“จิงจูฉ่าย” ของดีเชียงราย สมุนไพรทางเลือก ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ

คุณศิริวิมล กิตะพาณิชย์ หรือ คุณเปิ้ล เจ้าของไร่รื่นรมย์ และผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชั่นจากจิงจูฉ่าย ในพื้นที่ตำบลงิ้ว อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ที่นำความชื่นชอบและใจที่รักต่อการทำอาชีพเกษตร นำมาต่อยอดพื้นที่ปลูกเกษตรอินทรีย์ผสมผสานกับการท่องเที่ยว รวมถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากพืชผักออร์แกนิก ให้ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและรักสุขภาพมากที่สุดในพื้นที่เกือบ 3 ไร่ ในเวลากว่า 6 ปีที่ผ่านมา

คุณเปิ้ล เจ้าของไร่รื่นรมย์

คุณเปิ้ล เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการปลูกจิงจูฉ่าย เกิดขึ้นจากมีลูกค้าติดต่อเข้ามาหาคุณเปิ้ลว่า มีความต้องการที่อยากจะได้จิงจูฉ่ายแบบสด ไร้สารเคมี ออร์แกนิกแท้ และปลอดภัย 100% เนื่องจากลูกค้าป่วยเป็นมะเร็ง จึงเป็นสิ่งที่จุดประกายความคิดในการที่จะปลูกจิงจูฉ่ายแบบจริงจัง จึงติดต่อไปยัง ผศ.ดร.ทานตะวัน พิรักษ์ หัวหน้าโครงการวิจัยอาจารย์ประจำสาขา ภาควิชาพัฒนาผลิตภัณฑ์ คณะอุตสาหกรรมเกษตร แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคณะทีมนักวิจัย ในการพัฒนาผักจิงจูฉ่ายต่อยอดทางธุรกิจในเชิงพาณิชย์

ต้นจิงจูฉ่าย

“เริ่มขึ้นเมื่อ 6 ปีที่แล้วค่ะ และก็ทำงานวิจัยกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นคือมีลูกค้าติดต่อมา เขาอยากได้จิงจูฉ่ายที่เป็นออร์แกนิก เป็นอินทรีย์แท้ๆ เพราะว่าเขาป่วยเป็นมะเร็ง เขาต้องการหาจิงจูฉ่ายที่มั่นใจได้ว่ามันปลอดภัยจากสารเคมีจริงๆ เราก็สงสัยว่าทำไมจิงจูฉ่ายมันสามารถต้านมะเร็งได้ เราก็เลยไม่อยากให้เป็นแค่ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต เราก็เลยไปติดต่อกับอาจารย์ทานตะวันนะคะ แล้วก็ทำงานร่วมกันตั้งแต่เรื่องของสายพันธุ์เลย ไปจนถึงการแปรรูป มาจนถึงการสกัดจิงจูฉ่ายนะคะ”

จิงจูฉ่ายที่ปลูกในพื้นที่ไร่รื่นรมย์

นอกจากนี้ คุณเปิ้ล ยังบอกต่ออีกว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชั่นจากจิงจูฉ่ายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดี เหมาะสำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มผู้รักสุขภาพ ซึ่งทางไร่รื่นรมย์ได้มีการจัดการควบคุมวัตถุดิบจิงจูฉ่าย ให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดี ได้องค์ความรู้จากงานวิจัยในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณประโยชน์ มีรสชาติที่หอมอร่อยดีต่อสุขภาพ มีการนำมาทดสอบกับผู้บริโภคแล้ว ได้รับผลตอบรับที่ดี ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นการช่วยผู้ประกอบการให้สามารถพัฒนาสินค้าและสร้างความแตกต่างและความโดดเด่นของสินค้าที่ตรงต่อกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย ซึ่งเป็นการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เป็นสินค้าทางเลือกและเพิ่มมูลค่าของผักจิงจูฉ่ายของทางไร่ได้เป็นอย่างดี

“เรามีการทดลองในเซลล์ด้วยว่าจิงจูฉ่ายมีฤทธิ์ในการฆ่าเซลล์มะเร็งได้ส่วนไหนบ้างนะคะ และก็มีผลวิจัยออกมามันสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งในหลายๆ ส่วนที่มันเห็นผล และก็มีลูกค้าที่ซื้อจิงจูฉ่ายเราไป จะมีลูกค้าสายธรรมชาติที่ไม่ทำคีโมเลย ก็คือกินจิงจูฉ่ายสดกับจิงจูฉ่ายผงควบคู่กันไปค่ะ ก็มีอาการที่ดีขึ้นนะคะ แล้วก็มีคนที่ทำคีโมก็มากินของเราทั้งสดและผง ก็มีอาการฟื้นตัวเร็ว นี่ก็เป็นสิ่งที่ลูกค้าบอกกลับเรามาค่ะ จึงอยากปลูกอะไรที่สามารถช่วยเหลือคนได้จริงๆ ค่ะ”

ใบจิงจูฉ่ายที่ถูกตากจนแห้ง เตรียมแปรรูป

ผศ.ดร.ทานตะวัน หัวหน้าโครงการฯ เล่าว่า โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชั่นจากจิงจูฉ่ายสำหรับผู้สูงอายุในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชั่นสำหรับผู้สูงอายุ โดยคัดเลือกส่วนผสมสำคัญคือ จิงจูฉ่าย (Artemisia Lactiflora) ซึ่งเป็นผักพื้นบ้านที่กินกันมาอย่างยาวนาน มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีวิตามินซีสูง และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ออกฤทธิ์ได้ดี และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยได้ออกแบบให้ผลิตภัณฑ์อยู่ใน 2 รูปแบบ ได้แก่

1. เครื่องดื่มจิงจูฉ่ายผสมน้ำผักและผลไม้ และเครื่องดื่มจิงจูฉ่ายลาเต้ ที่มีรสชาติดื่มง่าย ให้พลังงานต่ำ เหมาะเป็นเครื่องดื่มในมื้ออาหารว่าง ในระหว่างมื้อสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุและผู้รักสุขภาพ โดยการศึกษาและวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 เป็นการมุ่งเน้นการศึกษาพัฒนาสูตรและวิธีการผลิตของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชั่นจากจิงจูฉ่ายเพื่อให้ได้ผลงานวิจัยที่สามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ ขั้นตอนที่ 2 เป็นการศึกษาข้อมูลทางการตลาดเบื้องต้นสำหรับนำไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจที่สามารถใช้เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชั่นจากจิงจูฉ่ายสำหรับใช้ในการจำหน่ายจริงในเชิงพาณิชย์

2. การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม การศึกษาต้นทุนของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมจิงจูฉ่าย และผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจิงจูฉ่ายลาเต้ มีความเป็นไปได้ทางการตลาดและธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้สามารถผลิตได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการทดสอบตลาดและวางแผนการผลิตต่อไป

ผลิตภัณฑ์จากจิงจูฉ่าย

ในเรื่องของการปลูกจิงจูฉ่ายนั้นปลูกง่าย มีขั้นตอนการปลูกเหมือนพืชผักทั่วไป แต่สิ่งสำคัญที่ผู้ปลูกจิงจูฉ่ายควรรู้ขั้นพื้นฐาน คือเรื่องการปลูกในดินที่ชื้นและไม่แฉะ รวมถึงโรคที่มาช่วงฤดูร้อนคือโรคใบด่าง ผู้ปลูกจึงจำเป็นต้องหมั่นสังเกตและดูแลอย่างสม่ำเสมอ

“จิงจูฉ่ายปลูกไม่ยาก ปลูกเหมือนพืชผักชนิดทั่วไป แต่เราต้องรู้จักเขาพอสมควรว่าเขาเป็นพืชที่ชอบชื้น แต่ไม่ชอบแฉะ แต่ขณะเดียวกันในช่วงหน้าร้อนเขาจะมีปัญหาเรื่องโรคใบด่างพวกนี้ค่ะ ที่ต้องมีการดูแลและปลูกใหม่ทุกปี ถัดมาคือเรื่องของการเก็บ เราต้องใช้คนเก็บและต้องตัดทีละต้น เพราะฉะนั้นก็ต้องใช้เวลาพอสมควร”

ด้านความต้องการทางด้านการตลาด คุณเปิ้ล บอกว่า ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ที่มีปัญหาในเรื่องสุขภาพ และในกลุ่มที่ต้องการดูแลสุขภาพ อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจเท่าที่ควร

“คนเริ่มมีปัญหาเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น คนก็หาช่องทางที่เป็นตัวเลือกหลักที่เป็นสายธรรมชาติที่ไม่อยากจะทำคีโม กับอีกกลุ่มหนึ่งคือทำคีโมแล้ว แต่ต้องการที่จะฟื้นตัวได้เร็ว ตัวช่วยในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น จากการทดลองที่ไปทำคีโมและกินจิงจูฉ่าย ทำให้เขาฟื้นตัวได้เร็วกว่าคนที่ไม่ได้กินค่ะ เพราะมีส่วนช่วยในเรื่องของการลดการอักเสบของเซลล์อยู่แล้ว”

สำหรับราคาในการขายผลิตภัณฑ์ของจิงจูฉ่ายที่แปรรูปแล้ว จะเริ่มต้นที่ 95 บาท

สุดท้ายนี้ คุณเปิ้ล ยังเล่าต่ออีกว่า จิงจูฉ่ายเป็นพืชท้องถิ่น คนทางภาคเหนือมักนำมาเป็นส่วนผสมของอาหารต่างๆ เพื่อกินกันอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน จึงอยากจะผลักดันพืชท้องถิ่น เปลี่ยนจากวัตถุดิบธรรมดาหลังบ้านธรรมดาๆ ให้เกิดคุณค่าเพิ่มมากขึ้น สำหรับคนที่ปัญหาเรื่องสุขภาพและกำลังมองหาในเรื่องของตัวช่วยอยู่นั่นเอง

สำหรับท่านใดที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถามสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ สินค้าต่างๆ ผ่านช่องทาง Line : @rairuenrom และผ่านช่องทางเพจ Facebook : ไร่รื่นรมย์ เกษตรอินทรีย์ ท่องเที่ยวออร์แกนิค Rai Ruen Rom Orgaic Farm