ปีหน้ารีดภาษี 2.6 ล้านล. ผู้ตรวจคลังบี้สรรพากรขยายฐาน

หน.ผู้ตรวจคลังทำแผนตรวจเข้ารีดภาษีปีหน้า 2.61 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นสรรพกร 1.9 ล้านล้าน สรรพสามิต 6 แสนล้าน และศุลกากร 1.1 แสนล้าน เผยเดือน ต.ค. เก็บได้เกินเป้าแล้ว เชื่อทำได้ไม่มีปัญหาแม้ยังออกกฎหมายเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซไม่ได้ก็ตาม

นายยุทธนา หยิมการุณ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ทำแผนการตรวจการทำงานของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะการเก็บภาษีและการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อช่วยสนับสนุนการขยายตัวเศรษฐกิจมากที่สุด สำหรับการเก็บภาษีปีงบประมาณ 2561 กรมสรรพากรมีเป้าหมายเก็บภาษี 1.9 ล้านล้านบาท กรมสรรพสามิต 6 แสนล้านบาท กรมศุลกากร 1.1 แสนล้านบาท ในเดือน ต.ค. 2560 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 ทางกรมสรรพากรสามารถเก็บภาษีได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

นายยุทธนา กล่าวอีกว่า นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญการเก็บภาษีของกรมสรรพากร โดยให้เร่งไปแก้ไขกฎหมายประมวลรัษฎากร เพื่อขยายฐานการเก็บภาษีให้มากขึ้น โดยเฉพาะการออกกฎหมาย (พ.ร.บ.) เก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) หรือภาษีอีคอมเมิร์ซ ที่มีปัญหาต้องเปิดรับฟังความเห็นตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมีผู้ไม่เห็นด้วยจำนวนมาก ทำให้การออกกฎหมายล่าช้า ส่งผลให้การเก็บภาษียังมีช่องโหว่รั่วไหลและอาจจะทำให้การเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้าหมาย

“กระทรวงการคลังสนับสนุนกรมภาษีเรื่องการขยายฐานภาษีอย่างเต็มที่ทั้งงบประมาณและอุปการณ์เทคโนโลยี รวมถึงการผลักดันการออกกฎหมาย เพื่อให้เก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ปลัดคลังให้ความสำคัญอย่างมาก” นายยุทธนา กล่าว

หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า ยังให้ความสำคัญกับการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ที่กำกับดูแลโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจให้ได้ตามเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ว่าต้องได้ 95% เนื่องจากงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ 2561 มีสูงถึง 5 แสนล้านบาท

สำหรับการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจปี 2560 ยังล่าช้า ในภาพรวมเบิกจ่ายได้ประมาณ 70% ของงบลงทุนเท่านั้น เนื่องจากมีงบลงทุนรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เบิกจ่ายล่าช้าได้ 50-60% ของงบที่ได้รับอนุมัติไว้เท่านั้น ทำให้ดึงภาพรวมของการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจไปด้วย

นายยุทธนา กล่าวอีกว่า กำชับให้ สคร. กำกับดูแลการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจให้ได้ตามเป้าหมายที่ ครม. เห็นชอบไว้ โดยให้วัดผลการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งในเชิงปริมาณคือให้ได้ตามเป้าที่รัฐบาลกำหนด และเชิงคุณภาพคือเงินลงทุนช่วยสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างคุ้มค่าเงิน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสดรายวัน ฉบับวันพุธที่ 29 พฤศจิกายน 2560