พิยะมนตรี ยอดหาญ พ่อบ้านยุคใหม่ ปลูก-ขายกระบองเพชร ธุรกิจยามว่างทำเงิน

แค็กตัส หรือ กระบองเพชรที่เรารู้จัก เลี้ยงดีๆ ก็มีรายได้ ยุคที่คนส่วนใหญ่เริ่มหันมามองหาต้นไม้ ซื้อเก็บไว้ เริ่มจากความหลงรัก จนกลายเป็นอาชีพ อย่าง พิยะมนตรี ยอดหาญ พ่อบ้านยุคใหม่ หันมาปลูกและค้าขายกระบองเพชร

คุณพิยะมนตรี ยอดหาญ หรือ คุณโอ๋ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 56/2 ตำบลสายไหม อำเภอสายไหม จังหวัดกรุงเทพมหานคร จากคนรักต้นไม้ จนกลายเป็นอาชีพ หันมาซื้อกระบองเพชร เพื่อสะสมความสวยงามของต้นกระบองเพชร เลี้ยงไปเรื่อยๆ ดูแลอย่างดี ลองผิดลองถูก จนสามารถเพาะพันธุ์ด้วยตนเองได้

คุณโอ๋ กับต้นไม้ที่เขารัก

คุณโอ๋ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ก่อนที่จะมาขายกระบองเพชรนั้น เริ่มจากการทำงานโรงงาน ทำงานบริษัท และได้ลองธุรกิจส่วนตัวมาหลายๆ อย่าง เป็นพ่อค้าขายของจตุจักร จนมาถึงวันหนึ่ง เกิดไปเห็นเพื่อนเลี้ยงกระบองเพชร หรือ Cactus (แค็กตัส) ที่เรารู้จักกัน เลยเริ่มศึกษา เริ่มจากซื้อต้นละ 10 บาท 20 บาท มาลองเลี้ยงดูก่อน พอเลี้ยงไปได้สักพัก เกิดความชอบ เลยลองหาศึกษาว่า มีสายพันธุ์อะไรบ้างที่จะประดับความรู้ของเราไปเรื่อยๆ หาข้อมูลไปเรื่อยๆ ราคาที่ซื้อก็เริ่มที่จะแพงขึ้นๆ ตามลักษณะสายพันธุ์ ความโดดเด่นของเขา”

คุณโอ๋ ยังบอกถึงการลุงทนครั้งแรกว่า เริ่มจากการซื้อต้นไม้ ต้นละ 10-20 บาท มาลองเลี้ยงดูก่อน จากนั้นเริ่มทำการ ขุนไซซ์ (เลี้ยงเพื่อเพิ่มขนาด) จนถึงความพอใจ และหันมาโพสต์ขายช่องทางออนไลน์ หรือนำมาวางขาย มีการตอบรับที่ดี

พร้อมจำหน่าย
สวยๆ งามๆ

สถานที่ที่ใช้ (โรงเรือน)

“โรงเรือนนี้เริ่มต้น ไม่จำเป็นก็ได้ครับ เพราะว่า เมื่อก่อนพอมีพื้นที่ที่ให้เขารับแสงแดดได้ประมาณครึ่งวันเช้าหรือว่าบ่ายก็ได้ เมื่อก่อนก็คืออาศัยยกเข้ายกออก เวลามีฝนตกก็ยกหลบ ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ ตามงบประมาณที่เรามี อย่างของผมก็คือ วัสดุอะไรที่เหลือใช้ที่ไม่ต้องไปเพิ่มทุนในการทำ ประคองตัวเองไปก่อน ค่อยๆ สะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ” คุณโอ๋ บอก

โดยตอนนี้ สายพันธุ์ที่มีคนสนใจมาก คือ “ยิมโนคาไลเซียม” สายพันธุ์แค็กตัสที่มีราคาสูงที่มาก โดยขั้นต่ำจะอยู่ต้นละ 200 บาท ขนาด 2-3 เซนติเมตร

คุณโอ๋ ยังแนะนำถึงภาชนะที่ใช้ว่า ภาชนะที่ใช้เป็นกระถางที่เราสามารถหาซื้อได้ หรือเป็นสายพันธุ์ที่สวยที่เราชอบ อาจซื้อเป็นเซรามิก (ceramic) ซึ่งมันจะราคาสูง และจะมีสำหรับเพาะเลี้ยง เพาะต้นอ่อน จะใช้เป็นถาด ที่หาซื้อได้ทั่วไปเป็นการปลูกรวม ต่อมาเป็นอุปกรณ์เพาะเมล็ด โดยที่ใช้เป็นวัสดุง่ายๆ เช่น กล่องข้าวจากร้านสะดวกซื้อ เพาะเมล็ดใส่และปิดฝา นี้เรียกว่า การเพาะระบบปิด

พันธุ์คาปุดเมดูซ่า

วิธีการขยายพันธุ์

คุณโอ๋ ยังแนะนำวิธีการขยายพันธุ์ของกระบองเพชร ว่า การเพาะนั้นมีหลายวิธี อย่างเช่น พืชจำพวกไม้เมล็ด เวลาเขาให้ดอก เราทำการผสมเกสรตัวผู้และตัวเมีย เมื่อสมบูรณ์จะมีฝักออกมา เราต้องรอจนกว่าฝักนั้นจะแก่จึงจะสามารถนำเมล็ดในฝักนั้นออกมาเพื่อเพาะพันธุ์ต่อไป ส่วนอีกวิธีหนึ่งเป็นการชำหน่อ โดยกระบองเพชรบางต้น บางสายพันธุ์เวลาที่โตแล้ว จะมีการแตกหน่อออกมาตามลำต้น เราสามารถจะดึงหน่อเอามาทำการเพาะต่อไปได้ คือ การนำมาลงดินเพื่อล่อราก ให้รากกระบองเพชรนั้นงอก และมีอีกวิธีคือ การกราฟ เป็นการหาตอ…ตอ นั้น จะมีลักษณะเป็น สามเหลี่ยม นำมาปาดและนำหน่อที่เราดึงออกมาเอามาทำการกราฟบนตอ วิธีนี้ทำเพื่อเพิ่มผลผลิต

คุณโอ๋ ยังฝากถึงผู้เลี้ยงว่า “กระบองเพชรนั้นเป็นไม้ที่ไม่ชอบน้ำ ชอบแสงแดด แต่จะมีเป็นบางสายพันธุ์ เช่น สายพันธุ์ยูโฟเบีย เป็นจำพวกไม้ใบ จากตัวที่เราเคยเลี้ยงมาแรกๆ จะเลี้ยงดูแลตามคำบอก คือ ไม่ชอบน้ำ ก็เลยจะไม่รดน้ำ แต่ปรากฏว่า การไม่รดน้ำนั้นทำให้ใบแห้งจนมีการร่วง จึงหันมาเปลี่ยนวิธีเป็นการที่จะให้น้ำ ประมาณ 3-5 วัน ต่อครั้ง แต่หากเป็นพวกยิมโน หรือสายพันธุ์ที่ทนแดด จะอยู่ประมาณอาทิตย์ละ 1 ครั้ง”

ให้น้ำที่วัสดุปลูก

ดูแลรักษายากไหม

“เรื่องปุ๋ย ที่นิยมกันในหมู่คนเลี้ยงแค็กตัส จะเป็นปุ๋ยสูตร 13-13-13 เป็นปุ๋ยละลายช้า ตัวนี้จะอยู่ได้ถึง 3 เดือน ในการให้ 1 ครั้ง จะเป็นปุ๋ยเม็ดสีเหลือง โรยประมาณ 4-5 เม็ด ที่กระถาง และทำการรดน้ำ และจะเริ่มละลายซึมสู่ดินเพื่อเป็นอาหารให้ต้นไม้ในดิน” คุณโอ๋ กล่าว

คุณโอ๋ ยังฝากถึงการเลี้ยงแล้วพบเจอศัตรูพืช ว่า แค็กตัส จะมีหลักๆ คือ เพลี้ย 2 ประเภท คือ เพลี้ยหอย และเพลี้ยแป้ง อย่างนี้เราจะมีการพ่นยา จะซื้อยามาป้องกัน มาฉีดให้เดือนละ 1 ครั้ง หรือ 1 เดือนครึ่ง ต่อ 1 ครั้ง จะเป็นการผสมน้ำ โดยตัวยาจะระบุวิธีการใช้อยู่ นอกจากนี้ จะมีราสนิม โดยเราต้องตรวจสอบก่อนว่าไม่มี หากมีศัตรูพืชพวกนี้เราควรรีบจัดการก่อนที่จะลามไปต้นอื่น

ให้น้ำ
การต่อยอด หรือเสียบยอด

นอกจากนี้ คุณโอ๋ ยังเปิดเผยถึงความพร้อมในการเปิดเป็นธุรกิจว่า ต้นทุนนั้นสำคัญ หากเรามีทุนจะสามารถไปซื้อได้ในปริมาณที่พร้อมที่จะขายได้เลยก็มี ของเราบางต้นบางสายพันธุ์เป็นการสั่งจากที่ลูกค้าเราไปเจอก็สามารถแจ้งราคาขาย จะสามารถขายตอนนั้นได้เลย เพียงแต่ว่า ส่วนของการเพาะเลี้ยงนั้น จำเป็นต้องใช้เวลาการเพาะ บางอย่างอาจจะไม่ทันการจำหน่ายต้องอาศัยการซื้อมาขายไปเพื่อเข้ามา เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการเพิ่มลูกค้าและการขายของเรา

ต้นไม้ที่เคยซื้อที่แพงที่สุดของคุณโอ๋ คือ คาปุดเมดูซ่า ซื้อมาในราคา 450 บาท โดยแรกๆ จะเป็นต้นที่เล็ก แต่ถ้าหากเป็นในโลกออนไลน์ ที่มีการซื้อขายกันแพงสุด จะเป็นยิมโนคาไลเซียม คริสตาต้า เป็นตัวด่าง โดยราคาจะอยู่ที่ 1,500,000 บาท มีคนซื้อไปด้วยความชอบ โดยไม้พวกนี้เรียกอีกอย่างได้ว่า ไม้พิการ จะมีความโดดเด่นในลักษณะของตัวเอง จะทำราคาได้สูงไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหนก็ตาม ถ้าหากมีความพิการทางด้านต้นหรือความเป็นด่าง ก็จะมีราคาที่สูง โดยในท้องตลาดราคาทั่วไปของกระบองเพชร ขึ้นอยู่กับความพอใจก่อน แต่ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ ประมาณ 10 บาทขึ้นไป จนถึงหลักหมื่นหลักแสน ล่าสุดสามารถขึ้นไปถึงหลักล้าน

คุณโอ๋ ยังเปิดเผยกลยุทธ์วิธีการขายว่า เน้นเรื่องของการมีของก่อน พร้อมที่จะขาย และสามารถที่จะถ่ายรูปให้ลูกค้าได้ดูก่อน เพราะว่าปัญหาในการขายในออนไลน์ที่พบคือ รูปที่ได้ออกมาไม่ตรงกับปกบ้าง พ่อค้าไม่ซื่อสัตย์บ้าง ทำให้เกิดความไว้ใจในหมู่ลูกค้าน้อยลง กลัวที่จะซื้อขาย ขาดความเชื่อมั่น ส่งผลให้ทำการค้าขายได้ยาก ดังนั้น เราต้องรักษาความเชื่อมั่นคุณภาพของเราไว้ รวมไปถึงการดูแลหลังการขาย มีการสอบถามลูกค้าถึงความพึงพอใจ

รูปทรงต่างๆ

“อย่างแรกไม่ว่าเราจะทำอะไรก็แล้วแต่ เราต้องมีความรักก่อน ถ้าคุณอยากจะทำอะไรคุณมีความรักในสิ่งนั้น ต่อให้มีอุปสรรค หรือเจอปัญหาอะไรมากมายแค่ไหนคุณก็ยินดีที่จะทำ แต่หากว่าคุณทำเพื่อคิดว่ามันคือเงินๆๆ ต้องการแค่เงินอย่างเดียว บางทีบางอย่างก็จะไม่ได้ตามที่เราหวัง แต่ถ้าเรารู้จักอดทนรู้จักความมานะ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปวันหนึ่งเขาก็จะตอบสนองเราเอง วันหนึ่งเราอาจจะเพาะตัวที่แปลกกว่าคนอื่น เราก็จะได้ชื่อที่เป็นเฉพาะของเราได้ ขอแค่มีความอดทน และซื่อสัตย์ต่อลูกค้าต่อตัวเอง…” คุณโอ๋ กล่าว

หากใครสนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สอบถามได้ทางเพจ facebook : catty love cactus หรือ โทรติดต่อเบอร์ (098) 268-4307 (คุณแมว) (092) 709-1382 (คุณโอ๋)

พื้นที่ปลูก
กระบองเพชรของคุณโอ๋