบำรุงอะไรมาก เพียงขุดหลุมปลูกตากดินทิ้งไว้ประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วทำการปลูกได้เลย ไม่ต้องบำรุงมากมาย เพราะขนุนเป็นพืชทนแล้ง สามารถจะเจริญเติบโตได้กับทุกสภาวะ

ระยะห่างระหว่างต้น ตามมาตรฐานเดิมที่คนไทยชอบปลูกส่วนใหญ่คือระยะ 6×6 เมตร แต่ของที่สวนเน้นการทำเกษตรแนวใหม่ และมีต้นแบบการปลูกจากเวียดนาม ในการใช้พื้นที่ให้คุ้มค่าเปลี่ยนมาปลูกในระยะห่างระหว่างต้น 3×3 เมตร จะได้ระยะต้นที่มากกว่า แต่ไว้ลูกต้นละ 1-2 ลูก และได้ลำดับไซซ์ประมาณ 10 กิโลกรัมขึ้นไป

ใครอยากชิมยกมือขึ้น แม่ค้าพร้อมส่ง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับความสะดวกและความสามารถในการจัดการของแต่ละสวนด้วย เนื่องจากขนุนเป็นพืชที่มีขนาดผลใหญ่ น้ำหนักเยอะ การเก็บเกี่ยวถ้าใช้แรงงานคนอย่างเดียวเป็นเรื่องที่ยาก จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขนย้ายผลผลิตออกนอกพื้นที่ เพราะฉะนั้นระยะห่างระหว่างต้น ระหว่างร่องถือเป็นเรื่องสำคัญ หรือปรับสภาพพื้นที่ตามความเหมาะสมในแต่ละแปลงให้สอดคล้องกับพาหนะที่เข้ามาใช้ในการขนส่ง

ระบบน้ำ ในช่วงอาทิตย์แรกๆ ให้น้ำวันเว้นวัน หลังจากนั้นเมื่อยอดเริ่มเดินแล้ว จะเปลี่ยนการให้น้ำอาทิตย์ละครั้ง ครั้งละประมาณ 15 นาที

ปุ๋ย ตั้งแต่เริ่มปลูกมาเป็นระยะเวลา 2 ปีกว่า ที่สวนยังไม่มีการใส่ปุ๋ยเคมีสักครั้ง เน้นการใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยมูลวัว มูลไก่ เป็นส่วนหลัก แต่ขนุนจะชอบปุ๋ยมูลไก่เป็นพิเศษ เพราะมีไนโตรเจนสูง ทำให้ต้นโตเร็ว อัตราการใส่ 3 เดือนครั้ง รอบละ 1 กำมือ ใส่รอบๆ โคนต้น หรือให้ดูจากใบที่แสดงออกมา ถ้าใบเหลืองก็เติมปุ๋ยเข้าไปเพิ่ม

เนื้อข้างในสีเหลืองสวย

และเมื่ออายุต้นมากแล้วควรใส่ปุ๋ยคอกสลับกับปุ๋ยเคมีเพื่อบำรุงธาตุอาหารในส่วนที่ปุ๋ยคอกให้ไม่เพียงพอ ก็ต้องอาศัยปุ๋ยเคมีเข้ามาช่วยในการบำรุงต้นและการติดผล สลับหมุนเวียนกัน เพราะถ้าจะให้ปุ๋ยเคมีอย่างเดียวคงไม่ไหว และการปลูกแบบอินทรีย์จะให้รสชาติที่หวาน กรอบ กำลังดี รสชาติไม่โดดเกินไป รวมถึงได้น้ำหนักมาตรฐาน ในต้นทุนที่ต่ำด้วย

ห่อด้วยถุง Magik Growth

ใช้เวลาปลูกเท่าไหร่ ก่อนอื่นต้องแยกวัตถุประสงค์ก่อนว่าจะปลูกไว้รับประทานในครัวเรือน หรือปลูกเชิงการค้า เพราะหากปลูกไว้รับประทานเองในครอบครัวใช้ระยะเวลาปลูก 8 เดือนให้ผลผลิต แต่ถ้าปลูกเชิงการค้าควรจะให้ต้นแข็งแรงก่อนสัก 2 ปี จึงค่อยไว้ลูก หรือประมาณ 1 ปี 8 เดือน ไว้ต้นละลูก เพื่อให้ต้นมีกำลังดูแลลูกให้โตได้ตามมาตรฐานและได้คุณภาพที่ดี

ขนุนทวาย 8 เดือน หวาน กรอบ อร่อย

ผลผลิต เฉลี่ยน้ำหนักต่อลูก 10 กิโลกรัมขึ้นไปถือเป็นไซซ์มาตรฐานสามารถส่งออกเป็นเกรดเอของจีนได้เลย สำหรับสายพันธุ์ทวาย

ราคา อ้างอิงจากตลาดเวียดนามและตลาดกลางที่ประจวบคีรีขันธ์ โดยเบื้องต้นต้องบอกก่อนว่าขนุนสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่ราคาจะขึ้นไปสูงกว่าสายพันธุ์ทั่วไปประมาณ 1 เท่าตัว หากราคาไม่ชนกับทุเรียนจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 30-40 บาท ซึ่งสำหรับชาวสวนแล้วถ้าราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10 บาท ถือว่าอยู่ได้สบาย เพราะขนุนไม่ต้องดูแลอะไรมากมาย การดูแลรักษาตลอดทั้งปีต่อต้นไม่เกิน 50 บาท

แกะใส่กล่อง ราคากล่องละ 50 บาท

ปัจจัยเสี่ยงก็มี แต่ไม่ใช่ปัญหา

พี่เต้ย บอกต่อว่า การปลูกขนุนไม่ใช่มีแต่ข้อดี แต่ยังมีข้อที่ต้องระวังเช่นกัน คือเรื่องของโรคสนิม ที่จะพบได้กับขนุนทุกสายพันธุ์ และนอกจากโรคสนิม ก็จะมีเรื่องของหัวเน่า เนื่องจากในส่วนของฐานหัวขั้วมีความลึกทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย

ส่งลูกค้าถึงมือ

“ในส่วนของโรคแมลงโรคพืชต่างๆ ก็มีในส่วนของสายพันธุ์ที่ปลูกจะมีปัญหาของเรื่องสนิม แต่ต้องเกริ่นนำก่อนว่า สนิมมีอยู่กับขนุนทุกสายพันธุ์ นอกจากเรื่องสนิม ก็จะมีเรื่องของขั้วเน่าด้วย เนื่องจากในส่วนของฐานหัวขั้วของขนุนทวายจะไม่เหมือนกับทองประเสริฐ ฐานขั้วจะไม่ปิดสนิท ทำให้กลายเป็นแหล่งรวบรวมน้ำไว้ที่ขั้ว เป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา วิธีแก้ก็คือการใช้ปูนขาวไปพอกไว้ที่ขั้วเพื่อไม่ให้น้ำขัง และมีในส่วนของการกางร่มให้ขั้ว คือส่วนของการหาอุปกรณ์ที่สามารถนำมาดัดแปลง ได้ไปครอบไว้แล้วพันที่ขั้วปิดหัวไม่ให้น้ำขัง หรือในส่วนของโรคสนิมก็จะใช้ยากลุ่มคาร์เบนดาซิม ฉีดเป็นประจำ”

เตรียมส่งลูกค้าที่สั่งมาจากหลายจังหวัด

นวัตกรรมถุงห่อ Magik Growth ป้องกันแมลง ลดต้นทุนใช้สารเคมี

นอกจากรสชาติและขนาดไซซ์ลูกที่ได้มาตรฐานที่สำคัญแล้ว รูปทรงภายนอกของผลถือเป็นเรื่องสำคัญ โชคดีที่สวนเป็นสมาชิกยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ทำให้มีโอกาสได้อบรมเรียนรู้นวัตกรรมการเกษตรใหม่ที่เป็นประโยชน์ และสามารถนำมาใช้กับขนุนของที่สวนได้ก็คือ นวัตกรรมถุงห่อ Magik Growth จากเอ็มเท็ก และ สวทช.

พาไปชมสวนขนุนสมาชิกแปลงใหญ่ ลูกใหญ่มากประมาณ 10-15 กิโลกรัม “อินทรีย์” ล้วนๆ อีก 2-3 วันสุก

หลังจากการทดลองนำมาห่อขนุนของที่สวนมีความพึงพอใจในระดับ 90 เปอร์เซ็นต์ เพราะผลผลิตที่ได้ออกมา ขนุนมีผิวสวย การเจริญเติบโตเป็นไปได้ดี ไม่มีแมลงมารบกวน จากการห่อผลด้วยถุง Magik Growth

ต้อนรับหัวหน้าเกษตรอำเภอและนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี เข้าเยี่ยมชมสวนขนุนและจัดเก็บข้อมูลการผลิตขนุนพันธุ์ทวายปีเดียว

ตลาดที่ไหน เริ่มต้นจากการเปิดขายออนไลน์ในเพจเฟซบุ๊กของสวนฟาร์มพอดีโป่งน้ำร้อน และมีกลุ่มตลาดต่างประเทศตามแนวชายแดนที่ทำคอนแทร็กต์กันไว้ รวมถึงการเปิดตลาดในชุมชนให้ได้รู้จักกับขนุนสายพันธุ์นี้ก่อน ซึ่งในปีหน้าจะมีการขับเคลื่อนส่งออกให้กับทางประจวบคีรีขันธ์ เพื่อส่งไปยังตลาดต่างประเทศต่อไป

ฝากถึงเกษตรกร

“ฝากถึงพี่น้องเกษตรกรที่ไม่ว่าจะปลูกพืชอะไรแล้วประสบปัญหากับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน ปัญหาแรงงาน ปัญหาสภาพอากาศ ก็ลองเล็งหาว่าพืชชนิดอื่นที่ตอบโจทย์เราได้เร็วและมีศักยภาพคุ้มทุนได้ไว หรือในอนาคตข้างหน้าจะมีการปรับเปลี่ยนที่ดีกว่าเมื่อก่อน ก็ลองพิจารณาดู ขนุนก็เป็นอีกพืชทางเลือกที่เรานำไปพิจารณา เนื่องจากสามารถให้ผลผลิตปีละ 2 ครั้ง ลูกอ่อนลูกแก่เอาไปขายได้หมด รวมถึงการนำไปแปรรูปได้หลายๆ ผลิตภัณฑ์” พี่เต้ย กล่าวทิ้งท้าย

 

สอบถามรายละเอียดการปลูกขนุนเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 081-004-9803, 086-201-6338 หรือติดต่อได้ที่เพจเฟซบุ๊ก : สวนฟาร์มพอดีโป่งน้ำร้อน