สาวสุราษฎร์ ปลูกเสาวรสพันธุ์พื้นเมือง พืชดาวเด่น ปลูก 2 ไร่ ฟันรายได้ 4 หมื่น/เดือน

เสาวรส ผลไม้มากประโยชน์ มีวิตามินเอสูง ซึ่งช่วยในการบำรุงสายตา บำรุงผิวพรรณ ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น และเพิ่มสมดุลให้ร่างกาย สามารถทานผลสดได้ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ บริเวณประเทศบราซิล ปารากวัย อาร์เจนตินา ผลเป็นทรงกลม ผลอ่อนสีเขียว เมื่อสุกมีหลายสีแล้วแต่พันธุ์ ทั้งสีม่วง เหลือง ส้ม ชั้นในสุดของเปลือกเป็นเยื่อสีขาวที่เรียกรก เนื้อรสเปรี้ยวจัด บางพันธุ์มีรสอมหวาน แหล่งปลูกเสาวรสที่สำคัญคือภาคเหนือ และพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเพชรบูรณ์มีพื้นที่ปลูกมากที่สุด รองลงมาคือเชียงราย ซึ่งด้วยคุณประโยชน์และรสชาติที่ถูกใจคนไทย เสาวรสจึงถือเป็นอีกหนึ่งพืชทางเลือกสร้างรายได้เสริมที่น่าสนใจ และเกษตรกรทั่วทุกภาคให้ความสนใจปลูกอย่างแพร่หลาย

คุณลัดดาวรรณ ชอบทำกิจ หรือ พี่กุ้ง

คุณลัดดาวรรณ ชอบทำกิจ หรือ พี่กุ้ง ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์สุราษฎร์ อยู่ที่หมู่ที่ 12 ตำบลท่าขนอน อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี อดีตพนักงานประจำ ผันตัวเป็นเกษตรกรปลูกเสาวรสพันธุ์พื้นเมืองสร้างรายได้บนพื้นที่ 2 ไร่ มีรายได้มากกว่างานประจำ ลงทุนครั้งเดียวเก็บเกี่ยวได้นานถึง 4 ปี

พี่กุ้ง เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนตนเองทำงานประจำอยู่ที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันลาออกมาเป็นเกษตรกรปลูกและแปรรูปเสาวรสขายได้เป็นเวลากว่า 6 ปีแล้ว มีจุดเริ่มต้นมาจากที่ตนเองมีปัญหาด้านสุขภาพ ที่มักจะมีอาการท้องผูกอยู่บ่อยครั้ง จึงเริ่มหาวิธีแก้จนได้ลองทานเสาวรส แล้วรู้สึกว่าระบบขับถ่ายของตนเองดีขึ้น หลังจากนั้นก็ทานติดต่อกันเป็นประจำ จนไปถึงขั้นหามาปลูกไว้ทานเองที่บ้านประมาณ 10 ต้น ผลผลิตออกมาให้ได้เก็บทาน เก็บไปฝากเพื่อน ฝากคนรู้จัก หลายคนติดใจติดต่อเข้ามาขอซื้อ จนกลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้

แปลงปลูกเสาวรสของพี่กุ้ง

เริ่มต้นปลูก 10 ต้น ขยายเป็น 2 ไร่
สร้างรายได้แซงงานประจำ

เจ้าของบอกว่า หลังจากที่เพื่อนๆ ในที่ทำงานและคนรู้จักเริ่มมีออร์เดอร์สั่งเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อมุ่งหน้ามาปลูกเสาวรสสร้างรายได้ มีการขยายพื้นที่จากปลูกไว้ทานเองเพียง 10 ต้น ขยายมาปลูกบนพื้นที่ 2 ไร่ โดยสายพันธุ์ที่ปลูกเป็นเสาวรสสายพันธุ์พื้นเมือง ที่ได้พันธุ์มาจากชุมพร เพราะเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับทั้งการทานเป็นผลสดและแปรรูป ซึ่งเสาวรสบางสายพันธุ์จะเหมาะกับการนำมาทานผลสดเพียงอย่างเดียว แต่สายพันธุ์พื้นเมืองจะมีรสชาติ เปรี้ยวกำลังดี และมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ผลมีรูปทรงไข่ สีผิวม่วงแดง เป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าทานผลสดและแปรรูป

ผลสีม่วงแดง ลูกค้ากลุ่มทานผลสดชอบ

เทคนิคการปลูก

เสาวรสสามารถปลูกได้ทั่วไป แต่ควรมีการจัดการพื้นที่ให้เหมาะสม สภาพดินสมบูรณ์ ระบายน้ำได้ดี น้ำไม่ท่วมขัง โดยที่สวนจะใช้วิธีปลูกแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน ไม่เน้นปลูกตามหลักวิชาการมากนัก อาศัยการปลูกจากต้นพันธุ์เพาะเมล็ด เป็นวิธีที่ดีและปลูกง่ายกว่าวิธีปักชำ

ก่อนปลูกจะมีการเพาะเมล็ดไว้ประมาณ 1-2 เดือน หรือความสูงของต้นประมาณ 10-15 เซนติเมตร เมล็ดที่ใช้เพาะกล้าควรเลือกจากผลเสาวรสที่มีขนาดใหญ่ ผลมีความสมบูรณ์

เสาวรสสายพันธุ์พื้นเมือง สีสวยน่าทาน

การปลูก เนื่องจากสภาพดินของที่สวนมีความอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว จึงไม่ต้องมีการเตรียมดินอะไรมาก ไถพรวนดิน 1 รอบ พร้อมกับการกำจัดวัชพืช จากนั้นขุดหลุมปลูกไม่ต้องลึกมาก แค่พอวางต้นกล้าพันธุ์ปลูกได้ ปลูกในระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 2 เมตร

การทำค้าง เป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากเสาวรสเป็นพืชเถาเลื้อย การเตรียมค้างจะเตรียมหลังจากการขุดหลุมปลูก หรือปลูกได้ในระยะ 2 เดือน ต้นเริ่มเลื้อยก็เตรียมทำค้างได้ โดยของที่สวนจะใช้เสาปูนในการทำค้างเพื่อความคงทน และใช้เครื่องเจาะดินให้ลึกประมาณ 50-80 เซนติเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้เสาล้มในช่วงมรสุม โดยการฝังเสาให้ใกล้กับต้นเสาวรสตามแนวของแถว จากนั้นใช้ลวดขึงโยงแต่ละเสาตามแนว ให้เป็นตารางสี่เหลี่ยม เมื่อเสาวรสโตขึ้น ผลผลิตจะดกมาก

เตรียมส่งให้ลูกค้าสั่งซื้อแบบผลสด

การดูแลรดน้ำ เสาวรสเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำมาก ถ้าเป็นช่วงปลูกใหม่ๆ หน้าแล้งฝนไม่ตกเลยจะให้น้ำวันเว้นวัน แต่หลังจากนั้นเมื่อต้นเริ่มโตแข็งแรงแล้วเปลี่ยนเป็นรดน้ำอาทิตย์ละครั้ง ถือว่าเพียงพอ เพราะถ้าให้มากไปกว่านี้จะเกิดอาการบวมน้ำ โคลนจะโปร่ง ทำให้เกิดโรคได้ง่าย แต่ข้อดีของการปลูกเสาวรสคือไม่ค่อยมีเรื่องโรคแมลงเข้ามารบกวน ที่สวนปลูกเสาวรสแบบปลอดสารเคมี และมีเครื่องหมายรองรับ Q เพื่อแสดงถึงการให้การรับรองสินค้าเกษตรและอาหาร ว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่ประกาศโดยหรือได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ในด้านความปลอดภัยอาหาร (food safety) และด้านคุณภาพที่จำเป็น (essential quality) จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

แคะเนื้อเสาวรส เตรียมนำสู่ขั้นตอนแปรรูปต่อไป

ปุ๋ย ในช่วงเริ่มต้นของการปลูกจะมีการใส่ปุ๋ยน้อยมาก ที่สวนจะใส่ปุ๋ยเคมีต้นละประมาณ 3-5 เม็ด 1 กำมือใส่ได้ประมาณ 20 ต้น ด้วยการโรยให้ห่างจากต้น ใส่ทุก 15 วัน ใส่แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงเดือนที่ 4 จะมีการปรับปริมาณการให้ปุ๋ยเพิ่มขึ้นเป็นต้นละ 1 กำมือ ใส่เดือนละครั้ง

“โดยสูตรปุ๋ยที่ใส่เป็นสูตรปุ๋ยทั่วไปในช่วงแรกใส่สูตร 21-0-0 สำหรับบำรุงต้นอย่างเดียวในช่วง 2-3 เดือน เมื่อเข้าเดือนที่ 4 เปลี่ยนสูตรปุ๋ยเป็นสูตร 15-15-15 ต้นละ 1 กำมือ เป็นปริมาณที่กำลังพอดี หรือสวนไหนมีปุ๋ยคอกก็ให้ปุ๋ยคอกสลับไปด้วยก็ได้”

สกัดเย็นแยกเมล็ดออกแช่ฟรีซ นำมาแปรรูปเป็นน้ำ

ปริมาณผลผลิต เสาวรสใช้เวลาปลูก 8 เดือนให้ผลผลิตรอบแรก หลังจากนั้นเก็บผลผลิตได้นานประมาณ 3-4 ปีแล้วแต่การดูแล หลังจากสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยวในเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ จะตัดเถาโครงสร้างที่เกิดจากลำต้นให้เหลือ 3-4 กิ่งยาว หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือนต้นเสาวรสจะแตกยอดใหม่ที่กิ่งโครงสร้าง จนกระทั่งเมื่อเริ่มเข้าฤดูฝนจึงจะแตกตาข้างเกิดยอดใหม่ที่สมบูรณ์ไว้ 2-3 ยอดต่อเถาโครงสร้าง 1 เถา และจัดเถาให้กระจายไปรอบต้น ซึ่งวิธีการดูแลกิ่งถือเป็นเทคนิคที่ทำให้ผลผลิตดก ติดทุกข้อ

แช่แข็งเตรียมส่งให้ลูกค้าต่างจังหวัด และยืดอายุวัตถุดิบ

“เสาวรสพืชดาวเด่น”
หลากช่องทางสร้างรายได้

พี่กุ้ง บอกว่า เสาวรสถือเป็นพืชทางเลือกที่น่าสนใจ ลงทุนครั้งเก็บเกี่ยวได้นาน เหมาะกับการปลูกเป็นรายได้เสริม เนื่องด้วยเสาวรสเป็นผลไม้ที่คุณประโยชน์มากมาย เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ เหมาะกับเทรนด์ในปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจกับสุขภาพของตัวเองมากขึ้น ปัจจุบันที่สวนมีช่องทางการขายเสาวรสออกมาหลากหลายรูปแบบ ทั้งรูปแบบขายผลสด แคะเนื้อเสาวรสบรรจุใส่ถุง บรรจุถุงละ 1-2 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 100 บาท ไว้สำหรับให้ลูกค้าร้านน้ำปั่น ร้านไอศกรีม ร้านทำเค้ก และสุดท้ายนำมาแปรรูปทำน้ำผสมเนื้อเสาวรส และน้ำเสาวรสปั่นขายเอง ผลตอบรับเป็นไปได้ดีตลอดจากกลุ่มลูกค้าประจำ กลุ่มลูกค้ารักสุขภาพ

ออกบู๊ธขายน้ำเสาวรสและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเสาวรสหลากหลาย ที่เซ็นทรัลสุราษฎร์ธานี

โดยมีตลาดกระจายสินค้าทั้งในตลาดออนไลน์ เปิดร้านขายเองในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสุราษฎร์ธานี ออกบู๊ธกับหน่วยงานราชการ ออกบู๊ธสินค้าโอท็อป ส่งประจำให้กับโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี และส่งประจำให้สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สุราษฎร์ธานี วันละ 80-150 ขวด ทำให้สามารถสร้างรายได้จากการปลูกเสาวรสกว่าเดือนละ 40,000 บาท ถือเป็นรายได้ที่พอใจมากเพราะได้มากกว่าเงินเดือนประจำที่เคยทำ และที่สำคัญใช้เวลาในการดูแลสวนน้อยมาก มีเวลาเหลือให้ทำงานบ้านและงานอื่นๆ อีกมากมาย

“กิจวัตรประจำวันของพี่ทุกวันนี้ ตื่นเช้ามาทำน้ำเสาวรสบรรจุใส่ขวดวันละ 80 ขวดบ้าง 100 ขวดบ้าง หรือวันไหนมีงานจัดประชุมมีการสั่งเพิ่มเป็น 150 ขวดบ้าง เก็บเงินสดได้ทุกวัน พี่ก็ทำเสร็จประมาณ 11 โมง ไม่เกินเที่ยง เป็นงานที่ใช้เวลาน้อย ได้ผลตอบแทนคุ้มค่ามากเลย ถ้าใครอยากจะทำพี่กุ้งคิดว่าเหมาะสมถ้ามีกลุ่มลูกค้ารองรับ ลงทุนครั้งเดียว สามารถต่อยอดสร้างรายได้ได้หลากหลาย”

ลูกสาว ผู้ช่วยคนเก่งของพี่กุ้ง

แนะนำเกษตรกรมือใหม่
ให้เริ่มจากพื้นที่เล็กๆ

แนะนำและให้กำลังใจสำหรับมนุษย์เงินเดือนสามารถทำได้ ให้เริ่มทำจากพื้นที่เล็กๆ ไปก่อน เริ่มทำแบบง่ายๆ ก็ได้ผลเหมือนกันถ้าเรามีการดูแลที่ดีและถูกต้อง ไม่ต้องอิงหลักวิชาการอะไรมากมาย เอาตามความเหมาะสมของพื้นที่และตามภูมิปัญญาที่เรามี หากทำได้ผลตอบแทนดีแน่นอน แล้วใช้เวลาในการทำไม่เยอะ ถ้าคิดทำให้เป็นรายได้เสริม คิดว่าถูกทาง เพราะว่าเสาวรสคนรู้จักแพร่หลาย ทานง่ายมีประโยชน์ ยิ่งปลูกแบบปลอดสารพิษ คนจะยิ่งให้ความสนใจ ถือเป็นพืชทางเลือกที่ดีอีกชนิดหนึ่ง และในส่วนของการแปรรูปก็เป็นทางออกที่ดี ถ้าเราขายผลสดไม่ทัน แนะนำให้แคะเนื้อใส่ถุงซีลแล้วนำแช่ฟรีซ การฟรีซจะทำให้เก็บเนื้อเสาวรสได้นานข้ามปีเลย อย่างบ้านพี่กุ้งใช้ตู้แช่ไอศกรีมมาเก็บไว้เฉพาะ เพราะถ้าเน้นขายผลสดอย่างเดียว ถ้าตลาดส่งมีไม่มาก จะทำให้ของเราเสียหาย การแคะแช่ฟรีซไว้ถือเป็นตัวช่วยยืดอายุสินค้าที่ดีมาก” พี่กุ้ง กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 082-517-6120 หรือติดต่อได้ที่เพจเฟซบุ๊ก : ลัดดาวรรณ ชอบทำกิจ

 

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อวันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ.2565