ตะลุยสวน “สาวสุดใจ” จันทบุรี บุฟเฟ่ต์ผลไม้ในสวน

“ฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออก” เริ่มมาตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤษภาคม-มิถุนายน บางสวนอาจจะยาวถึงสิงหาคม ภาคตะวันออก 3 จังหวัด จันทบุรี ระยอง ตราด ทยอยเปิดสวนผลไม้ให้เยี่ยมชม ลิ้มรสผลไม้ในสวนและซื้อกลับบ้าน เป็นช่องทางที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้ดีอีกทางหนึ่ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจันทบุรี ระยอง ตราด ได้รวบรวมสวนผลไม้และประชาสัมพันธ์ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวภาคตะวันออกคึกคักมาก นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยว ชม ชิมผลไม้อย่างปลอดภัยในสถานการณ์โควิด-19 สวนผลไม้ที่เปิดบริการปี 2565 จังหวัดจันทบุรี 16 สวน จังหวัดตราด 14 สวน และจังหวัดระยอง 31 สวน ผลไม้เด่นๆ มีทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง สละ แต่ละสวนเปิดรับนักท่องเที่ยวในรูปแบบและราคาต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวสายทานวางแผนมาเที่ยวแบบไปเช้ากลับเย็น หรือเป็นเส้นทางทัวร์ และแพ็กเกจทัวร์

คุณอรอุษา สุดประเสริฐ

สวนสาวสุดใจ
เปิดรับนักท่องเที่ยวยาวนานกว่า 10 ปี

“สวนสาวสุดใจ” 1 ใน 16 สวนผลไม้ของจังหวัดจันทบุรี ตั้งอยู่เลขที่ 22/3 หมู่ที่ 1 ตำบลพลิ้ว อำเภอแหลมสิงห์ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีเพียง 14 กิโลเมตร เป็นเส้นทางผ่านไปจังหวัดตราด แยกจากถนนสุขุมวิทไปเพียง 1 กิโลเมตรเศษ เปิดบริการมาตั้งแต่ 13 เมษายน-12 สิงหาคม ทุกวันตั้งแต่ 09.00-17.00 น.

คุณอรอุษา สุดประเสริฐ หรือ คุณสาว และ นาวาโท สุดใจ สุดประเสริฐ คือเจ้าของที่มาของชื่อสวน “สวนสาวสุดใจ” เปิดสวนผลไม้หลังบ้านขนาด 7 ไร่ มีทั้งทุเรียน มังคุด ลองกอง ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมสวนและบริการบุฟเฟ่ต์ทั้งกรุ๊ปทัวร์และขับรถมาเอง และยังมีบริการจำหน่ายผลไม้สด-แปรรูป รวมทั้งกิ่งพันธุ์ทุเรียนหลายสายพันธุ์ของแท้รับประกันได้อีกด้วย

นาวาโท สุดใจ สุดประเสริฐ

คุณสาว เล่าว่า สวนนี้เป็นมรดกตกทอดครั้งรุ่นคุณพ่อ-คุณแม่ ปรับเปลี่ยนเป็นสวนผลไม้รับนักท่องเที่ยวเมื่อปี 2549-2550 โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีและนายอำเภอแหลมสิงห์ขณะนั้น มาชวนให้เปิดเป็นสวนผลไม้รับนักท่องเที่ยว ส่วนตัวทำอาชีพค้าขายอยู่ก่อน เห็นว่าทำสวนแล้วเปิดรับนักท่องเที่ยวคือการให้บริการ ด้วยนิสัยชอบบริการ ชอบค้าขายจึงตัดสินใจเปิด ปีแรกทดลองเปิดแบบไม่เก็บเงิน เพื่อดูความพร้อมของสวน ความต้องการ-รับฟังความคิดเห็นผู้มาเที่ยวชมเห็นว่าน่าจะไปได้ ปีที่ 2 จึงเริ่มเปิดเก็บค่าบริการคนละ 79 บาท เป็นสวนแรกๆ ของจังหวัดจันทบุรีและเปิดมาถึงปีนี้ร่วม 15 ปีแล้ว ตอนเปิดใหม่ๆ โชคดีมีสื่อโซเชียลดังๆ เช่น เพจหมูหิน ช่วยโปรโมตและมีโอกาสรับผู้นำระดับประเทศเป็นทูตจากบัลแกเรีย ทำให้สวนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ต่อมาได้ทำเพจของตัวเองด้วย ผลตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ เพิ่งมาหยุดชะงักไป 1-2 ปีในช่วงที่มีโควิด-19 มาปีนี้แม้จะยังมีสถานการณ์โควิด แต่เราเปิดรับนักท่องเที่ยวภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด

คุณเสาวนีย์ คนกล้า

“ส่วนใหญ่ชาวสวนจะไม่มีพลังและไม่ชอบเปิดสวนผลไม้รับนักท่องเที่ยว เพราะไม่พร้อมในองค์ประกอบ รายละเอียดหลายอย่าง เช่น ไม่มีเวลาและแรงงานที่จะช่วยบริการ ที่สำคัญต้องมีใจรัก ทำได้เพราะใจรักชอบ สนุกกับการค้าขาย มีแรงงานที่เป็นญาติๆ 4-5 คนมาช่วย และได้ผู้ที่นำนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ ช่วยบริการลูกค้าแทนเราได้อย่างประทับใจ ส่วนผลไม้ต่างๆ ที่บริการบุฟเฟ่ต์และจำหน่าย มาจากสวนเองและสวนเพื่อนบ้านใกล้ๆ เก็บจากต้นสดๆ ใครมีอะไรมาขายได้หมด ให้ราคาตลาดหรือสูงกว่านิดหน่อย ไม่ต้องเสียเวลาไปขายที่อื่น ลูกค้าได้ผลไม้สดๆ มีคุณภาพ ราคาไม่แพง ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง อย่างมังคุดขาย 2-3 กิโลกรัม 100 บาท สละสุมาลี 70 บาท ทุเรียน 4 กิโลกรัม ลูกละ 700 บาท เงาะกิโลกรัมละ 30 บาทจะตัดเป็นช่อเพื่อให้คงความสดได้นาน เมื่อลูกค้ามาเที่ยวชมสวน ชิมบุฟเฟ่ต์แล้วถ้ารสชาติอร่อยติดใจจะซื้อกลับ รวมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูปกลุ่มสินค้า OTOP ของชุมชน แม้กระทั่งกิ่งพันธุ์ทุเรียนสายพันธุ์ต่างๆ กิ่งละ 100 บาท” คุณสาว กล่าว

ทุเรียนสวนสาวสุดใจ

บุฟเฟ่ต์ทุเรียนต้องมี
อร่อยซื้อกลับ

คุณสาวชี้แจงกติกาเข้าชมสวนสาวสุดใจว่า 1. กรณีบุฟเฟ่ต์ผลไม้ ต้องจองคิวล่วงหน้าเท่านั้นไม่รับวอล์กอิน หน้าสวนโดยมีอัตราค่าบริการ ดังนี้ ผู้ใหญ่ 699 บาท (ถ้าจองในเพจสวนสุดใจ 650 บาท) เด็ก 1-3 ขวบฟรี เด็ก 4-12 ปีครึ่งราคา มัดจำ 50% 2. กรณีไม่บุฟเฟ่ต์ สามารถซื้อผลไม้นั่งทานในสวนตามพื้นที่ที่จัดไว้ให้ และกรณีเข้าสวนอย่างเดียวเสียค่าบำรุงสวน ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ลูกค้าเสาร์-อาทิตย์ ลูกค้ากรุ๊ปทัวร์ถ้ามาทานบุฟเฟ่ต์ไม่ค่อยซื้อกลับอาจจะไปเที่ยวต่อหรือไม่สะดวกในการขนกลับ หรือมีวอล์กอินขับรถมาทานบุฟเฟ่ต์โดยเฉพาะไป-กลับจะไม่ซื้อกลับ ที่ขับรถมาเองมาเที่ยวชมสวนจะซื้อกลับบ้าง ส่วนใหญ่เสาร์-อาทิตย์และวันหยุดเทศกาลนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จะมาก บางวันเป็น 100 คน จะขายบุฟเฟ่ต์ได้วันละหลักหมื่น ถ้าเทียบกับวอล์กอินน้อยมากวันละ 2,000-3,000 บาท

การผ่าทุเรียนเป็นพู

“การบริหารจัดการบุฟเฟ่ต์ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะทุเรียนไฮไลต์ที่ทุกคนต้องได้ทาน ต้องเตรียมทุเรียนให้พอและใช้ระยะเวลาบ่มให้สุกทานอร่อย จึงต้องให้ลูกค้าจองในเพจสวนสาวสุดใจหรือโทร.มาจองล่วงหน้าก่อน โดยจะมีส่วนลดให้ จากราคาเต็ม 699 บาทต่อคน เหลือ 650 บาท ถ้านักท่องเที่ยวทานบุฟเฟ่ต์ต้องมีทุเรียนให้ทานไม่ให้ผิดหวัง เพราะเขาตั้งใจมาทานทุเรียน ถ้าอร่อยติดใจจะซื้อทุเรียนหรือผลไม้อื่นๆ กลับหรือสั่งซื้อทางออนไลน์ ส่วนลูกค้าที่ขับรถมาหรือวอล์กอินเข้ามาทานบุฟเฟ่ต์ปกติจะไม่รับ เพราะกลุ่มละ 4-5 คน บางครั้งที่นั่งไม่พอและการบริการแทบไม่มีกำไร แต่บางครั้งเห็นใจว่าเดินทางมาแล้ว” คุณสาว กล่าว

บุฟเฟ่ต์ที่สวนจัดเตรียม

ด้าน นาวาโท สุดใจ กล่าวว่า ในร้านมีผลไม้เพื่อนบ้านมาวางจำหน่ายทุกชนิด รวมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูป แต่ทุเรียนจะได้รับความสนใจซื้อกลับมากที่สุด ราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 120-130 บาท ทุเรียนที่ตัดแก่จัด ประมาณ 90% ระยะ 4-5 วันสุก จะให้คำแนะนำรายละเอียดเพิ่มเติมกับลูกค้า วิธีเช็กทุเรียน ลักษณะสุกกำลังดี ตรงกับที่ชื่นชอบ เช่น กรอบนอกนุ่มใน หรือสุก ด้วยการใช้ไม้เคาะหนามเสียงโปร่งๆ ดมก้นทุเรียนให้มีกลิ่นหอม ดูปลิงหลุด หากใกล้ครบกำหนดเวลาแล้วลองแกะพูเป็นรูปสามเหลี่ยมและกดเนื้อทุเรียนดูอีกครั้ง ถ้านิ่มเล็กน้อยคือกรอบนอกนุ่มใน ถ้านิ่มคือสุก ถ้าเนื้อแข็งยังดิบอยู่ต้องปิดสามเหลี่ยมไว้ 1-2 คืน คอยเช็กดูเป็นระยะๆ ที่สำคัญไม่นำทุเรียนไปวางบนพื้นปูนซีเมนต์และเก็บห้องแอร์เด็ดขาด ต้องวางบนไม้หรือกระดาษแข็งเพื่อป้องกันเชื้อราและให้ทุเรียนได้สุกตามธรรมชาติ

ทุเรียนปอกเป็นพู

ทัวร์สวนผลไม้ กระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว
เม็ดเงินสะพัด

คุณณี กับคณะ 4 คนวอล์กอินมาทานบุฟเฟ่ต์สวนสาวสุดใจ เล่าว่า รวมตัวกันกับเพื่อนๆ ขับรถยนต์มากันเองจากจังหวัดปทุมธานี ตั้งใจมาทานทุเรียนโดยเฉพาะ โดยดูตามเฟซบุ๊กและเลือกสวนสาวสุดใจ เลือกทานบุฟเฟ่ต์อย่างเดียวไม่ชมสวน ตั้งใจมาทานทุเรียนจริงๆ เมื่อได้ทานแล้วทุกคนไม่ผิดหวัง คุ้มค่ามากสำหรับการขับรถไป-กลับในวันเดียว ทุกปีเคยซื้อทานที่ตลาดไท ปีนี้อยากได้บรรยากาศของสวนไม่เคยเห็น ไม่รู้จักต้นทุเรียนมาก่อนเลย เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่ขับรถมาเองจากน่านบอกว่า ต้องการมาเห็นต้นทุเรียนและได้เห็นสวนทุเรียนที่กำลังมีลูกเป็นที่ตื่นตาตื่นใจมาก

ผลไม้ที่จำหน่าย

ส่วนทางด้านตัวแทนจากเอเย่นต์ทัวร์ “Rally Trip by Tong” กรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้จัดทัวร์สวนผลไม้สวนสาวสุดใจมา 2 ครั้งแล้ว โดยรวมอยู่ในแพ็กเกจ 3 วัน 2 คืน มาพักค้างที่ตราดและจันทบุรี กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ คณะละ 30-40 คน เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร นอกจากทานอาหารทะเลและเที่ยวทะเลแล้ว ชื่นชอบกับการเที่ยวชมสวนผลไม้และทานผลไม้สดๆ จากสวน โดยเฉพาะทุเรียนคือไฮไลต์ของทุกคน เพราะเชื่อมั่นว่ามีคุณภาพดี อร่อย สดจากสวน คาดว่าจะมีการจัดทัวร์สวนผลไม้อีกในแพ็กเกจทัวร์จนกระทั่งหมดฤดูกาล

ผลิตภัณฑ์ OTOP

คุณเสาวนีย์ คนกล้า ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจันทบุรี กล่าวทิ้งท้ายว่า การเปิดสวนผลไม้เพื่อการท่องเที่ยวในช่วงก่อนโควิด-19 เมื่อ 2-3 ปีก่อนช่วยสร้างกระแสการท่องเที่ยวได้ดี เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ปีนี้สวนผลไม้เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวกันใหม่อีก ทั้งนี้ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวอย่างปลอดภัย ซึ่งช่วงเทศกาลสงกรานต์ต่อเนื่อง วันหยุดยาวเดือนพฤษภาคม การเปิดสวนผลไม้ กระตุ้นให้เกิดการเดินทางเพิ่มมากขึ้น อัตราการเข้าพักในโรงแรม รีสอร์ตจันทบุรีเต็ม 100% การเที่ยวสวนผลไม้จะได้บรรยากาศและเรียนรู้ ประสบการณ์มากกว่าการเดินทางท่องเที่ยว แต่ละสวนมีความโดดเด่นต่างกัน บางสวนมีทุเรียนหลากหลายสายพันธุ์ หมอนทอง ชะนี หลินลับแล หลงลับแล มูซังคิง ไฮไลต์คือ ทุเรียน GI สายพันธุ์จันทบุรี 1-10 บางสวนเป็นเกษตรอินทรีย์ มีฟาร์มคอกม้า มีทุเรียนเบญจพรรณสายพันธุ์โบราณ เช่น พวงมณี นกหยิบ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านบุคลากรที่ให้บริการทำให้แต่ละสวนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างกัน บางสวนเปิดให้ชมสวนและซื้อผลไม้กลับ บางสวนจัดให้ทานบุฟเฟ่ต์ ด้วยผลไม้สดๆ มีคุณภาพ

หากสนใจเที่ยวสวนสาวสุดใจ โทร. ติดต่อได้ที่ 082-208-9596, 081-377-3190 หรือเฟซบุ๊ก/เพจ สวนสาวสุดใจ