ปุ๋ยหมักอินทรีย์ ภูมิปัญญา สร้างรายได้ในครัวเรือน

การเลี้ยงวัวก็เหมือนกับกระปุกออมสินมีชีวิต ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียง เวลาเดือดร้อนก็สามารถเป็นเงินเก็บไว้คอยช่วยเหลือ นอกจากนี้ ยังได้ขี้วัวหรือปุ๋ยคอกเอาไว้เป็นปุ๋ยในไร่นาและจำหน่ายเป็นรายได้อีกด้วย

คุณขจร แสงศรีเรือง หรือ คุณสีโก

คุณขจร แสงศรีเรือง หรือ คุณสีโก อายุ 45 ปี เรียนจบปริญญาตรี สาขาสัตวบาล จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออก และอดีตผู้จัดการฟาร์ม ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 110 หมู่ที่ 2 บ้านกงกลาง ตำบลบ้านกง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น โทร. 081-407-8882

คุณขจร กล่าวว่า การทำปุ๋ยหมักอินทรีย์นั้นในตอนแรกต้องขนขี้วัวออกจากคอกเอามาเทกองไว้ให้ผสมกับใบไม้ทิ้งไว้ประมาณ 1 ปี ขี้วัว ใบฉำฉาจะนำมากองไว้ เราเอามาเทลง ความชื้นดูดลงดิน เราใช้เวลา 1 ปี แบบภูมิปัญญาชาวบ้าน เดือน 3 คนจะเอาขี้วัวขี้ควายไปใส่นาแล้วจะไถกลบทำนาเดือน 6 อีก 3 เดือน ช่วงเดือนสิงหาคมข้าวก็จะตั้งต้นงาม

คุณขจรชี้ให้ดูปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่หมักแล้ว 1 ปี

แต่ละวันจะได้ปุ๋ยเท่าไหร่

วัว 1 ตัวจะกินหญ้า 10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว หากวัวหนัก 400 กิโลกรัมจะกินหญ้า 40 กิโลกรัมต่อวัน วัว 8 ตัวจะได้ขี้วัว 200 กิโลกรัม (เปียก) ต่อวัน จะเหลือครึ่งต่อครึ่งขายมวลแห้ง แต่จะเหลือจริงๆ ประมาณ 80 กิโลกรัม (ผสมกับใบไม้ ใบฉำฉาหรือใบไม้แห้งอะไรก็ได้ 30-40 กิโลกรัม) ปล่อยไว้ 1 ปี ก็จะกรอกใส่ถุง ราคาขายจะขาย 3 กระสอบ (ถุงปุ๋ย) 100 บาท คนที่ปลูกผักก็จะมาซื้อช่วงที่ขายดีเคยมีคนมาเหมา 2,000 บาทก็มี

ใส่ปุ๋ยหมักอินทรีย์มีข้อดีอย่างไร

ข้อดีคือจะมีไส้เดือน ไส้เดือนจะทำให้ดินร่วนซุย มีวัว 8 ตัว วัวกินหญ้าทุกวันก็ขี้ทุกวัน ถ้ามีคนมาซื้อปุ๋ยก็ขายทุกวันแล้วแต่ลูกค้าจะชอบแบบไหน แต่ถ้าเอาแบบที่หมักไว้ 1 ปีก็เอาไปใช้ได้เลย ขี้วัวไม่ควรใส่ต้นไม้เลย ตอนที่เป็นขี้วัวสดๆ จะใช้ยังไม่ได้เพราะยังไม่เย็นจะเกิดความร้อน ทำให้ระบบรากของต้นไม้เกิดความเสียหาย ต้องตากให้แห้งก่อน ถ้าใส่จะไม่ใส่ตรงโคนต้น ควรให้ห่างจากต้นไม้ประมาณ 50 เซนติเมตร

ดินที่ใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์จะร่วนซุย มีไส้เดือน

วัว 8 ตัว จะได้มูลเปียก 200 กิโลกรัม จะเหลือมูลแห้ง 80 กิโลกรัม (รวมใบไม้แห้ง) วัว 8 ตัวจะได้ปุ๋ย 2 กระสอบ 1 เดือนจะได้ปุ๋ย 60 กระสอบ 1 ปีได้ปุ๋ย 720 กระสอบ ขาย 3 กระสอบ 100 บาท

ปัญหาของปุ๋ยหมักอินทรีย์ (ปุ๋ยคอก) คืออะไร

ขี้วัวจะเก็บได้เฉพาะในช่วงหน้าแล้ง (ธันวาคม-เมษายน) ถ้าไม่มีโรงเรือน เราอย่าคาดหวังว่าจะได้ปุ๋ยทุกวัน ยกเว้นจะเจอลูกค้ารายใหญ่ถึงจะได้ขายเยอะๆ

บริเวณที่เทปุ๋ยไว้เป็นเวลา 1 ปี มีต้นไม้เล็กๆ เติบโตเป็นจำนวนมาก

ข้อดีของปุ๋ยหมักอินทรีย์

ปุ๋ยหมักอินทรีย์ไม่ได้ใส่สารเร่ง ถ้าใส่สารจุลินทรีย์ สารเร่งการย่อยสลายกลุ่มนี้จะเร็วกว่าใช้เวลา 6 เดือน ถ้าไม่ใช้จะใช้เวลา 1 ปี ในช่วงหน้าหนาวคนจะปลูกผักไว้กินในครอบครัว กลุ่มนี้จะซื้อครั้งละ 3 กระสอบ (100 บาท) การทำเกษตรยั่งยืนหลักๆ เลี้ยงวัวจะได้ปุ๋ยใส่นา ไม่ได้ซื้อปุ๋ยเคมี ผมมีนาอยู่ 8 ไร่ ถ้าใส่ปุ๋ยยูเรีย กระสอบละ 1,000 บาท นา 8 ไร่ ถ้าใส่ปุ๋ยเคมีจะใช้เงินประมาณ 4,000 บาท ถ้าใส่ปุ๋ยอินทรีย์จะใส่เป็น 100 กระสอบ ข้อแตกต่างคือข้าวจะงาม ใส่ครั้งเดียวไม่ต้องใส่เป็นช่วงๆ ตรงไหน ข้าวไม่งามก็เอาปุ๋ยไปหว่านได้เลย หากใส่ปุ๋ยถ้าน้ำไม่คลุมพื้นหญ้าจะงามกว่าข้าว ถ้าน้ำมีข้าวก็จะงาม ข้อเสียคือจะใช้ปริมาณเยอะใช้เป็น 100 กระสอบ คือจะลำบาก แต่ปุ๋ยเคมีจะใส่เพียง 3 กระสอบ

ขี้วัวที่ขนมาจากคอกทิ้งไว้เป็นเวลา 1 ปี

ตัวอย่างเช่น

ปีแรก ใส่ปุ๋ย 100 กระสอบ

ปีที่สอง ใส่ 100 กระสอบ

ปีที่ 3 ใส่ 100 กระสอบ

ถึงปีที่ 4 ก็สบายแล้วไม่ต้องใส่ถึง 100 กระสอบ จะใส่น้อยลง

ข้าวที่ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ข้าวจะมีความอ่อนนุ่มมากกว่าปุ๋ยเคมี ไส้เดือนก็จะกลับคืนมา ทำให้ดินร่วนซุย ทำให้ดินเป็นโพรงเป็นรูอากาศ รากหายใจได้

วัวกินหญ้าได้เนื้อ

เนื้อได้ขี้วัว

จากขี้วัวก็ได้ปุ๋ย

.ขี้วัวเปียกที่ยังไม่ขนออกจากคอก

คุณขจร กล่าวอีกว่า เลี้ยงหญ้าไม่มีต้นทุน วัว 8 ตัวจะเกี่ยวหญ้าให้วัน 2 รถเข็นน้ำ เช้า 1 คัน เย็น 1 คัน วันไหนถ้าไปธุระก็จะขังวัวไว้ในคอกให้ฟาง 3 ก้อน ต้องทำเองมีใจรัก พึ่งตนเอง อย่าหวังผลกำไร เวลาเราเดือดร้อนเราจะมีเงินเก็บ เวลาหลานเปิดเทอม เป็นกระปุกออมสินมีชีวิต วัวมีช่วงภาวะมีถูกมีแพง อย่าคาดหวังกับรายได้ ให้คิดว่าเป็นเงินเก็บ มีความสุขให้ตัวเองได้ออกกำลังกาย หัวใจของการเลี้ยงวัวคือ อย่าเลี้ยงเกินกำลัง เรามีกำลังเลี้ยง 2 ตัว ถ้าเราเลี้ยง 10 ตัววัวเราจะผอม วัว ควายจะสวยคือตอนอ้วน

ปุ๋ยหมักอินทรีย์ ราคา 3 กระสอบ 100 บาท