เตือน กาแฟอาราบิกา เสี่ยงเจอโรคแอนแทรคโนส

ในช่วงสภาพอากาศหนาวเย็น กลางวันร้อน กลางคืนหนาว กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกร ผู้ปลูกกาแฟอาราบิกาเฝ้าระวังการระบาดของโรคแอนแทรคโนส สามารถพบได้ในระยะที่ต้นกาแฟเริ่มติดผลจนถึงระยะเก็บเกี่ยวผลผลิต

สำหรับโรคแอนแทรคโนส แสดงอาการที่ใบ พบได้ทั้งใบอ่อนและใบแก่ ลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาล เนื้อเยื่อกลางแผลตาย ถ้ารุนแรงแผลจะขยายขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ใบแห้งไหม้ทั้งใบ แสดงอาการที่กิ่ง พบกิ่งเขียวไหม้ ทำให้ใบเหลืองและร่วงหล่น กิ่งเหี่ยวและแห้งทั้งกิ่ง แสดงอาการที่ผล พบได้ทั้งผลอ่อนและผลแก่ เริ่มแรกผลเป็นจุดสีน้ำตาลเข้ม เมื่ออาการรุนแรงขึ้น จุดจะขยายรวมกันเป็นแผลรูปร่างไม่แน่นอน และเนื้อเยื่อแผลยุบตัว หากพบที่ผลอ่อนจะทำให้ผลไม่พัฒนาเป็นเมล็ด หยุดการเจริญเติบโต และเปลี่ยนเป็นสีดำ แต่ผลยังคงติดอยู่บนกิ่งกาแฟ

หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตกาแฟเรียบร้อยแล้ว ให้เกษตรกรตัดแต่งกิ่ง ทรงพุ่ม ใบ และเก็บผลที่เป็นโรคไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก เพื่อให้โล่ง โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก และแสงแดดลอดผ่านได้ อีกทั้งควรรักษาระดับร่มเงาให้เหมาะสม เพื่อรักษาระดับความชื้นและช่วยป้องกันการเกิดโรค จากนั้นให้ใส่ปุ๋ยบำรุงต้น เพื่อให้ต้นกาแฟมีความแข็งแรง

ส่วนในระยะที่ต้นกาแฟเริ่มติดผล เกษตรกรควรหมั่นสำรวจตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบโรคเริ่มระบาด ให้พ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชแมนโคเซบ 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารเบโนมิล 50% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร

นอกจากนี้ เกษตรกรควรป้องกันกำจัดมอดเจาะผลกาแฟอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากมอดเจาะผลกาแฟจะเข้าทำลายผลทำให้เกิดบาดแผล ซึ่งจะเป็นช่องทางให้เชื้อราสาเหตุโรคเข้าทำลายผลกาแฟได้มากยิ่งขึ้น