ลอสแอนเจลิส (ตอนที่ 5)

วันนี้คือวันที่ 4 กรกฎาคม หรือ Fourth of July ซึ่งเป็นวันสำคัญของประเทศสหรัฐอเมริกา หลายๆ แห่ง คงจะประดับธงอเมริกันและพักผ่อนตามอัธยาศัย เช่น ปิกนิก ทำฮ็อตดอก หรือแฮมเบอร์เกอร์ หรือเล่นกีฬา สนุกสนานกัน

ได้ค้นหาใน google เกี่ยวกับวันประกาศอิสรภาพ มีข้อมูลที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังดังนี้

เมื่อปี 1775 ประชาชนในรัฐ New England เริ่มต่อสู้เพื่อประกาศอิสรภาพ จนถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 1776 สภา Congress ได้โหวดอย่างลับๆ เพื่อเป็นอิสรภาพจากอังกฤษ แล้วออกประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 กรกฎาคม 1776 แล้วในวันที่ 2 สิงหาคม 1776 ก็มีการริเริ่มร่างสัญญา Thomas Jefferson และ John Adams ได้ลงนามในสัญญาประกาศอิสรภาพ ในวันที่ 4 กรกฎาคม 1826 หรือเป็นเวลา 50 ปี หลังจากเริ่มที่มีการต่อสู้ ซึ่งเรื่องนี้ กลุ่มชาวพื้นเมืองอเมริกันก็ได้ประโยชน์ด้วย โดยสามารถกำหนดอะไรได้ด้วยตัวเอง เหมือนกับตอนก่อนที่ชาวยุโรปจะเข้ามา

John Adams ได้เขียนจดหมายถึงภรรยาเขา ชื่อ Abigail เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 1776 ว่าชาวอเมริกัน เริ่มฉลองอิสรภาพของพวกเขา โดยมีขบวนพาเหรด เต้น pom เล่นกีฬา เล่นรอบกองไฟ และตีระฆัง ในปี 1780 รัฐบาลได้ประกาศวันที่ 4 กรกฎาคมเป็นวันหยุดโดยไม่จ่ายค่าจ้าง และถึงปี 1941 ให้เป็นวันหยุดโดยจ่ายค่าจ้าง

เมื่อวานนี้ ได้ไปร่วมกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนๆ ที่เรียนเกษตรมาด้วยกันพร้อมด้วยครอบครัว ที่ร้านอาหารจีนในเมือง ได้คุยถึงบรรยากาศเก่าๆ เป็นที่เพลิดเพลิน ฝ่ายหญิงมีการถ่ายรูปอาหารอยู่บ้างตามประเพณีนิยม (ของคนไทย) ได้ฟังเรื่องที่น่าตื่นเต้นจากเพื่อนคนหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้เครียดมากนัก คือก่อนหน้าที่จะมากินอาหาร 1 วัน รถยนต์พร้อมด้วยกล้องถ่ายรูปอย่างดี 2 กล้อง และอุปกรณ์ครบชุดที่อยู่ในรถยนต์ ถูกขโมย โดยที่เขาติดเครื่องรถยนต์หน้าบ้าน กำลังจะออกไปข้างนอก แต่ลืมของบางอย่างไว้ในบ้าน จึงเข้าไปเอา ขโมยมาจากไหนไม่ทราบ กระโดดขึ้นรถขับหนีไปต่อหน้าต่อตา เพื่อนคงคิดเสียดายของ ทั้งรถยนต์และกล้องถ่ายรูปครบชุด แต่ที่ยังดูเป็นปกติอยู่ คงจะคิดว่าทุกอย่างเป็นของนอกกาย หายไปก็ช่างมัน อาจจะเป็นการใช้หนี้กรรมและฟาดเคราะห์ทำให้ไม่เจ็บป่วย หรือเป็นอะไรที่รุนแรงกว่านี้ นี่คือการเป็นชาวพุทธของพวกเรานั่นเอง

การติดเครื่องยนต์รถทิ้งไว้หน้าบ้าน แล้วเข้าไปเอาของที่ลืมไว้ภายในบ้าน เป็นสิ่งที่ผมทำบ่อยๆ ที่บ้านในกรุงเทพฯ ในขณะที่ทำก็เคยคิดกลัวๆ เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แล้วเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นจนได้ แต่เกิดขึ้นที่อีกซีกหนึ่งของโลก ตรงข้ามกับประเทศเรา

หลังจากกินข้าวเสร็จ กลุ่มเพื่อนก็ได้พาผมไปเที่ยวต่อ โดยไปดูโบสถ์ของฮินดู ซึ่งมีการแกะสลักไม้ทั้งหลังสวยงาม และดูบรรยากาศที่ศักดิ์สิทธิ์ ต่อจากนั้น ได้ไปเที่ยวหอดูดาว ซึ่งเมื่อวานนี้วันจันทร์เป็นวันปิด แต่ก็มีคนไปเที่ยวมาก เพราะอยู่บนยอดเนินสูง ชมวิวได้กว้างขวาง และเป็นสถานที่ออกกำลังกายโดย trekking เดินจากข้างล่างขึ้นมาบนยอดเนิน ระยะทางเป็นกิโลๆ ยาวมาก หลังจากได้เดินชม ถ่ายรูปเป็นเวลาพอสมควรแล้ว ได้ไปแวะ Thai Town เพื่อซื้อขนมไปฝากหลานๆ ที่บ้าน โดยทราบว่าหลานๆ ชอบขนมเบื้องมาก ทั้งนี้ ขอถือโอกาสขอบคุณเพื่อนๆ ที่ได้ดูแลและพาเที่ยว

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เมื่อวานนี้ ไม่สามารถเล่นกับหลานๆ ได้ เพราะเป็นหวัดลงคอ จับไข้ กลัวจะติดหลาน พยายามอมยาแก้เจ็บคอ และยาลดไข้ Tylenol ซึ่งผ่านมา 1 คืน ตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้ว พบกันฉบับหน้าครับ