เผยแพร่ |
---|
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการ นโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า คาดว่าอีก 5-6 เดือน พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม พ.ศ. … จะมีผลบังคับใช้ขณะนี้ อยู่ที่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย พ.ร.บ.ฉบับนี้มี 1 หมวดจะเป็นส่วนว่าด้วยกองทุนปาล์มน้ำมัน ซึ่งย้ำว่าไม่ได้มีวัตถุประสงค์ ในการแทรกแซงราคาปาล์ม แต่ใช้เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มในระยะยาว เช่น การวิจัยและพัฒนาต่างๆ
สำหรับสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ในปัจจุบันอยู่ที่ 435,601 ตัน เพิ่มขึ้นจากในระดับปกติที่มีอยู่ประมาณ 200,000 ตันซีพีโอ เพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค. ที่ผ่านมา 7.18% โดยที่ประชุม มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงาน ไปหาแนวทางรองรับปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันที่อาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยแนวทางหนึ่งที่มีการหารือก็คือ อาจเพิ่มสัดส่วนเปอร์เซ็นต์น้ำมันไบโอดีเซล (บี 100) ในน้ำมันดีเซลจากปัจจุบันที่มีการผสมอยู่ในสัดส่วน 7% เป็น 10% หรือเปลี่ยนจากน้ำมันไบโอดีเซลบี 7 เป็นบี 10
อย่างไรก็ตาม ระดับสต๊อกดังกล่าวถือเป็นระดับที่เพียงพอสำหรับการใช้ในประเทศทั้งส่วนเพื่อบริโภคและเพื่อเป็นพลังงาน ไม่จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ขณะที่ราคาผลปาล์มอยู่ที่ 3 บาทกว่า/กิโลกรัมนั้น ยังประเมินว่าเป็นระดับที่ยังไม่มีความจำเป็นต้องมีการแทรกแซง โดยกระทรวงเกษตรจะให้ความสำคัญกับการเพิ่มคุณภาพในการผลิตเช่น เช่น กรณีเปอร์เซ็นต์น้ำมันในผลปาล์มปัจจุบัน 17.45% จะพัฒนาให้เพิ่มต่อเนื่องและให้เป็น 23% ในปี 2579
ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มอันดับ 3 ที่ยังห่างจากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตอันดับ 1 ที่ 30 ล้านตันซีพีโอ และอันดับ 2 มาเลเซีย ผลิตอยู่ที่ 19 ล้านตันซีพีโอ โดยเพียง 2 ประเทศนี้ก็มีกำลังการผลิตคิดเป็นประมาณ 90% ของกำลังผลิตทั่วโลกที่ 62 ล้านตันซีพีโอ