ตุลาคม ดัชนีรายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 3.86% สศก. คาด ธันวาคม ยังทรงตัว

นางสาวจริยา สุทธิไชยา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงภาพรวมรายได้ของเกษตรกร วัดจากดัชนีรายได้เกษตรกรในเดือนตุลาคม 2561 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2560 ร้อยละ 3.86 โดยดัชนีราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้ที่ไร่นาเดือนตุลาคม 2561 ลดลงจากเดือนตุลาคม 2560 ร้อยละ 0.37 สินค้าที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาเพิ่มขึ้นเนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาเพิ่มขึ้นเนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์มีความต้องการและแข่งกันรับซื้อ และสุกร ราคาเพิ่มขึ้นเนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดลดลงจากการที่ภาคเอกชนและเกษตรกรรายย่อยลดปริมาณการผลิต

สินค้าที่ราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ยางพารา ราคาลดลงเนื่องจากมีการชะลอซื้อขายในตลาดล่วงหน้าจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศเศรษฐกิจหลัก ปาล์มน้ำมัน ราคาลดลงเนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นประกอบกับภาวะการค้าในประเทศและการส่งออกชะลอตัว ไก่เนื้อ ราคาลดลงเนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ประกอบกับภาวะการค้าชะลอตัวจากสถานศึกษาปิดภาคเรียนและอยู่ในช่วงเทศกาลกินเจ

ด้านดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรเดือนตุลาคม 2561 เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2560 ร้อยละ 4.25 สินค้าสำคัญที่ดัชนีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา ลองกอง ปาล์มน้ำมัน และไก่เนื้อ และสินค้าสำคัญที่ดัชนีผลผลิตลดลง ได้แก่ สับปะรด สุกร และไข่ไก่ หากมองแนวโน้มดัชนีรายได้เกษตรกรในเดือนพฤศจิกายน 2561 คาดว่า เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2560 ร้อยละ 2.27 เป็นผลมาจากดัชนีผลผลิตปรับตัวที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.36 โดยสินค้าสำคัญที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือก ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และไก่เนื้อ ในขณะที่ดัชนีราคาปรับตัวลดลง ร้อยละ 0.09 โดยสินค้าสำคัญที่มีราคาลดลง ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ไก่เนื้อ และไข่ไก่

ทั้งนี้ สินค้าสำคัญที่มีผลผลิตออกมากในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากเป็นช่วงเดือนที่เก็บเกี่ยวผลผลิตมาก ส่งผลให้ผลผลิตยังคงออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ยางพาราและปาล์มน้ำมัน เนื่องจากผลผลิตจะออกสู่ตลาดตามฤดูกาล รวมทั้ง ข้าวเปลือก เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต

อย่างไรก็ตาม เดือนธันวาคม 2561 ดัชนีรายได้เกษตรกรคาดว่าจะทรงตัว โดยดัชนีราคามีแนวโน้มลดลง ขณะที่ดัชนีผลผลิต คาดว่าจะใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา