8 สหกรณ์การเกษตรผลิตข้าวกข 43 ตามมาตรฐาน GAP กระทรวงพาณิชย์ประสานเอกชนรับซื้อแปรรูปเป็นข้าวสารส่งเข้าห้างโมเดิร์นเทรด

สหกรณ์การเกษตร 8 แห่งเร่งผลิตข้าวกข 43 ส่งมอบเอกชน หลังกระแสตอบรับจากกลุ่มคนรักสุขภาพนิยมหาซื้อไปบริโภคเพิ่มมากขึ้น เผยกรมการข้าวให้การสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวกข 43 ให้กับสหกรณ์ได้นำมาส่งเสริมสมาชิกได้เพาะปลูกจนประสบผลสำเร็จ ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาด ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จับมือโรงสีและห้างโมเดิร์นเทรด ร่วมเป็นคู่ค้าข้าวกข 43 กับสหกรณ์ผู้ผลิต เตรียมจัดพิธีลงนามข้อตกลงขายข้าวล็อตแรก วันที่ 11 พฤษภาคม นี้ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยเรียนเชิญนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามดังกล่าว

นายพิเชษฐ์  วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยถึงความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมการข้าวในการส่งเสริมให้สหกรณ์ผลิตข้าวเพื่อสุขภาพพันธุ์ กข 43 โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมการผลิตและการตลาดแบบครบวงจร โดยเน้นการรวมกลุ่มให้ผลิตร่วมกันแบบการเกษตรแปลงใหญ่ และยกระดับให้เป็นสินค้าตลาดเฉพาะของกลุ่มคนรักสุขภาพ ซึ่งในปีนี้ได้กำหนดเป้าหมายพื้นที่นาปรังจำนวน 3,000 ไร่ และอยู่ระหว่างการขยายพื้นที่นาปีอีกจำนวน 300,000 ไร่ เริ่มปลูกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป โดยเชิญชวนสหกรณ์ที่สนใจเข้าร่วมโครงการและส่งเสริมให้สมาชิกสหกรณ์หันมาปลูกข้าวพันธุ์ กข 43 เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นข้าวอายุสั้น เพียง 95 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตส่งจำหน่ายได้ ขณะที่ปัจจุบันกระแสตอบรับจากผู้บริโภคและตลาดมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักในการหาพื้นที่เป้าหมายที่จะเพาะปลูกข้าว กข 43 เน้นพื้นที่ที่สามารถควบคุมได้ เพื่อป้องกันการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีการปลอมปน ซึ่งสมาชิกสหกรณ์ที่จะปลูกข้าวพันธุ์นี้จะต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ปลูกข้าว กข 43 และใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ผ่านการรับรองจากกรมการข้าวแล้วเท่านั้น  โดยมีสหกรณ์เข้ามาดูแลและควบคุมคุณภาพแปลงปลูกให้ได้มาตรฐาน GAP กระบวนการเก็บเกี่ยวไปจนถึงขั้นตอนรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกร  ปัจจุบันมีสหกรณ์นำร่อง 8 แห่งที่ประสบผลสำเร็จในการส่งเสริมสมาชิกผลิตข้าว กข 43 ที่ได้มาตรฐานของกรมการข้าว ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรบ้านลาด จำกัด สหกรณ์การเกษตรเขาย้อย จำกัด จังหวัดเพชรบุรี สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้าธกส.พระนครศรีอยุธยา จำกัด สหกรณ์การเกษตรท่าเรือ จำกัด สหกรณ์การเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดินช้างใหญ่ จำกัด จังหวัดอยุธยา สหกรณ์นิคมลานสัก จำกัด จังหวัดอุทัยธานี สหกรณ์การเกษตรทุ่งวัดสิงห์ จำกัด จังหวัดชัยนาทและสหกรณ์การเกษตรดอนเจดีย์ จำกัด จังหวัดสุพรรณบุรี มีเกษตรกรที่เป็นสมาชิกเข้าร่วมโครงการฤดูนาปรังที่ผ่านมา จำนวน 271 ราย พื้นที่เพาะปลูก  3,324 ไร่ โดยเริ่มปลูกตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560 – มกราคม 2561 และเก็บเกี่ยวระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2561 ปริมาณผลผลิตที่ได้ 1,662 ตันข้าวเปลือกและ 747.9 ตันข้าวสาร

“ สหกรณ์บางแห่งที่มีโรงสีข้าว เช่น สหกรณ์การเกษตรดอนเจดีย์ จำกัดและสหกรณ์การเกษตรทุ่งวัดสิงห์ จำกัด  ได้แปรรูปข้าว กข 43 เป็นข้าวสาร บรรจุถุงสุญญากาศที่มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพจากกรมการข้าว วางขายที่ร้านค้าสหกรณ์และสถานที่ราชการ ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์รับหน้าที่วางแผนการตลาดข้าว กข 43 โดยประสาน ความร่วมมือกับภาคเอกชน ซึ่งในวันที่ 11 พฤษภาคม นี้ จะมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงซื้อขายข้าวเปลือก กข 43 ระหว่างโรงสีเอกชนและผู้ประกอบการ กับเครือข่ายสหกรณ์ผู้ผลิตข้าว กข 43 ทั้ง 8 แห่ง เพื่อนำไปแปรรูปเป็นข้าวสารวางจำหน่าย ในห้างโมเดิร์นเทรด ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่  Big C  THE MALL TESCO Lotus และ Tops supermarket  ซึ่งการลงนามดังกล่าวจะจัดขึ้น  ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยได้เรียนเชิญนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวด้วย”  อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว