ดูชาวบ้านเลี้ยง ‘หอยแครง’ ที่ ตะเคียนทอง กาญจนดิษฐ์

การเลี้ยงหอย นับเป็นอีกหนึ่งอาชีพของชาวบ้านจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่นิยมทำกัน ทั้งนี้เพราะพื้นที่หลายอำเภอติดกับอ่าวบ้านดอน

อ่าวบ้านดอน เป็นอ่าวขนาดใหญ่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากรทางธรรมชาติ ทั้งนี้ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ และสภาพความสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ รวมไปถึงแร่ธาตุทางอาหารและผลผลิตทางชีวภาพ จึงเป็นแหล่งสะสมอาหารที่มีประโยชน์ต่อสัตว์น้ำทางทะเลทางเศรษฐกิจหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู ปลา

หอยนางรมรอการเก็บ

ด้วยความสด อร่อยและมีอาหารทะเลให้เลือกมากมาย จึงทำให้บรรดานักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศต่างชื่นชอบมารับประทานอาหารทะเลของจังหวัดนี้เมื่อมีโอกาส ดังนั้นชาวบ้านบริเวณอ่าวบ้านดอนจึงมีอาชีพทำประมงกันเสียส่วนใหญ่

กาญจนดิษฐ์ เป็นหนึ่งในหลายอำเภอที่อยู่ในอ่าวบ้านดอน ชาวบ้านในอำเภอนี้ส่วนใหญ่จึงประกอบอาชีพประมงทั้งขนาดเล็กและใหญ่

ภาพรวมการทำอาชีพประมงของชาวบ้านในอำเภอกาญจนดิษฐ์มีทั้งการทำประมงน้ำจืดและประมงในทะเล สำหรับสัตว์น้ำที่เลี้ยงมีทั้งกุ้ง ปลากะพงขาวในบ่อดิน และในกระชัง ส่วนการเลี้ยงสัตว์น้ำในทะเลตามพื้นที่อนุญาตจะมีฟาร์มเลี้ยงหอยแครง หอยนางรม และหอยแมลงภู่บ้างเล็กน้อย ซึ่งหอยนางรมถือเป็นตัวเด่นของอำเภอกาญจนดิษฐ์และของจังหวัดสุราษฎร์ธานี

เดิมที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ไม่มีหอยแครง อาชีพดั้งเดิมของชาวประมงคือการเลี้ยงหอยนางรม ต่อมามีการนำพันธุ์หอยแครงจากมาเลเซียมาเลี้ยง กระทั่งเมื่อปี 2532-2535 ทางศูนย์วิจัยประมงสุราษฎร์ธานีได้ทดลองนำพันธุ์หอยแครงมาเพาะเลี้ยงแล้วประสบความสำเร็จจึงมีการขยายและส่งเสริมให้ชาวบ้านเลี้ยงกัน

อีกแบบของขนำ

จนในปัจจุบันชาวบ้านเลี้ยงทั้งหอยแครงและหอยนางรมคู่กัน แต่ที่สร้างรายได้ดีมากคือหอยแครง ส่วนตลาดที่จำหน่ายมีทั้งในและต่างประเทศ เช่นที่ลาว หรือจีน ส่วนหอยนางรมจะขายภายในประเทศเท่านั้น”

คุณประกิต คงบุญรักษ์ อายุ 67 ปี ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงหอยแครง อยู่บ้านเลขที่3/4หมู่ 2 ตำบลตะเคียนทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์ สุราษฎร์ธานี โทรศัพท์ 081-9787434 ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอาชีพของเขาว่าในปัจจุบันเลี้ยงหอยแครงอย่างเดียว และเลี้ยงมาแล้วกว่า 10 ปี มีเนื้อที่ 144 ไร่ เป็นพันธุ์หอยแครงที่ทางจังหวัดเพาะพันธุ์ได้

เดิมซื้อพันธุ์หอยแครงจากมาเลเซีย

แต่ปัจจุบันใช้หอยแครงไทย

คุณประกิต เล่าต่อว่า เมื่อแรกที่เริ่มเลี้ยงจะซื้อพันธุ์หอยแครงมาจากมาเลเซียมาเลี้ยงและทำอยู่นานเป็นเวลา 4 ปี กระทั่งเมื่อเกือบ 3 ปีที่ผ่านมาทางจังหวัดสามารถเพาะพันธุ์ได้เลยไปซื้อเพราะมีความสดกว่า

หอยแครงที่ชาวประมงเพิ่งเก็บ

เกษตรกรเลี้ยงหอยแครงอธิบายวิธีเลี้ยงหอยแครงคร่าวๆว่า เมื่อกำหนดพื้นที่ได้แล้วให้จัดการล้างบริเวณที่เลี้ยงด้วยการสร้างเลนให้มีความลึก เพราะถ้าเลนแข็งหอยจะโตช้า ควรล้างก่อนเลี้ยงสัก 1 เดือน วิธีล้างด้วยการใช้ตะแครงลากดึงให้บริเวณพื้นใต้ดินให้สะอาด จากนั้นให้ปล่อยลูกหอยแครงลงน้ำ และควรปล่อยให้กระจายออกไปเป็นบริเวณกว้างอย่าให้กระจุกเพราะจะทำให้หอยเจริญเติบโตช้า

“หอยแครงที่ใช้เลี้ยงมีจำนวน 5,000 ตัวต่อกิโลกรัม เป็นหอยแครงขนาดไม่ใหญ่ และหอยแครงขนาด 1,000 ตัวต่อกิโลกรัม”

คุณประกิต บอกว่า อายุการเลี้ยงหอยแครงกระทั่งเก็บขายถ้าเป็นพันธุ์หอยแครงจากมาเลเซียที่เคยซื้อมาเลี้ยงจะใช้เวลา 18 เดือน แต่พอมาใช้หอยแครงไทยใช้เวลาเพียง 12 เดือนเท่านั้น เขาให้เหตุผลว่าเพราะหอยแครงไทยคงคุ้นเคยกับคุณภาพน้ำได้ดีกว่าหอยแครงทางมาเลเซีย จึงเติบโตได้ดีและเร็วกว่า

ช่วงเวลาที่จะปล่อยพันธุ์ลูกหอยประมาณปลายเดือนมกราคม และจะไปเก็บประมาณเดือนธันวาคม การเก็บหอยแครงรุ่นหนึ่งจะเก็บเพียงครั้งเดียว เขาเล่าว่าในแต่ละรุ่นถ้าลงหอยแครงสัก 200 เข่ง (หนึ่งเข่งมี 30 กิโลกรัม) จะเก็บหอยได้ประมาณ 60 ตัน

เกษตรกรเลี้ยงหอยแครง กล่าวเพิ่มเติมว่า ระหว่างเลี้ยงไม่ต้องให้อาหารเพราะอาหารของหอยคือแพลงตอนที่อยู่ในน้ำทะเลอยู่แล้ว และปัญหาที่พบและสำคัญคือคุณภาพน้ำที่ใช้เลี้ยงเนื่องจากในบางช่วงน้ำขาดความสมดุล จึงกระทบกับการเจริญเติบโตของหอยแครง

รายได้ดี แต่ลงทุนช่วงแรกเท่านั้น

ส่วนการลงทุนที่สำหรับใช้เลี้ยงหอยได้แก่เงินก่อสร้างที่พักคนเฝ้า ที่มีลักษณะคล้ายกับการสร้างบ้านในทะเลเป็นที่รู้จักกันว่าขนำ โดยใช้เสาไฟฟ้าเป็นเสาบ้านเพราะอยู่ได้นานนับสิบปี อย่างสมัยก่อนใช้ต้นตาลแก่ทำเป็นเสาแต่อายุไม่นาน นอกจากนั้นมีค่าแรงคนเฝ้า ค่าอาหาร ซื้อเรือและค่าไม้ที่ต้องซื้อมาปักรอบพื้นที่เลี้ยงเพื่อใช้กำหนดเขต อย่างไรก็ตามการลงทุนส่วนมากจะเป็นการลงทุนเพื่อซื้อของในครั้งแรก

ชาวประมงกับฟาร์มหอยแครงและหอยนางรม

ด้านราคาขายหอยแครงมักจะกำหนดราคาตามขนาด ถ้าเป็นหอยขนาด 80 กว่าตัวต่อกิโลกรัมขายอยู่ที่ 45 บาท ถ้าเป็นจำนวน 100 กว่าตัวต่อกิโลกรัม 38-40 บาท แต่ถ้าเป็นขนาดเล็กมากสัก 120-130 ตัวต่อกิโลกรัมราคา 30 บาท

คุณประกิต บอกว่า การเลี้ยงหอยแครงถือเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ดี และอาจดีกว่าอาชีพอื่นที่เคยทำมาถึงแม้จะมีการลงทุนบ้าง แต่ก็เป็นการลงทุนใหญ่เพียงครั้งเดียว แล้วถึงแม้จะมีรายได้จากการเลี้ยงหอยแครงเพียงปีละครั้ง แต่ระหว่างรอการเก็บหอยแครงยังคงมีรายได้จากการกรีดยางที่มีอยู่กว่า 30 ไร่