หม้อข้าวหม้อแกงลิง ไม้กินแมลงน่าปลูก ตลาดยังไปได้สวย ส่งขายได้ทั้งในและต่างประเทศ

หม้อข้าวหม้อแกงลิง เป็นไม้ชนิดหนึ่งที่มีการพัฒนาใบมาเป็นกับดักเพื่อจับแมลง ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร หรือบางชนิดอาจหนากว่านี้ก็มี ใบที่พัฒนามาเป็นหม้อเริ่มแรกจะมีขนาดเล็กและค่อยๆ โตขึ้นอย่างช้าๆ จนเป็นกับดักทรงต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

หม้อบรรจุไปด้วยของเหลวที่พืชสร้างขึ้นเอง มีลักษณะเป็นน้ำเพื่อให้เหยื่อจมน้ำตาย ซึ่งบริเวณด้านบนจะมีผิวลื่นเป็นมันเพื่อไม่ให้เหยื่อหนีรอดออกมาได้ โดยทางเข้าของปากหม้อจะมีสีสันที่สวยงามดึงดูดเหยื่ออีกด้วย จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าน้ำที่บรรจุอยู่ในหม้อนั้น เป็นสารเหนียวใช้สำหรับย่อยแมลงในหม้อ จากนั้นจะดูดซึมสารอาหารจากเหยื่อที่จับได้ไปใช้ต่อไป

หม้อมีสีแดงสะดุดตา

ซึ่งปัจจุบัน หมอข้าวหมอแกงลิง เป็นพันธุ์ไม้ที่หลายๆ คน ให้ความสนใจ เพราะหลงใหลในความมีเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถวางตกแต่งหน้าบ้านก็ได้หรือจะแขวนโชว์ก็โดดเด่นน่ามอง จึงทำให้ผู้ที่ชื่นชอบถึงกับนำมาปลูกเลี้ยงสะสมกันมากมายสายพันธุ์ เหมือนเช่น คุณประกิต โพธิ์ศรี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 7 ตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เป็นผู้ที่ชื่นชอบในไม้ชนิดนี้มากจนสามารถทำเป็นอาชีพ ที่ส่งขายได้ทั้งในและต่างประเทศกันเลยทีเดียว

 

ชอบปลูกต้นไม้ ประดับตกแต่งบ้าน

คุณประกิต เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนทำงานอยู่บริษัทเอกชน ต่อมาเมื่อมีโอกาสได้ซื้อบ้านหลังใหม่จึงเริ่มรู้สึกว่าอยากจะมีต้นไม้มาปลูกประดับตกแต่งให้ทั่วบริเวณรอบบ้าน เพื่อให้มีความสวยงามของสีเขียวชอุ่ม พร้อมทั้งไม้ดอกที่มีสีสันสะดุดตา ซึ่งระหว่างที่เดินหาซื้อพันธุ์ไม้ต่างๆ จากตลาดต้นไม้ สายตาก็ได้ไปมองเห็นต้นหม้อข้าวหมอแกงลิงที่มีวางขาย ดูแล้วมีความแปลกตาจึงได้ซื้อมาเพื่อทดลองปลูก

“ตอนที่ไปตลาดต้นไม้ ก็ไปกับพี่ๆ ที่รู้จักกัน เห็นเขาซื้อต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงกัน เราก็เห็นก็ว่าสวยดี ก็ลองซื้อตามเขาดู มาปลูกช่วงนั้นก็ดูแลปกติ แต่พอมันเริ่มโตความสวยมันเริ่มปรากฏ ก็มาคิดว่ามันก็สวยดีนะ แต่ช่วงนั้นเรายังไม่มีความรู้มากนักในเรื่องการผสมพันธุ์ เพราะไม้ชนิดนี้ในแต่ละต้นมันจะแยกเพศกันอย่างชัดเจน พอคิดที่จะจริงจังก็เลยทำการศึกษา ก็เลยเกิดความรู้ความเข้าใจมากขึ้น พร้อมทั้งทดลองผสมพันธุ์เองขึ้นมา เพื่อให้ได้สายพันธุ์ใหม่ๆ มากขึ้น จึงมีแรงบันดาลใจที่อยากจะทำ” คุณประกิต เล่าถึงที่มา

N.red dragon x platychila

เมื่อมีความชำนาญในการเลี้ยงมากขึ้น คุณประกิต บอกว่า จึงได้ทดลองส่งหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่ปลูกเข้าประกวดเพื่อสร้างความท้าทายมากขึ้น ผลปรากฏว่าก็ได้รับรางวัลจึงรู้สึกเกิดความสุขและอยากจะทำการปลูกเลี้ยงไม้ชนิดนี้อย่างจริงจังตั้งแต่นั้นมา

 

หม้อข้าวหม้อแกงลิง เป็นไม้ที่ชอบความชื้น

ในช่วงแรกๆ คุณประกิต เล่าว่า อยากทำเป็นเชิงอนุรักษ์เพราะช่วงนั้นกลัวไม้ที่เป็นสายพันธุ์ไทยจะสูญพันธุ์ เมื่อขยายพันธุ์มากขึ้น ไม้ก็มีจำนวนที่เยอะ จึงได้นำมาทดลองขายในราคากระถางละ 20 บาท ผลปรากฏว่ามีคนสนใจเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้น จึงได้ทำการขยายพันธุ์ให้มีจำนวนมากๆ พร้อมทั้งผสมพันธุ์กับพันธุ์ต่างประเทศที่ซื้อเข้ามาปลูกภายในสวน เพื่อนำมาเป็นพ่อแม่พันธุ์ผสมให้เกิดเป็นไม้ที่มีลักษณะแปลกตาออกไปจากเดิม

“พอเรามีพ่อแม่พันธุ์ที่สมบูรณ์ดีแล้วภายในสวน วิธีการขยายพันธุ์ เราจะเอาเกสรมาผสมกันเพื่อให้เกิดเมล็ด โดยเขี่ยเกสรจากต้นตัวผู้ มาผสมกับเกสรของต้นตัวเมีย พอผสมเสร็จแล้วก็จะเกิดเป็นเมล็ดขึ้นมา นำเมล็ดไปเพาะในขุยมะพร้าว รดน้ำให้ชุ่ม คลุมด้วยถุงพลาสติกปิดปากให้สนิท จากนั้นรอเวลาประมาณ 2-3 เดือน เมล็ดก็จะเริ่มงอกเป็นต้นกล้า ปล่อยทิ้งไว้อีก 5-6 เดือนแล้วค่อยเอาออกจากถุงที่คลุมไว้ แล้วจึงเอาต้นกล้าออกมาวางผึ่งไว้ข้างนอกต่ออีก 4 เดือน ถึงจะย้ายปลูกใส่กระถางได้” คุณประกิต บอกถึงวิธีการเพาะเมล็ด

ต้นกล้าหม้อข้าวหม้อแกงลิง

เมื่อต้นกล้าที่เพาะไว้เจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เตรียมย้ายปลูกลงในกระถางขนาด 2 นิ้ว ที่มีวัสดุปลูกเป็นขุยมะพร้าวกับขี้เถ้าแกลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 พร้อมทั้งผสมปุ๋ยละลายช้าสูตรเสมอลงไปด้วยเล็กน้อย ปลูกไปได้สักระยะ ไม้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นก็จะทำการย้ายไปปลูกในกระถางขนาด 4 และ 6 นิ้ว ตามขนาดของไม้ที่ใหญ่ขึ้นตามลำดับ ซึ่งถ้าจะขายเป็นไม้เล็กก็สามารถขายได้ตั้งแต่ไม้ปลูกในกระถาง 4 นิ้วขึ้นไป

วัสดุปลูก

นอกจากจะเพาะเมล็ดเพื่อขยายพันธุ์แล้ว คุณประกิต บอกว่า หม้อข้าวหม้อแกงลิงยังสามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีอื่นๆ ได้อีกด้วยคือ การแบ่งหน่อ ปักชำ และเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งแต่ละวิธีจะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป อยู่ที่ผู้ปลูกว่าต้องการจะใช้วิธีใด

พื้นที่ภายในสวน

ในเรื่องของการป้องกันโรคและแมลง คุณประกิต บอกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดสำหรับหม้อข้าวหม้อแกงลิง คือ แมลงจำพวกเพลี้ยไฟที่จะมากัดกินยอดอ่อนของไม้ชนิดนี้ วิธีแก้จะทำการพ่นยาป้องกันตามอาการที่เกิด ส่วนเรื่องของเชื้อรายังไม่พบตั้งแต่ปลูกเลี้ยงไม้ชนิดนี้มา

“การเพาะเมล็ดเราก็จะได้ลูกผสมที่กลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ สำหรับคนที่อยากได้สายพันธุ์ใหม่ การเพาะเมล็ดจะตอบโจทย์ในเรื่องนี้ แต่ถ้าอยากจะให้สายพันธุ์ของไม้ชนิดนี้มีความนิ่ง เราก็ต้องทำการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ลูกที่เกิดจะเหมือนพ่อแม่พันธุ์ครบสมบูรณ์ไม่มีการกลายพันธุ์ ส่วนเรื่องการดูแลไม่มีอะไรมาก นำไม้ทั้งหมดมาอยู่ใต้ซาแรนพรางแสงประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ รดน้ำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง โดยการรดน้ำต้องรดให้โดนโคนต้นเป็นสำคัญ เพราะไม้ชนิดนี้ต้องการน้ำมาก ชอบความชื้นสูง และก็แสงแดด จะปลูกให้อยู่กลางแดดก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ข้างล่างกระถางมีน้ำหล่อให้ความชื้นก็เพียงพอ” คุณประกิต กล่าว

ช่อดอกเกสรตัวเมีย
ช่อดอกเกสรตัวผู้

ราคาขายมีตั้งแต่ หลักสิบไปถึงหลักแสน

เนื่องจากหม้อข้าวหม้อแกงลิงเป็นไม้ที่มีเอกลักษณ์แปลกตาเฉพาะตัว จึงเป็นที่นิยมของผู้ที่อยากมีไม้แปลกๆ ไม้ปลูกประดับบ้านเรือน โดยจะนำไปวางจัดในสวนหรือจะไปแขวนให้เกิดความสวยงามก็ได้ ซึ่งเมื่อไม้เจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หม้อที่ใช้ดักจับแมลงก็จะใหญ่ตามไปด้วย พร้อมทั้งมีสีสันสวยงามตามสายพันธุ์ จึงเป็นสิ่งที่ชวนหลงใหลไม่รู้เบื่อให้กับนักสะสมทั้งในและต่างประเทศ

N.viking x ampullaria red

“หม้อข้าวหมอแกงลิง ถ้ามองกันจริงๆ ผมว่ามีเสน่ห์นะ เพราะรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ตลอดจนแต่ละสายพันธุ์ก็มีสีสันแตกต่างกัน ยิ่งถ้าเราเอามาผสมกันยิ่งได้สายพันธุ์ใหม่ที่ไม่รู้จบ อย่างที่สวนผมก็จะมีหลายสายพันธุ์ทั้งสายพันธุ์ไทย และสายพันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งตลาดต่างประเทศที่นิยมมากที่สุด เป็นประเทศที่อยู่ในเอเชีย เพราะสภาพอากาศร้อนชื้นมีความเหมาะสมที่จะปลูกต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงค่อนข้างมาก พอเราผสมกันแล้วก็สามารถตั้งชื่อใหม่ได้ และราคาขายก็แตกต่างกันไปด้วย อย่างที่นี่ก็มีขายทั้งปลีกและส่ง ต่ำสุดอยู่ที่ 40 บาท ราคาไม่ตายตัว มีสูงขึ้นมาตามสายพันธุ์ ไปจนถึงหลักหมื่นหลักแสนก็ขึ้นอยู่ที่ความพอใจของลูกค้าที่จะมาซื้อ” คุณประกิต กล่าวถึงเรื่องการตลาด

นอกจากจะเป็นไม้ประดับที่ปลูกเพื่อความสวยงามแล้ว คุณประกิต บอกว่า หม้อที่เห็นที่ใช้สำหรับดักจับแมลงยังสามารถนำมากินได้อีกด้วย โดยจะนำมาชุบแป้งทอดหรือนึ่งใส่ข้าวเหนียวเข้าไปภายในพร้อมทั้งปรุงรสด้วยน้ำกระทิ ก็ถือป็นอาหารกินเล่นยามว่างที่อร่อยไม่น้อยเลยทีเดียว

ตั้งตกแต่งประดับกลางแจ้ง

สำหรับท่านใดที่มีหม้อข้าวหม้อแกงลิงปลูกอยู่ที่บ้าน ไม้เจริญเติบโตได้ไม่ดีหรือไม่ค่อยมีหม้อให้เห็นบนต้น คุณประกิต บอกว่า มี 2 สาเหตุ คือ 1. ให้ไม้อยู่ในบริเวณที่มีร่มเงามากเกินไป และ 2. ใส่ปุ๋ยให้กับไม้มากเกินไป

“คนส่วนใหญ่ที่เลี้ยงไม้ตัวนี้แล้วตาย ต้องบอกก่อนเลยว่า ไม้ตัวนี้ปลูกเลี้ยงไม่ยาก ขอให้รดน้ำที่โคนต้นให้ชุ่มชื้นอยู่ตลอด ส่วนปุ๋ยก็ใส่ 3-4 เดือนครั้งก็พอ เป็นปุ๋ยละลายช้าสูตรเสมอ ซึ่งการจะทำเป็นอาชีพสร้างรายได้ อย่างแรกที่อยากให้ฝึกให้เป็นก่อนคือ ฝึกเลี้ยงก่อนให้รู้นิสัยของไม้ตัวนี้ให้ชำนาญ เพราะเวลาที่เราจะต้องขาย เราจะสามารถอธิบายเรื่องต่างๆ ให้ลูกค้าฟังได้ดี เพราะเราเข้าใจในสิ่งที่เราทำ เพื่อที่ลูกค้าซื้อไปเลี้ยงจะได้ไม่ปฏิบัติแบบผิดๆ เพราะถ้าแนะนำผิด ไม้ตายเขาก็ท้อใจ ไม่อยากที่จะเลี้ยง ก็ทำให้คนมองว่าไม้ตัวนี้เลี้ยงยาก แต่ที่จริงมันไม่มีอะไรยาก เลี้ยงง่าย ขอให้ศึกษาในเรื่องนิสัยว่าเลี้ยงยังไงแบบถูกต้องเท่านั้นพอ” คุณประกิต กล่าวแนะนำ

นักศึกษาฝึกงานจากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชลบุรี

ทั้งนี้ ที่สวนหม้อข้าวหม้อแกงลิงของคุณประกิต ไม่ได้เป็นแหล่งผลิตเพื่อขายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังได้เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับด้านเกษตรได้มาทำการฝึกงาน เพื่อหาประสบการณ์กับการปลูกไม้ชนิดนี้ และในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ยังเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่ผู้สนใจทั่วไปสามารถเข้ามาดูและศึกษาการปลูกหม้อข้าวหม้อแกงลิง หรือจะซื้อไปประดับตกแต่งที่บ้านแบบสวยๆ ได้อีกด้วย

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณประกิต โพธิ์ศรี หมายเลขโทรศัพท์ (099) 154-2609

เผยแพร่ครั้งแรก วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ.2560