เผยแพร่ |
---|
ในวงการไม้แปลกหรือไม้ด่างเป็นอีกหนึ่งผลผลิตที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทย ช่วงที่ผ่านมากระแสของไม้เหล่านี้ถือว่าค่อนข้างได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ถึงขนาดที่ว่าในช่วงโควิด-19 ทำให้เกิดการซื้อขายมีมูลค่ามาก และมีผู้สนใจเข้ามาปลูกเลี้ยงจนเกิดรายได้ จากการปลูกที่ยึดจากการทำเป็นอาชีพเสริมกลับกลายมาสู่อาชีพหลัก
คุณสรรพสิริ เชาวน์วาณิช เจ้าของสวน Living Plant และ Living Collection จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งผู้เชี่ยวชาญไม้แปลกหายากและไม้ด่างที่อยู่ในแวดวงนี้มาอย่างยาวนาน ซึ่งเขาได้เดินทางไปหลายประเทศ เพื่อดูพันธุ์ไม้แปลกและนำเข้ามาปลูกทำการค้าทั้งส่งออกระดับต้นๆ ของประเทศ
คุณสรรพสิริ อธิบายว่า Exotic Plant จากฮอลแลนด์ในสมัยก่อนเป็นไม้ด่างแปลกๆ เช่น หม้อข้าวหม้อแกงลิง สับปะรดสี ฯลฯ ซึ่งเขาจะสั่งเข้ามาขายเพราะรู้ในเรื่องของตลาดว่าไม้เหล่านี้ยังไม่มีในประเทศไทย อันเกิดจากที่เขาเป็นนักเล่นต้นไม้และเดินสำรวจตลาดนัดสวนจตุจักรอยู่เป็นประจำ จึงรู้ว่าอะไรที่ยังไม่มีขายก็จะสั่งเข้ามาและได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
“สมัยก่อนไม้พวกนี้ที่จตุจักรยังไม่มีขาย พอผมรับมา ลูกค้าก็ค่อนข้างที่จะสนใจ เลยได้เรียนรู้ว่าไม้ Exotic Plant เป็นที่ต้องการของตลาด และสามารถขายได้จริงๆ อย่างรองเท้านารี ถือว่าเป็นไม้ที่อยู่ในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น การออกร้านจึงทำให้เราได้พบปะผู้คน และจากการเดินทางไปหลายประเทศ ทำให้เราได้สืบค้นหาไม้ไปเรื่อยๆ ค้นเท่าไรก็ค้นไม่หมดเสียที” คุณสรรพสิริ กล่าว
การทำตลาดของไม้แปลกและไม้ด่าง คุณสรรพสิริ บอกว่า ตลาดในประเทศไทยถือว่าค่อนข้างใหญ่โตมาก จึงทำให้ตลาดต่างชาติเข้ามาเป็นลูกค้าจำนวนมาก มีทั้งการซื้อขายและแปลกเปลี่ยนกัน ดังนั้น ในเรื่องของราคาในสมัยก่อนมีการอ้างอิงกันทั่วโลกหรือที่เรียกว่าราคากลาง ถ้าในประเทศไทยจะเทียบเคียงดูได้จากสินค้าที่ขายในตลาดนัดสวนจตุจักร แต่สมัยนี้ดีกว่าสมัยก่อนก็จะมีกลุ่มคนที่ชอบไม้แบบนี้ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน และเช็กราคากันอยู่ในกลุ่มของคนชอบไม้แปลก ดูได้ตั้งแต่ราคาในประเทศและต่างประเทศ
“ฉะนั้นไม้แปลกพวกนี้ เรื่องของการขายไม่ใช่ราคาปั่นที่สร้างกันขึ้นมา มันมีกลไกราคาของตลาดโลก อย่างที่มีราคาแพงๆ ก็เพราะคนยังเล่นน้อย พอช่วงโควิดระบาดคนมาเล่นมากขึ้น และมีคนมาผลิตเยอะๆ ของมันก็มีจำนวนมากขึ้น เป็นธรรมดาที่ราคาจะร่วงลงมา แต่ถ้าตัวไหนมีน้อย ราคาก็พุ่งขึ้นไปเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันมีกลไกของมัน ถ้าเข้ามาปลูกด้วยใจรัก แล้วค่อยๆ ทำไป พอหลังจากที่วงจรมันกลับมาใหม่ จากสิ่งที่เรารัก ก็จะทำให้เรายังคงทำอยู่ และสร้างรายได้ในอนาคตต่อไปได้” คุณสรรพสิริ กล่าว
จากความได้เปรียบที่ประเทศไทยมีนักสะสมและนักขยายพันธุ์ได้เหล่านี้ที่เก่งเป็นระดับต้นๆ จึงทำให้ตลาดไม้ด่างและไม้แปลกเป็นที่น่าจับตามองของคนทั่วโลก จึงงทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติได้เข้ามาซื้อกันอย่างต่อเนื่อง หรืออย่างน้อยก็ได้แลกเปลี่ยนไม้หรือความรู้ซึ่งกันและกัน
คุณสรรพสิริ ยังกล่าวต่อไปถึงความได้เปรียบของประเทศไทยที่จะเป็นศูนย์กลางของ Exotic Plant ว่า จากการที่เขาได้เป็นนักหาสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่ต้องเดินทางตลอดเวลา จึงได้รู้ว่าประเทศขยายพันธุ์ไม้เหล่านี้ให้เจริญเติบโตได้เร็ว จึงทำให้มีกลุ่มนักสะสมมาก ส่งผลให้ตลาดไม้แปลกไม้ด่างในไทยใหญ่เติบโตมาก ช่วยดึงดูดลูกค้าต่างชาติให้สนใจได้มากขึ้น จนสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าประเทศไทยถือเป็น “Hub” แห่งการซื้อขายไม้ Exotic
สำหรับงาน Bangkok International Exotic Plant Show & Sale ครั้งที่ 1 ภายในงานนี้ผู้สนใจสามารถพบกับหลากหลายพรรณไม้ทั้งไม้ดอกไม้ประดับ ไม้หายาก และไม้นำเข้าจากสวนต่างประเทศ เช่น เอกวาดอร์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ฯลฯ และอีกหลากหลายสวนต้นไม้ชั้นนำในประเทศไทย นอกจากต้นไม้แล้วยังมีอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับต้นไม้ให้เลือกสรรกันอีกมากมาย โดยงานจะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 3 ถึงอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น. ที่อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เมืองทองธานี ฮอลล์ 6
โดยภายในงานจะมีงานนิทรรศการแสดงโชว์ต้นไม้ที่สวยงามสุด Exclusive อีกทั้งงานประกวดต้นไม้ที่เรียกได้ว่า “Super Rare” ให้ได้ชมกันอย่างเพลิดเพลิน มากไปกว่านั้นจะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญด้านต้นไม้ที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์กันภายในอีกด้วย