แคบ้าน ผักกินอร่อย มีคุณค่า เป็นยาดีที่ชาวบ้านนิยม

สองข้างทางในชนบท ชาวบ้านมักนิยมปลูกต้นไม้ที่โตไว ยิ่งหมู่บ้านไหนที่จะมีการเร่งรัดปรับภูมิทัศน์ เพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือน ใน 5-6 เดือนข้างหน้า จึงต้องเร่งหาต้นไม้ที่มีคุณสมบัติ โตไว งดงาม มีประโยชน์ ช่วยกันปลูกประดับตกแต่งเส้นทาง หน้าบ้าน ข้างศาลาริมทาง ริมคลอง หนองบึงน้ำ ยิ่งได้ต้นไม้ที่สามารถนำมาทำอาหาร รับรองเลี้ยงดูต้อนรับบอกเล่าแขกผู้มาเยือนได้ด้วยแล้ว วิเศษมากเลย ต้นไม้ที่เป็นได้ อย่างที่เอ่ยถึง คงไม่มีอะไรที่ดีต่อใจเกินไปกว่า “แคบ้าน” เป็นแน่แท้

ต้นไม้ที่เรียกว่า “แคบ้าน” มีเรียกชื่ออื่น ได้แก่ “ต้นดอกแค”, “แคขาว”, “แคแดง” หรือ “แคดอกแดง”, “แคดอกขาว” เป็นพืชพื้นเมืองของไทยและแถบอาเซียน พบเห็นในหลายประเทศแถบนี้ เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เป็นพืชอาหารของทั้งคนและสัตว์

ปลูกขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ปลูกง่าย โตเร็ว ไม่ค่อยมีปัญหา หรือเป็นเงื่อนไขกับสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะที่ชุ่มชื้นหรือแห้งแล้งก็เจริญเติบโตได้ดี แต่ถ้าที่ดิน น้ำ แร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ก็จะสมบูรณ์ดีมากกว่าที่แร้นแค้น เป็นปกติธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต มักพบต้นแคบ้านขึ้นตามป่าละเมาะ หัวไร่ปลายนา ริมถนนหนทาง มีหลายหมู่บ้านชุมชนที่นำต้นแคบ้านมาเป็นไม้ประดับ ตกแต่งภูมิทัศน์ชุมชน ได้ทั้งสีเขียวพริ้วลมของใบที่ริมทาง ดอกสีขาวบ้าง ชมพูอมม่วงบ้าง ยอดอ่อนอวบอิ่มนุ่มนวลอ่อนช้อย สีเลื่อมเงาเทาเงิน ได้ทั้งพืชอาหารมากประโยชน์ให้กับคนในชุมชนด้วย

มีความเชื่อเก่าๆ บอกกล่าวแอบแฝงไว้ โบราณว่าไม่ควรปลูกต้นแคไว้ตามที่บ้านที่เรือน วันนี้อาจจะต้องขออนุญาต แนะนำสิ่งที่ค้านกับคำชี้แนะเมื่อเก่าก่อน ต้องขออภัยที่ไปค้านกับความเชื่อของคนรุ่นเก่า เหตุผลเป็นเพราะปัจจุบัน มีข้อจำกัดของสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ของสังคมคนไทย ที่เขาเปลี่ยนไปมาก แต่ความเชื่อ ศรัทธาในข้อห้ามของคนเก่าก่อน ที่มีเหตุผลอธิบาย ตอบโจทย์ได้ ในสิ่งที่ท่านได้ชี้แนะไว้ ยังคงมีอยู่มิเสื่อมคลาย

แคบ้าน เป็นไม้ในตระกูลถั่ว เป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลาง สูง 2-10 เมตร ปลูกโตเร็ว มีกิ่งก้านมาก กิ่งเปราะหักง่าย ลำต้นเป็นไม้เนื้ออ่อน หักโค่นง่าย เปลือกต้นสีเทา ผิวเปลือกมีร่องรอยขรุขระ เปลือกหนา มักเป็นที่สะสมของเชื้อรา และเป็นที่อาศัยของศัตรูพืช พวกแมลงด้วงเพลี้ย และหนอนต่างๆ ทำให้เกิดผลกระทบกับพืชอื่นใกล้บริเวณนั้น ถูกศัตรูพืชระบาดทำความเสียหายง่ายมากขึ้น คงเป็นเหตุผลประกอบคำชี้แนะของคนรุ่นก่อน และที่ว่าไม่ควรปลูกต้นแคไว้บริเวณบ้าน และก็คงกลัวเด็กเล่นซุกซนปีนป่ายต้น กิ่งหักตกลงมาบาดเจ็บด้วย เพราะเด็กสมัยนั้นซนจริงๆ

Advertisement

แคบ้าน หรือ Hummingbird Tree หรือ Butterfly Tree หรือชื่อทั่วไป Sesban เป็นพืชในวงศ์ FABACEAE-LEGUMINOSAE ชื่อวิทยาศาสตร์ Sesbania grandiflora (L.) Desv. นิยมนำมาปลูกกันริมทางเดิน ริมบ่อปลา ข้างห้างนา เถียงนา ออกดอกช่วงฤดูฝนถึงปลายฝนต้นหนาว แตกยอดอ่อนตลอดปี โดยเฉพาะฤดูฝนจะสะพรั่ง มองเห็นยอดอ่อนที่มีนวลขาว ยิ่งตอนที่เริ่มติดดอกตูม มองดูสะคราญตา หลังจากดอกบานได้ผสมเกสรแล้ว กลีบจะยุบเหี่ยวแห้งอย่างรวดเร็ว และจะติดฝักอ่อน เป็นฝักเส้นเรียวเล็ก ค่อยๆ โตขึ้น ประมาณ 2 เดือน ฝักจึงแก่และมักจะแตก ต้องตัดเก็บฝักมาใส่ถุงตากแดดหรือผึ่งไว้ ค่อยแกะเอาเมล็ดไปเพาะ ใส่ถุงดิน นำไปปลูกเป็นลูกไม้แคบ้านต่อไป

ยอดแคบ้าน มีคุณค่าทางอาหารมากกว่าดอก แต่คนนิยมนำดอกมาเป็นอาหารมากกว่ายอด ทั้งยอดอ่อน และดอกแคบ้าน มีเสน่ห์น่าลองลิ้มมาก ด้วยเพราะมีความสวยงาม มีสีสันที่อ่อนหวาน ยอดอ่อนอวบอ้วนน่ากิน ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยเล็กๆ 20-30 ใบ เรียงคู่ขนานกัน ดอกออกเป็นช่อ ออกตามซอกใบ ช่อหนึ่งมี 2-8 ดอก ช่อดอกเมื่อออกมาอย่างสมบูรณ์แล้ว

Advertisement

ส่วนใหญ่เรามักจะเด็ดเอาดอกตูมมาทำกิน โดยแกะคลี่ ดึงเอาก้านเกสรที่อยู่ภายในออก แต่ถ้าไม่เอาเกสรตัวผู้ออก รสจะขมนิดๆ กินได้ จะมีสรรพคุณเป็นยาดีมาก ถ้าปล่อยให้ดอกบาน จะได้ดอกที่ไม่น่ากินสักเท่าไรนัก เนื่องจากกลีบดอกบางมาก อ่อนมาก มักฉีกขาดเละง่าย แคบ้านมีพันธุ์ดอกสีขาวและสีม่วงแดง ดอกยาว 6-10 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยงสีเขียวรูประฆังคว่ำ รองรับฐานดอก ฝักแคยาวประมาณ 5-15 เซนติเมตร ฝักอ่อนคล้ายถั่วฝักยาว แต่รูปร่างออกแบน บาง สันขอบเป็นเส้นยาว ฝักอ่อน ดูอ่อนนุ่มน่าทะนุถนอม

ยอดและดอกแคบ้าน 100 กรัม ให้คุณค่าสารอาหารมากมาย ให้พลังงาน ยอด 97 ดอก 33 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยเส้นใยอาหาร ยอด 7.8 ดอก 6.0 กรัม โปรตีน ยอด 8.3 ดอก 2.1 กรัม ไขมัน ยอด 2.6 ดอก 0.2 กรัม คาร์โบไฮเดรต ยอด 10.1 ดอก 5.6 กรัม แคลเซียม ยอด 395 ดอก 2 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส ยอด 40 ดอก 57 มิลลิกรัม เหล็ก ยอด 4.1 ดอก 1.2 มิลลิกรัม วิตามินเอ ยอด 1,442 iu. วิตามินบีหนึ่ง ยอด 0.28 ดอก 0.09 มิลลิกรัม วิตามินบีสอง ยอด 0.33 ดอก 0.49 มิลลิกรัม วิตามีนบีสาม หรือไนอะซิน ยอด 2.0 ดอก 0.5 มิลลิกรัม วิตามีนบีเก้า หรือกรดโฟลิก ในดอก 102 มิลลิกรัม วิตามินซี ดอก 19 ยอด 35 มิลลิกรัม สารเบต้าแคโรทีน ยอด 372.85 ดอก 0.51 ไมโครกรัม ซึ่งสารอาหารต่างที่มีอยู่ มีสรรพคุณที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย ยอดอ่อน ใบอ่อน มีรสหวานมัน สรรพคุณเป็นยาช่วยดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ ดอก มีรสหวาน อมขมเล็กน้อย สรรพคุณแก้ไข้หัวลมได้ดี

คนบ้านเรานิยมนำมาทำอาหาร มักจะนำยอดอ่อน ใบอ่อน มาลวกหรือนึ่ง กินร่วมกับน้ำพริกต่างๆ ดอกแคบ้านนำมาผัดใส่ไข่ ผัดปลา ผัดกุ้ง ดอกและฝักอ่อน แกงส้มใส่ปลาช่อน ปลาหมอ กุ้งฝอย ปูนา อร่อยเป็นอาหารมากคุณประโยชน์ มากคุณค่าทางอาหาร โดยเฉพาะที่ชาวบ้านรู้จักกันดี คือแกงส้มดอกแค กินตอนอากาศเปลี่ยนฤดู จากร้อนเป็นฝน จากฝนเป็นหนาว แนะนำจากรุ่นสู่รุ่น ให้กินแกงส้มดอกแคสักหม้อ จะป้องกันและแก้ไข้หัวลมได้ดีเยี่ยม บางท้องถิ่นเอาดอกแคและยอดอ่อนแคบ้านห่อใบตองกล้วย ย่างไฟ กินเคียงกับน้ำพริก แจ่ว ป่น ฝักอ่อน ใช้เป็นผักสด กินแกล้มกับส้มตำ ลาบ ก้อย แทนถั่วฝักยาว

ใบแคบ้านผสมเป็นอาหารสัตว์ชั้นยอด ใบที่ร่วงหล่นตามพื้นดิน นำมาผสมดินปลูกต้นไม้ เป็นปุ๋ยพืชที่ให้ธาตุไนโตรเจนสูง กิ่งต้นแคบ้าน นอกจากใช้เป็นเชื้อเพลิงแล้ว ใช้เพาะเห็ดหูหนูก็เด็ดนัก ต้นแคบ้านถ้ามีการดูแลตัดแต่งกิ่ง เด็ดยอด ตัดต้นให้เป็นพุ่มเตี้ย หมั่นดูแลเปลือกต้น ใบ ใช้วิธีขยันเด็ดยอดใบ หรือให้วัวกัดเล็มกิน จะช่วยให้มีศัตรูพืชน้อยลงมาก และได้ต้นพุ่มเตี้ย เก็บดอก เก็บยอดอ่อนได้ง่ายๆ

เป็นที่รู้กันดีว่า ต้นแคบ้านมีสรรพคุณทางยา ชาวบ้านรู้จักใช้ประโยชน์เป็นยารักษาบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บ ทั้งภายในภายนอก ใช้กันมานานตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดแล้ว แคบ้านเป็นยาสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ช่วยในการควบคุมธาตุในร่างกาย ธาตุดิน หรือปฐวีธาตุ ธาตุน้ำ หรืออาโปธาตุ หรือเสมหะธาตุ ธาตุลม หรือวาโยธาตุ หรือวาตะธาตุ ธาตุไฟ หรือเตโชธาตุ หรือปิตตะธาตุ แคบ้าน ยอดอ่อนและดอก เป็นยารสหวานเย็น ช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกัน แก้หวัด แก้ไข้หัวลม แก้ปวดหัว แก้ปวดหัวข้างเดียว ลดไข้ตัวร้อน แก้ไอ ขับเสมหะ รักษาโรคหลอดลมอักเสบ บำรุงโลหิต แก้โรคโลหิตจาง บำรุงตับ แก้อาการบิด ท้องเดิน ท้องร่วง มูกเลือด เป็นยาระบาย เป็นอาหารเสริมกระดูกและฟัน ขับพยาธิในลำไส้ รักษาโรคเกาต์ แก้ร้อนใน บำรุงสายตา รักษาอาการตาบอดกลางคืน ช่วยให้นอนหลับฝันดี ลดน้ำตาลในเลือด เปลือกต้นแก้ปวดฟัน รักษารำมะนาดเหงือกบวม หรือโรคปริทันต์อักเสบ นี่ก็อีกหนึ่งสุดยอดยาดี

ต้นแคบ้านเป็นพืชตระกูลถั่ว คุณสมบัติพิเศษของพืชตระกูลนี้คือ มีปมที่รากใต้ดิน สามารถตรึงหรือดูดซับเอาธาตุไนโตรเจนที่มีอยู่มากมายในอากาศ ดึงมาเก็บไว้ที่ราก และเป็นประโยชน์ต่อพืชอื่น คือธาตุไนโตรเจน หรือที่ชาวเกษตรกรรู้จักคือ ปุ๋ยเอ็น (N) เป็นปุ๋ยที่เร่งการเจริญเติบโตของพืช เร่งราก ใบ ต้น ดอก ผล ทุกส่วนของพืช เป็นธาตุหลักที่ดินปลูกพืชทุกชนิดจะขาดไม่ได้ พืชตระกูลถั่วจึงเป็นพืชทรงคุณค่า ที่เกื้อหนุนเผ่าพันธุ์พืชต่างๆ ส่วนต่างๆ ของต้นแค ใช้ต้น กิ่งก้านเป็นเชื้อเพลิง ใช้ก่อไฟหุงต้มอาหาร ใช้เพาะเห็ดหูหนู ใบสดเป็นอาหารสัตว์ ใบแห้งเป็นปุ๋ยปรับปรุงบำรุงดิน และเป็นไม้ประดับที่สวยงาม โตเร็ว มีประโยชน์สูง

เคยพบเห็นต้นแคอยู่หลายชนิด ดอกสีชมพู ต้นสูงใหญ่ เรียกกันง่ายๆ ว่า “แคฝรั่ง” ต้นที่พบขึ้นในป่า เปลือกต้นสีคล้ำ เรียก “แคป่า” ชนิดที่นำมาปลูกข้างรั้วบ้าน ตัดพุ่มเตี้ย เรียก “แคบ้าน” หรือแคเตี้ย ต้นแคที่ออกดอกเป็นก้านเรียวย่อยๆ เรียก “แคฝอย” หรืออาจจะเรียกตามสีของดอก ไม่ว่าจะเป็น แคขาว แคแดง แคลาย ต้นแคแต่ละอย่าง บางอย่างก็กินได้ ไม่เป็นพิษเป็นภัย ปลอดภัยไม่อันตราย แคบางอย่างก็ไม่น่านำมาทำกิน หรือกินไม่ได้ ก็ศึกษากันดู แต่เชื่อว่า “ต้นแค” แทบทุกชนิด ปลูกรักษาไว้ ไม่เสียหลายแน่นอน เพราะต้นแคส่วนใหญ่เป็นไม้ที่เป็นประโยชน์มากกว่าโทษ

ยิ่งในสังคมยุคนี้ สภาพแวดล้อม ทั้งดิน น้ำ อากาศ ที่อยู่อาศัย อาหาร ยารักษาโรค ล้วนแล้วแต่มีภยันตรายแอบแฝงด้วยกันทั้งสิ้น “แคบ้าน” เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถใช้ ปรับแก้ ช่วยเกื้อหนุน ทดแทน กับสิ่งจำเป็นที่กำลังทรุดโทรม เสื่อมสภาพลงได้ รัก และ แคร์ กับแคบ้าน กันวันนี้เถิดนะ

…………………

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566