เสนอครม.ยืดอายุสินเชื่อแปลงใหญ่ “ฉัตรชัย”ดึงเกษตรกรเข้าร่วมรับมือพืชผลตกต่ำ

“ฉัตรชัย” เตรียมเสนอ ครม.ยืดอายุสินเชื่อเกษตรแปลงใหญ่จาก 1 ปีเป็น 3 ปี หวังดึงเกษตรกรเข้าร่วมโครงการให้มากที่สุด เพื่อรับมือกับราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ด้านนายกรัฐมนตรีบุกตรวจงานกระทรวงเกษตรฯ เน้นเรื่องการเชื่อมโยงในลักษณะบูรณาการกับทุกหน่วยงาน

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปี 2560 จะเพิ่มความเข้มข้นในเรื่องเกษตรแปลงใหญ่ และผลักดันเรื่องสินเชื่อให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ทันในสัปดาห์นี้ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการให้มากที่สุด และช่วยเหลือชาวนาให้เร็วขึ้น โดยจะขอปรับปรุงเงื่อนไขอายุสินเชื่อตามโครงการนโยบายเกษตรแปลงใหญ่ของรัฐบาล จากเดิมที่กระทรวงเกษตรฯเสนออนุมัติสินเชื่อไว้ครั้งที่ 1 เสนอตามแผนยุทธศาสตร์ข้าว วงเงินสินเชื่อ 5 ล้านบาทต่อแปลง ระยะเวลาชำระหนี้ 1 ปี ดอกเบี้ยที่เกษตรกรต้องชำระอัตรา 0.01% ต่อปี จะขอเปลี่ยนเป็นวงเงินสินเชื่อ 5 ล้านบาทต่อแปลง อายุสินเชื่อ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ทั้งนี้ เพื่อจูงใจเกษตรกรเข้าสนับสนุนเเละร่วมโครงการมากขึ้น เพราะที่ผ่านมามาตรการดังกล่าวยังไม่จูงใจให้เกษตรกรเข้าร่วมกิจกรรมแปลงใหญ่ เพราะระยะเวลาในการชำระหนี้และคืนเงินต้นเร็วเกินไป

การเสนอให้ ครม.พิจารณาปรับปรุงอายุสินเชื่อเพื่อโครงการแปลงใหญ่นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับโครงการเกษตรแปลงใหญ่ของรัฐบาลในเรื่องยุทธศาสตร์ข้าว 20 ปีให้สามารถขับเคลื่อนเป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ ซึ่งเดิมกำหนดการที่กระทรวงเกษตรฯจะเสนอ ครม.คือวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ในรายละเอียดเงื่อนไขนั้น กรมส่งเสริมการเกษตรยังไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จ เเละที่สำคัญคือต้องการปรับเงื่อนไขเพื่อเพิ่มวงเงินและกรอบระยะเวลาซึ่งจะเพิ่มไปอีก 5-10 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ในที่ประชุม ครม.ท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้หลักการในการวางกลยุทธ์และนโยบายว่า ให้เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นประโยชน์ โดยให้เอาประโยชน์ของเกษตรกรเป็นที่ตั้ง อย่าให้งบประมาณมาปิดกั้นการพัฒนาและยกระดับราคาสินค้าเกษตร ต้องเดินหน้าในงบประมาณที่มีอยู่ให้เต็มที่ไปก่อน หากมีโครงการที่ดีมีประโยชน์แล้วงบประมาณไม่พอค่อยของบฯกลางปีเพิ่ม ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมสนับสนุนงบประมาณเพื่องานของเกษตรกรเต็มที่ อาทิ เรื่องปรับเกษตรกรโดยใช้เครื่องจักรกล เพื่อสนับสนุนเกษตรกรให้มีเครื่องมือที่จะเสริมเพิ่มเติม ทำให้เกษตรกรมีช่องทางการผลิตและตลาดมากขึ้น พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาติดตามงานกระทรวงเกษตรฯ ในภารกิจที่เชื่อมโยงในลักษณะบูรณาการกับทุกหน่วยงาน พร้อมกับให้นโยบายเพิ่มเติมในการที่ต้องดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี ที่แบ่งเป็น 7 ยุทธศาสตร์ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินงานตาม 7 ยุทธศาสตร์หลักแล้ว เช่น เรื่องของการสร้างความมั่นคงทางอาหาร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

รวมถึงการปฏิรูปการเกษตรเพื่อไปสู่เป้าหมาย การเป็นเกษตรดิจิทัล ตามวิสัยทัศน์ของประเทศ การเป็น Thailand 4.0 ที่ต้องนำความรู้ด้านต่าง ๆ มาพัฒนาสร้างเกษตรยุคใหม่หรือ Smart Farmer และเน้นย้ำต้องวางกรอบและประเมินผลทุก ๆ 5 ปี ผ่านความร่วมมือในลักษณะประชารัฐ และทุกแผนงานต้องสอดคล้องกับการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีความเชื่อมั่นในการทำงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมย้ำว่าขณะนี้รัฐบาลได้แก้ปัญหาให้กับเกษตรกรในทุกด้าน โดยเฉพาะการวางแนวทางในระยะยาว เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร แต่บางครั้งอาจต้องใช้เวลาบ้างก็เป็นสิ่งที่ต้องขอความร่วมมือให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำความเข้าใจ

นายกรัฐมนตรียังกล่าวย้ำด้วยว่า การที่ประเทศไทยจะเดินหน้าสู่การเป็น 4.0 นั้นจะทำให้ทุกภาคส่วนมีการพัฒนาในลักษณะที่เป็นห่วงโซ่เชื่อมโยงกัน และที่สุดประชาชนก็จะได้รับประโยชน์จากรายได้ประเทศที่สูงขึ้น โดยสิ่งที่ต้องร่วมมือกันคือการสร้างเสถียรภาพ ทำให้นักลงทุนและภาคธุรกิจเกิดความเชื่อมั่นต่อประเทศ