เผยแพร่ |
---|
“แหนแดง” พืชมหัศจรรย์ มีประโยชน์ทางด้านการเกษตร ประมง เลี้ยงสัตว์ เป็นพืชที่สามารถเพาะเลี้ยงได้ในภาชนะขนาดเล็ก วัสดุที่มีอยู่ในบ้าน เช่น กะละมัง กล่องโฟม และการเพาะเลี้ยงในบ่อดินหรือทุ่งนา ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้เลี้ยง สิ่งสำคัญที่ทำให้แหนแดงเจริญเติบโตมีอยู่ 3 อย่าง คือ น้ำ อาหาร และแสงแดด
แหนแดง มีอยู่มากมาย ประมาณ 7 สายพันธุ์ แต่ที่เหมาะสำหรับประเทศไทยมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ อะซอลล่า พินนาต้า (Azolla pinnata) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมในประเทศไทย กับสายพันธุ์ อะซอลล่า ไมโครฟิลล่า (Azolla microphylla) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่กรมวิชาการเกษตรนำเข้ามาเพื่อคัดพันธุ์
สายพันธุ์ อะซอลล่า พินนาต้า (Azolla pinnata)
เป็นสายพันธุ์ท้องถิ่น มีถิ่นกำเนิดกระจายอยู่เป็นบริเวณกว้างของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน อินเดีย และออสเตรเลีย โดยจะมีลักษณะใบบนและล่างมีขนาดใกล้เคียงกัน ใบล่างค่อนข้างโปร่งใส มีคลอโรฟิลล์น้อยมาก ใบบนเป็นสีเขียวมีคลอโรฟิลล์
สายพันธุ์ อะซอลล่า ไมโครฟิลล่า (Azolla microphylla)
เป็นสายพันธุ์ที่ปรับปรุงโดยกรมวิชาการเกษตร มีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่บริเวณเขตร้อนของอเมริกาและหมู่เกาะเวสต์อินดีส โดยมีลักษณะใบบนด้านหลังมีโพรงใบ และมีสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินอาศัยอยู่ในโพรงใบของแหนแดง จุดเด่นจะมีขนาดใหญ่ เจริญเติบโตได้รวดเร็ว ตรึงไนโตรเจนได้มากกว่าสายพันธุ์ท้องถิ่น และให้ผลผลิตสูงกว่าสายพันธุ์พื้นเมืองถึง 10 เท่า
การเพาะเลี้ยงแหนแดง
แบบที่ 1 เลี้ยงในบ่อซีเมนต์
1. เตรียมบ่อปูนเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 80 เซนติเมตร ปิดฝาที่ก้นบ่อ เจาะรูให้สูงจากก้นบ่อประมาณ 10 เซนติเมตร สำหรับใช้ควบคุมระดับน้ำ
2. ใส่ดินนารองก้นบ่อ เท่ากับระดับด้านล่างของรูที่เจาะไว้ เติมปุ๋ยคอก 1 กิโลกรัม และเติมน้ำให้สูงจากระดับผิวดินประมาณ 10 เซนติเมตร
3. ใส่แม่พันธุ์แหนแดง 50 กรัม ลงในบ่อที่เตรียมไว้แล้วใช้มือกระจายให้ทั่ว
4. เมื่อแหนแดงเจริญเติบโตเต็มบ่อ นำแหนแดงที่ได้ไปขยายพันธุ์ต่อได้
แบบที่ 2 เลี้ยงในบ่อแบบบ่อขุด
1. เนื่องจากแหนแดงไม่ต้องการน้ำลึก จึงควรขุดบ่อให้สามารถขังน้ำลึกประมาณ 5-10 เซนติเมตร และควรมีการพรางแสงหรือมีร่มไม้รำไร
2. ใส่แม่พันธุ์แหนแดงลงในบ่อที่เตรียมไว้ เช่น พื้นที่บ่อประมาณ 5 ตารางเมตร ใส่แม่พันธุ์แหนแดงลงไป 10 กิโลกรัม ใช้เวลา 10-15 วัน เมื่อแหนแดงเจริญเติบโตเต็มบ่อ สามารถนำแหนแดงไปขยายต่อในพื้นที่ที่ต้องการต่อไปได้
การนำแหนแดงไปใช้ประโยชน์
- ใช้เป็นปุ๋ยสดในนาข้าว
โดยนำไปหว่านในนาข้าว 2 ช่วง คือ ช่วงก่อนการปลูกข้าว หว่านแหนแดง ประมาณ 20 วัน แล้วไถกลบและช่วงหลังการปลูกข้าว ถ้าเป็นนาดำให้ดำนาไปก่อนแล้วหว่านแหนแดง
- ใช้แหนแดงแห้งผสมวัสดุปลูก
โดยนำแหนแดงสดมาตากแดดประมาณ 2 วัน เมื่อแห้งแล้วให้เก็บใส่กระสอบไว้ใช้ผสมกับวัสดุปลูกอัตราที่ใช้แหนแดงแห้ง 20 กรัมต่อวัสดุปลูก 1 กิโลกรัม ซึ่งแหนแดงแห้งมีคุณสมบัติไม่แตกต่างจากแหนแดงสด
- ใช้แหนแดงเป็นอาหารสัตว์
เนื่องจากแหนแดงเป็นแหล่งโปรตีนและแร่ธาตุที่มีต้นทุนต่ำ เกษตรกรสามารถนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์โดยตรง หรือผสมกับอาหารสัตว์ประเภทอื่นๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพ
แหนแดงมีโปรตีน ไขมัน เซลลูโลส และแร่ธาตุต่างๆ เป็นส่วนประกอบจำนวนมาก จึงเหมาะสมที่จะใช้เป็นอาหารสัตว์ได้เป็นอย่างดี จากการวิเคราะห์พบว่า กรดอะมิโนที่จำเป็นในแหนแดงมีปริมาณสูงเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของปลา จึงเหมาะสมที่จะใช้เลี้ยงปลา โดยเฉพาะการเลี้ยงปลาในนาข้าวที่มีแหนแดงอยู่ด้วย สามารถทำให้น้ำหนักของปลาและขนาดของปลาเพิ่มขึ้นมากกว่าปลาที่เลี้ยงในนาข้าวโดยไม่มีแหนแดงร่วมด้วย
การแพร่กระจาย
แหนแดงเป็นเฟิร์นที่พบได้ในทุกภาค ซึ่งจะพบในแหล่งน้ำนิ่ง อาทิ บ่อน้ำ บึง พื้นที่ชุ่มน้ำหรือแอ่งที่มีน้ำท่วมขังตลอดปี ทั้งนี้ สามารถสังเกตได้จากผิวแหล่งน้ำมีพืชสีเขียวลอยบนผิวน้ำ แต่ขณะต้นยังเล็กหากมองไกลๆ จะคล้ายแหนเป็ดมาก แต่เมื่อต้นแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมแดงเรื่อ ซึ่งจะแยกแยะจากแหนเป็ดได้อย่างชัดเจน เพราะแหนเป็ดจะไม่เปลี่ยนสีใบ ใบแหนเป็ดจะมีสีเขียวตลอด แต่แหนเป็ดใหญ่จะมีแผ่นใบด้านล่างมีสีน้ำตาลแดง
ข้อเสียของแหนแดง
1. แหนแดงเมื่อเติบโตและแพร่กระจายมากจะมีลำต้นปกคลุมผิวน้ำทั้งผืน ทำให้แสงแดดส่องไม่ถึงท้องน้ำหรือแสงแดดส่องไม่ถึงน้ำ ส่งผลต่อการสังเคราะห์แสง และการเติบโตของพืชใต้ท้องน้ำ รวมถึงทำให้ออกซิเจนละลายน้ำลดลง ผลที่เกิดขึ้นเหล่านี้ มีสาเหตุสำคัญทำให้สัตว์น้ำจำพวกปลาตายได้ง่าย
2. แหนแดงสามารถเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในแหล่งน้ำที่มีไนโตรเจนสูง ทำให้ปกคลุมพื้นผิวน้ำจนทั่ว ส่งผลให้พรรณไม้น้ำชนิดอื่นไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้และตายได้ง่าย อีกทั้งเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของแหนแดงออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะอื่น
ขอบคุณข้อมูลจาก : puechkaset.com
ขอบคุณภาพจาก : The citizen.Plus
เผยแพร่ออนไลน์ล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2567