ที่มา | เก็บมาเล่า |
---|---|
ผู้เขียน | เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์ |
เผยแพร่ |
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า ส.ป.ก. ได้แต่งตั้งคณะทำงาน ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อวางระเบียบขั้นตอนการใช้ “โฉนดเพื่อการเกษตร” เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันตัวบุคคล ในชั้นสอบสวนได้ทุกกรณี ยกเว้นบางกฎหมาย เช่น กฎหมายยาเสพติด การพนัน ฟอกเงิน ค้ามนุษย์ ทั้งนี้ ส.ป.ก. คาดว่าจะสามารถลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ “โฉนดเพื่อการเกษตร” เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันตัวบุคคลได้จริงภายใน 3 เดือนนี้
ในอดีต ที่ดิน ส.ป.ก. เป็นเอกสารสิทธิที่ดินของรัฐ อาจไม่มีมูลค่า ทำให้เกษตรกรที่อยู่ในเขต ส.ป.ก. ไม่มีหลักทรัพย์ใดๆ ในการค้ำประกันตน หลังจาก ส.ป.ก. ปรับปรุงเอกสารสิทธิการใช้ประโยชน์ ส.ป.ก. 4-01 ให้เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ตามนโยบายของรัฐบาล จึงเร่งเชื่อมโยงความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าโฉนดเพื่อการเกษตรให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด เพื่อให้เกษตรกรใช้ “โฉนดเพื่อการเกษตร” เป็นภูมิคุ้มกันช่วยเหลือตัวเองได้
นอกจากนี้ ส.ป.ก. ได้แสวงหาพันธมิตรรายใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโฉนดเพื่อการเกษตร เสริมสร้างความผาสุกของพี่น้องเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน โดย ส.ป.ก. เตรียมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อใช้ “โฉนดเพื่อการเกษตร” เป็นหลักประกันเงินกู้ในระบบสหกรณ์ได้เทียบเท่ากับโฉนดทั่วไป ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับการใช้โฉนดเพื่อการเกษตร เป็นหลักประกันสินเชื่อกับ ธ.ก.ส. ทำให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากวงเงินสินเชื่อ ธ.ก.ส. ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 80 ของราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินกรมธนารักษ์ คิดเป็นวงเงินประมาณ 490,000 ล้านบาท จากเป้าหมายการออกโฉนดเพื่อการเกษตร ปี 2567 จำนวน 1 ล้านแปลง
“ผมมั่นใจว่า ภายใน 3 เดือนข้างหน้า โครงการนี้จะสามารถใช้งานได้จริง เปิดโอกาสให้เกษตรกรที่ถือครองที่ดิน ส.ป.ก. ประมาณร้อยละ 80-90 สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสหกรณ์ได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ส.ป.ก. คาดหวังว่า แหล่งเงินทุนอื่นๆ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะรับรู้และเข้าใจว่า โฉนดเพื่อการเกษตรของ ส.ป.ก. มีมูลค่าจริงๆ สามารถเข้ามาเป็นพันธมิตรกับเราได้อย่างสบายใจมากขึ้น” นายวิณะโรจน์ กล่าว
เกษตรกรที่ถือครองโฉนดเพื่อการเกษตร มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนใหม่และเพิ่มวงเงินสินเชื่อ รวมทั้งสามารถขอสินเชื่อนโยบายจากกองทุน ส.ป.ก. เต็มวงเงินตามราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์แล้ว ยังใช้ไม้มีค่าที่ปลูกบนที่ดิน เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อ (โฉนดต้นไม้) ได้เต็มวงเงิน 100% อีกด้วย โดย ส.ป.ก. สนับสนุนให้เกษตรกรสร้างรายได้โดยปลูกไม้มีค่า 10 ต้นต่อไร่ เพื่อเพิ่มทรัพย์สินในที่ดิน และประสานความร่วมมือกับกรมป่าไม้ ธ.ก.ส. และ อบก. เพื่อขาย Carbon Credit ในอนาคตอีกด้วย
กรณีหลายฝ่ายแสดงความห่วงใยว่า การเปลี่ยนแปลงหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) เป็นโฉนดเพื่อการเกษตรจะตกไปถึงมือนายทุนนั้น นายวิณะโรจน์กล่าวยืนยันว่า ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วางระบบตรวจสอบเกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินไว้ 3 ขั้นตอน 1. ให้จัดทำรายชื่อผู้ได้รับการจัดที่ดินทุกราย ติดประกาศในเขตที่ดินที่ตั้งอยู่ในท้องที่นั้น เพื่อให้เกษตรกรร่วมกันตรวจสอบ 2. จัดตั้งคณะทำงานตรวจสอบผู้ถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินในระดับอำเภอ มีนายอำเภอเป็นประธานคณะทำงาน 3. รมว.ธรรมนัสเป็นประธานคณะอนุกรรมการ พิจารณาความผิดเกี่ยวกับการถือครองที่ดินและใช้ประโยชน์ในที่ดินโดยมิชอบ ประกอบด้วยคณะทำงานจากหลายฝ่าย เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฯลฯ นี่คือกลไกการตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพื่อให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่า ส.ป.ก. จัดสรรที่ดินให้กับเกษตรกรอย่างแท้จริง
“ปัจจุบัน ส.ป.ก. ยังมีภารกิจอื่นๆ เช่น การส่งเสริมการทำสินค้าเกษตรคุณภาพโดย ส.ป.ก. มีศูนย์รับรองสินค้าเกษตร มาตรฐาน GAP และสินค้าเกษตรอินทรีย์ของเราเอง รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งด้านการแปรรูป และการตลาดโดย รมว.ธรรมนัสได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสนับสนุนภารกิจของ ส.ป.ก. เพื่อสร้างความเข้มแข็งในภาคการผลิตและการแปรรูป หวังยกระดับราคาสินค้าเกษตร 3 เท่าภายใน 4 ปี ตามนโยบายของรัฐบาล เพราะหากพื้นที่ ส.ป.ก. 40 ล้านไร่เข้มแข็ง เกษตรกรที่ทำกินในที่ดิน ส.ป.ก. ประมาณ 10 ล้านครัวเรือนก็จะเข้มแข็งตามไปด้วย” นายวิณะโรจน์ กล่าว
เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน ส.ป.ก. มีนโยบายสร้างความเข้มแข็งด้านอาชีพและรายได้บนที่ดิน ส.ป.ก. โดยใช้ฐานข้อมูล ธ.ก.ส. สแกนหาพื้นที่ที่เปราะบาง โดยจัดส่งเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. เข้าไปส่งเสริมพัฒนาอาชีพและรายได้เกษตรกรให้เข้มแข็งอย่างเร่งด่วนแล้ว ยังใช้อาสาสมัครในพื้นที่เป็นหูเป็นตา ช่วยดูแลการพัฒนาเกษตรกร พร้อมตรวจสอบการบุกรุกที่ดิน ส.ป.ก. อย่างผิดกฎหมายไปพร้อมกัน
ส.ป.ก. ทำหน้าที่จัดสรรที่ดินทำกินให้กับเกษตรกรแล้ว ยังดูแลเรื่องการจัดโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกร โดยปัจจุบัน ส.ป.ก. ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ16 หน่วยงาน เช่น กรมพัฒนาที่ดิน กรมชลประทาน มูลนิธิปิดทองหลังพระ สำนักงานทรัพยากรน้ำ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ (พอช.) มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นต้น
“ส.ป.ก. ไม่มีศักยภาพมากพอที่จะดูแลการพัฒนาที่ดิน ส.ป.ก. จำนวน 40 ล้านไร่ จึงต้องร่วมมือกับพันธมิตรช่วยกันทำงาน ในช่วงที่ผมรับตำแหน่งเลขาธิการ ส.ป.ก. สามารถพัฒนาแหล่งน้ำในที่ดิน ส.ป.ก. ได้เพิ่มขึ้นเกือบ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร หาก ส.ป.ก. ทำเอง คงไม่ได้มากขนาดนี้ ได้ถนนเพิ่มขึ้นมาเยอะแยะ ได้บ้าน กับ พอช. เกือบ 2,000 หลัง ได้ไฟฟ้า และอื่นๆ ตลอดจนจัดอบรมเพิ่มพัฒนาศักยภาพเกษตรกร และการพัฒนาตลาดให้มีความเข้มแข็งสามารถดำรงชีพอย่างมีความสุขบนที่ดิน ส.ป.ก.” นายวิณะโรจน์ กล่าวในที่สุด