ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“เข้าใจดีว่า ปัจจุบัน ไทยกำลังพัฒนาและส่งเสริมการใช้สมุนไพรในการรักษาโรค ผมไม่ได้ต่อต้าน เพราะสมุนไพรอาจจะไม่มีผลชัดเจนกับการรักษาโรคไต แต่ยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ แต่การใช้ก็ต้องระวัง” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
ด้าน ศ.นพ.สมชาย เอี่ยมอ่อง ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันประชากรโลกมากกว่า 850 ล้านคน หรือประมาณ ร้อยละ 11 ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรัง โดยมีค่าการทำงานของไตลดลง ประมาณ ร้อยละ 60 ต้องรักษาด้วยการล้างไต 2.5 ล้านคน และอีกไม่กี่ปีจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หรือ 5 ล้านคน สำหรับในประเทศไทยมีผู้ป่วยต้องล้างไต อย่างต่ำ 1 แสนคน เพิ่มขึ้นราว 1 หมื่นคน ต่อปี สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการกินยาและสมุนไพร
“มีรายงานจากต่างประเทศว่า ทั่วโลกห้ามใช้สมุนไพร ไคร้เครือ เพราะทำให้ไตวายและเป็นมะเร็งระบบปัสสาวะ ส่วนสมุนไพรกลุ่มใบชา ปอกะบิด หรือกาแฟบางชนิดที่นำมาแปรรูปในโฆษณาในเรื่องลดน้ำหนัก จะส่งผลต่อค่าของตับและไตสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องระวังการปนเปื้อนสารอันตรายจากกระบวนการผลิตด้วย ซึ่งจากการสุ่มตรวจพบปนเปื้อนสเตียรอยด์ถึงร้อยละ 30 และยังพบสารหนู แคดเมียม ซึ่งเป็นโลหะที่มีผลต่อโรคไต” ผศ.พญ. สุภินดา กล่าว
ศ.นพ. รณชัย คงสกนธ์ นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อยากให้ผู้ป่วยมีความใกล้ชิดกับแพทย์เพื่อให้ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง และอย่าเชื่อสื่อต่างๆ ที่ไม่ถูกต้อง