เบญจมาศกระถาง ในโครงการพัฒนาบ้านโปงตามพระราชดำริ

พอเข้าหน้าหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ภูมิอากาศโดยเฉลี่ยในภาคเหนือจะหนาวเย็นกว่าภาคอื่นๆ เนื่องจากอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดพาเอาความหนาวเย็นมาจากประเทศจีน ซึ่งต้องผ่านภาคเหนือก่อน อุณหภูมิในภาคเหนือจึงเปลี่ยนแปลงก่อนภาคอื่น ในต่างจังหวัดพื้นที่โล่งประมาณปลายเดือนตุลาคมจะพบเห็นแมลงปอบินโฉบฉวัดเฉวียนไปมาในตอนเช้าๆ ก็จะเป็นสัญลักษณ์ให้เรารู้ว่า ฤดูหนาวจะเริ่มมาเยือนอีกไม่นาน ให้เตรียมตัวเพื่อรับหน้าหนาว

แต่ในเมืองไม่มีแมลงปอเป็นทูตของฤดูหนาวมาบอก ก็จะรู้ตัวเมื่อฤดูหนาวมาถึงแล้วโดยไม่ได้เตรียมตัว แต่บรรยากาศในเมืองจะมีสีสันเปลี่ยนแปลงไป โดยดูจากร้านค้าจะพบว่าร่มและเสื้อกันฝนที่เคยวางเด่นไว้หน้าร้านจะเปลี่ยนเป็นเสื้อกันหนาวหลากสีสัน โดยเฉพาะเสื้อกันหนาวมือสองจากต่างประเทศแขวนขายกันให้เกลื่อนเมือง เสื้อกันหนาวมือสองที่เอ็กซ์ปอร์ตมาจากต่างประเทศ (ตลาดโรงเกลือ) นับว่าเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของความหนาวในเมืองได้เป็นอย่างดี

สัญลักษณ์อีกอย่างที่บ่งบอกสีสันฤดูหนาวได้เป็นอย่างดี คือ ดอกไม้นานาพรรณที่เกษตรกรชาวสวนดอกไม้จากภาคเหนือหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่หน้าฝนก็จะพร้อมใจกันผลิบานกันในหน้าหนาวอย่างพร้อมเพรียง เราจะเห็นดอกไม้เมืองหนาวต่างๆ วางเรียงรายอยู่ตามร้านต้นไม้ให้เห็นทุกร้าน โดยต้นคริสต์มาสสีแดงสดใสวางเป็นแถวดูเด่นตา นอกจากนี้ ยังมีต้นคริสต์มาสสีเหลือง และชมพูแซมตาให้ดูได้อีก ไม้ดอกกระถางอีกชนิดหนึ่งที่เห็นได้เฉพาะหน้าหนาว ซึ่งมีสีสันฉูดฉาดมากมายให้ได้เลือกซื้อหา ได้แก่ เบญจมาศกระถาง

 

เบญจมาศ

เบญจมาศ (Chrysanthemum Dendranthema grandiflora) เป็นไม้ดอกล้มลุก มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีนและญี่ปุ่น ถ้าแบ่งตามลักษณะการใช้ประโยชน์ก็จะแบ่งได้เป็นเบญจมาศที่ปลูกเพื่อตัดดอกกับเบญจมาศที่ปลูกเพื่อเป็นไม้กระถาง ในปัจจุบันมีการพัฒนาพันธุ์ของเบญจมาศกระถางกันมากมาย นอกจากความหลากหลายสีสันแล้ว ยังมีความหลากหลายในลักษณะของรูปทรงดอกอีกด้วย และการแตกทรงพุ่มและการเจริญเติบโตของเบญจมาศกระถางก็ยังมีความแตกต่างกัน

โครงการพัฒนาบ้านโปงตามพระราชดำริ เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนิน ทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ที่บ้านโปง ในปี พ.ศ. 2527 ด้วยทรงทราบว่าราษฎรชาวบ้านโปงมีการอนุรักษ์ป่าและต้นน้ำลำธารเป็นอย่างดี เนื่องจากบริเวณแถบนี้เป็นแหล่งต้นน้ำของห้วยโจ้ ซึ่งจะไหลไปรวมกันเป็นแม่น้ำแม่ปิง ได้มีพระราชดำริให้มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดหาพืชพรรณที่เหมาะสมในการปลูกเลี้ยงมาให้ชาวบ้านแม่โปง เพื่อจะได้มีอาชีพเป็นหลักเป็นฐานโดยไม่ต้องไปรบกวนแหล่งต้นน้ำลำธาร

มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยฝ่ายพัฒนาเกษตรที่สูง สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร จึงได้รับสนองพระราชดำริโดยการจัดตั้งเป็นโครงการพัฒนาบ้านโปงตามพระราชดำริ เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้การปลูกเลี้ยงเบญจมาศกระถางและเบญจมาศตัดดอก เพื่อให้ความรู้แก่ชาวบ้านบ้านโปงและชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง เมื่อปี พ.ศ. 2530

อาจารย์ธนวัฒน์ รอดขาว นักวิชาการเกษตรชำนาญการ ซึ่งจบปริญญาตรี สาขาพืชสวน จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้เข้ามารับผิดชอบดูแลด้านการผลิตและอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกเลี้ยงเบญจมาศกระถาง และเบญจมาศตัดดอกของโครงการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 ต่อมาได้ไปศึกษาต่อทางด้านการเพาะเนื้อเยื่อที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เพื่อมาพัฒนางานของเบญจมาศทางด้านการขยายพันธุ์ เนื่องจากการขยายพันธุ์ด้วยการเด็ดยอดปักชำไม่สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตให้ได้มากเพียงพอสำหรับการทำการค้าได้

ต้นพันธุ์เบญจมาศกระถาง

มาจากการปั่นตา

จากที่เคยมีการขยายพันธุ์เบญจมาศด้วยการปักชำยอด ซึ่งได้ในปริมาณน้อย และมีโรครบกวนมาก ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนจากวิธีเดิมเป็นการขยายพันธุ์ต้นเบญจมาศด้วยการนำยอดไปปั่นเนื้อเยื่อ เนื่องจากโครงการต้องการผลิตต้นพันธุ์จำนวนมากเพื่อให้เกษตรกรสามารถนำไปเป็นต้นกล้าได้พอเพียงกับความต้องการ จึงเป็นที่แน่ใจได้ว่าต้นกล้าเบญจมาศที่ได้จะเป็นต้นกล้าที่มีความสะอาดปลอดเชื้อโรค ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเริ่มแรกเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ เมื่อนำต้นพันธุ์เบญจมาศมาลงปลูกในโรงเรือนอนุบาลตามที่เตรียมไว้อย่างดีแล้ว ประมาณ 1 เดือน จึงนำลงมาชำในกระถาง 5 นิ้ว ที่ใส่วัสดุปลูกพร้อม

วัสดุปลูก

การเตรียมวัสดุปลูกเป็นสิ่งสำคัญ วัสดุที่ใช้ปลูกจะประกอบด้วย ขุยมะพร้าว 2 ส่วน ขี้เถ้าแกลบ 1 ส่วน ทรายหยาบและปุ๋ยหมักอย่างละ 1 ส่วน นอกจากวัสดุปลูกแล้วยังต้องใช้ปุ๋ยรองพื้น คือปุ๋ยทริปเปิลซุปเปอร์ฟอสเฟต สูตร 0-46-0 อีกจำนวน 0.5 กิโลกรัม ผสมให้เข้ากันกับเครื่องปลูก รดน้ำให้พอชุ่ม แล้วนำวัสดุปลูกใส่กระถางพลาสติกดำ 5 นิ้ว เพียง 2 ใน 3 ส่วน ของกระถางเท่านั้น แล้วใส่ปุ๋ยละลายช้าลงไปในกระถาง ประมาณ 15 กรัม ต่อกระถาง แล้วจึงเติมวัสดุปลูกจนเต็มกระถาง

และนำต้นพันธุ์มาปักชำในกระถางให้ครบ 5 ต้น โดยปักเอียงออกนอกขอบกระถาง ประมาณ 45 องศา และชำลงลึกประมาณ 1/3 ของความยาวต้น ปลูกเลี้ยงอยู่ในโรงเรือนอีกประมาณ 20 วัน จนกว่าจะออกรากและต้นสามารถตั้งตัวได้ จึงนำออกมาปลูกไว้กลางแจ้ง โดยปูพลาสติกดำหรือซาแรนรองบนพื้นป้องกันหญ้าที่จะเกิด

ต้องเด็ดยอด เพื่อให้แตกกอ

หากต้องการให้เบญจมาศกระถางแตกกอดี จะต้องเด็ดยอด เมื่อต้นตั้งตัวได้ดีแล้ว และสูงประมาณ 5-6 เซนติเมตร เมื่อตรวจดูกระถางว่ามีต้นครบหรือไม่ ถ้าไม่ครบต้องปลูกต้นซ่อมให้ครบ แล้วจึงเริ่มเด็ดยอดด้วยมือ ไม่ต้องใช้กรรไกร ก็จะเหลือต้นเบญจมาศเท่ากันทุกต้นในกระถาง เพราะจะทำให้กิ่งแขนงใหม่ที่แตกออกมามีความยาวใกล้เคียงเสมอกันหมด

หลังจากเด็ดยอดเบญจมาศแล้วประมาณ 15 วัน กิ่งแขนงก็จะเริ่มแตกออกมายอดละหลายกิ่ง รดน้ำใส่ปุ๋ยตามปกติจากการเริ่มปลูกตอนเดือนกรกฎาคมแล้วต้นเดือนธันวาคมเบญจมาศกระถางก็ผลิดอกพร้อมจำหน่าย โครงการของเราจะพิถีพิถันในการจำหน่าย เราจะคัดเลือกกระถางที่สวยสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งจะต้องมีต้นเบญจมาศครบและออกดอกสมบูรณ์ทั้ง 5 ต้น ตามที่ได้ปลูกไว้Ž ซึ่งอันนี้ผมได้ไปดูกระถางที่คัดออก ก็เห็นสวยเต็มกระถางดี จึงถามว่า ทำไม ต้องคัดออก จึงได้คำตอบนี้มา แสดงว่าคุณภาพต้นเบญจมาศของโครงการนี้มั่นใจได้ว่าสวยสมบูรณ์แน่นอน

เบญจมาศกระถางนี้ถึงเกษตรกรอยากทำก็ไม่ใช่ทำกันได้ทุกภาคของประเทศไทย จะทำได้แค่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางจังหวัดเท่านั้น เพราะในภาคอื่นความหนาวเย็นของอากาศมีไม่เพียงพอที่จะให้เบญจมาศออกดอกพรั่งพรูสวยงาม สามารถทำเป็นการค้าได้ และการซื้อหาไปก็เพื่อดูความสวยงามเพียงในช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 1 เดือน เท่านั้น หลังจากนั้น ก็จำเป็นต้องปล่อยให้ตายไป เพราะไม่สามารถนำมาปลูกเลี้ยงได้อีก เนื่องจากเป็นพืชอายุสั้นเพียงฤดูเดียว เหมาะสำหรับนำมาตกแต่งสถานที่ทั้งกลางแจ้งหรือในอาคาร สำนักงาน ในช่วงเทศกาล หรือวาระสำคัญ เพิ่มสีสันบรรยากาศให้กับงานได้เป็นอย่างดี

ถ้าเกษตรกรกลุ่มใดต้องการไปศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องเบญจมาศกระถาง หรือเบญมาศตัดดอก ในโครงการพัฒนาบ้านโปงตามพระราชดำริ เพื่อนำความรู้นี้ไปปลูกเลี้ยงเพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ ในชุมชน สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่   โทรศัพท์ 053-873-850-63