เลี้ยงโคอเมริกันบราห์มัน ขายได้แต่ละปีมีรายได้หลักแสน

โคพันธุ์อเมริกันบราห์มัน เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยง โดยส่วนมากจะเลี้ยงให้เป็นแบบเลือดร้อยโดยไม่นำสายพันธุ์อื่นเข้ามาผสม ด้วยเอกลักษณะประจำพันธุ์ที่โด่ดเด่น คือเป็นโคที่มีรูปร่างใหญ่ปานกลาง ตะโหนกใหญ่พอประมาณ ขนสั้นเกรียนมีสีขาวเทาและสีแดง และที่สำคัญเจริญเติบโตได้ดี หากินเก่ง เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศและโรคได้ดี

คุณวิสิทธิ์ สุดใจ

คุณวิสิทธิ์ สุดใจ อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ที่ 3 ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เป็นเกษตรกรที่เลี้ยงโคสายพันธุ์อเมริกันบราห์มันเลือดร้อย โดยเริ่มจากการที่จะนำมากินหญ้าในสวนมะม่วง แต่เมื่อได้ทดลองเลี้ยงจึงเกิดความชื่นชอบและเลี้ยงมากว่า 10 ปี นอกจากจะเป็นการสร้างรายได้แล้ว เขายังมีความสุขที่ได้เลี้ยงโคเป็นอาชีพเสริมอีกด้วย

คุณวิสิทธิ์ เล่าให้ฟังว่า เดิมสมัยก่อนนั้นทำงานอยู่บริษัทเอกชน ต่อมาจึงได้ลาออกและมาทำไร่ข้าวโพดเป็นอาชีพสร้างเงิน เมื่อการทำพืชไร่เริ่มลงตัวจึงเกิดความคิดที่อยากจะทำปศุสัตว์เพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง จึงได้เลือกเลี้ยงโคลูกผสมในปี 2547 ก็ยังไม่ตอบโจทย์ต่อความต้องการมากนัก ต่อมาปี 2550 จึงได้ปรับการเลี้ยงเป็นโคพันธุ์อเมริกันบราห์มันเลือดร้อยทั้งหมด

พื้นที่ปลูกหญ้าเนเปียร์

“สาเหตุที่เราอยากเลี้ยงโค เพราะว่าช่วงนั้นบริเวณบ้านเป็นสวนมะม่วง และภายในสวนค่อนข้างมีหญ้าเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องใช้รถไถตัดหญ้าในสวนเป็นประจำ ทีนี้ก็เลยคิดว่าอยากจะเลี้ยงโค เพื่อที่จะได้มาคอยกินหญ้าที่อยู่ภายในสวนมะม่วง พอลองเลี้ยงไปก็เกิดความชอบ เพราะโคเป็นสิ่งที่ทำให้เราเรียนรู้ได้ตลอดเวลา ทั้งเรื่องการปรับปรุงพันธุ์และพัฒนาสายพันธุ์ ก็เลยตัดสินใจที่ไม่อยากเลี้ยงลูกผสม เลยไปซื้อเป็นโคพันธุ์อเมริกันบราห์มันมาเลี้ยง โดยเน้นสายพันธุ์เป็นเลือดร้อยทั้งหมด” คุณวิสิทธิ์ เล่าถึงที่มา

มูลจากโคไว้ใส่ไร่ข้าวโพด

โดยโคที่เลี้ยงภายในฟาร์มทั้งหมดเป็นแม่พันธุ์อเมริกันบราห์มันเลือดร้อย 8 ตัว โคสาว 1 ตัว และลูกโคอีก 4 ตัว โดยภายในฟาร์มไม่จำเป็นต้องมีตัวผู้ภายในฟาร์ม เพราะจะเน้นผสมเทียมเพียงอย่างเดียว ซึ่งแม่โคที่มีอยู่ทั้งหมด 10 กว่าตัวนี้ ก็สามารถทำเงินแสนให้กับเขาได้เป็นอย่างดี

คุณวิสิทธิ์ เล่าถึงวิธีการเลี้ยงให้ฟังว่า จะต้องมีการทำโรงเรือนให้โคอยู่ได้ให้สำหรับหลบแดดหลบฝนเสียก่อน โดยพื้นที่ขนาดของโรงเรือนขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของพื้นที่ ถ้าพื้นที่มีมากก็สามารถสร้างให้ใหญ่และเหมาะสมโดยที่โคอยู่กันแบบไม่หนาแน่นจนเกินไป

โคภายในฟาร์ม

โดยโรงเรือนที่สร้างเริ่มแรกของคุณวิสิทธิ์มีความยาวอยู่ที่ 18 เมตร และความกว้าง 15 เมตร ต่อมาเมื่อมีจำนวนโคมากขึ้นจึงได้ขยับขยายการสร้างโรงเรือนหลังใหม่ในพื้นที่เดียวกัน เป็นขนาด 20×15 เมตร และที่สำคัญบริเวณโรงเรือนต้องมีพื้นที่สำหรับให้โคได้เดินเล่นด้วย

“อาหารที่ใช้เลี้ยงโคหลักๆ ก็จะเป็นหญ้าเนเปียร์ที่จะมีมากในฤดูฝน พอเข้าสู่ฤดูแล้งหญ้ามีไม่มาก หรือออกไม่ทันให้โคกิน ก็จะมีการเสริมให้กินฟางข้าวเข้ามาช่วย สลับกับหญ้าแพงโกล่า และที่สำคัญก็จะมีการบำรุงด้วยการให้กินอาหารข้นเสริมเข้าไปสำหรับแม่โคที่กำลังตั้งท้อง ให้กินต่อตัวต่อวันอยู่ที่ 2 กิโลกรัม” คุณวิสิทธิ์ บอก

โคอเมริกันบราห์มันโตเต็มที่

เมื่อเลี้ยงผ่านมาได้ระยะที่โคบางตัวหรือตัวที่สมบูรณ์แล้วสามารถเป็นแม่พันธุ์ได้ คือ อายุตั้งแต่ 20-21 เดือน ก็สามารถทำการผสมพันธุ์ด้วยการเลือกน้ำเชื้อของพ่อพันธุ์ ที่ต้องการมาผสมกับแม่พันธุ์ที่เตรียมไว้มาทำการผสมเทียม

โดยน้ำเชื้อพ่อพันธุ์ที่จะนำมาผสมกับแม่พันธุ์นั้น คุณวิสิทธิ์ บอกว่า จะเลือกสายพันธุ์ของพ่อพันธุ์เตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าต้องการให้การผสมแต่ละครั้งได้ลูกโคออกมามีลักษณะเด่นเช่นไร ส่วนในวิธีของการผสมพันธุ์นั้น จะติดต่อหมอที่อยู่ประจำศูนย์ใกล้บ้านมาทำการผสมเทียม

“พอการผสมเทียมสำเร็จ แม่โคก็จะตั้งท้องเฉลี่ยอยู่ที่ 9 เดือน 15 วัน เสร็จแล้วก็จะคลอดลูกออกมา ช่วงแรกก็จะจับทั้งแม่และลูกแยกมาอยู่ต่างหากกับตัวอื่นๆ เสร็จแล้วก็ฉีดยาบำรุงแม่โค จากนั้นให้แม่โคกับลูกอยู่ด้วยกันสักระยะ เมื่อเห็นว่าแม่โคและลูกแข็งแรงดีแล้ว จึงค่อยปล่อยให้อยู่รวมกับฝูง พร้อมทั้งให้กินอาหารเสริมสำหรับลูกโคเข้ามาช่วยอีกด้วย จะให้กินไปเรื่อยๆ จนลูกโคเริ่มมีความแข็งแรง” คุณวิสิทธิ์ บอกถึงวิธีการดูแลลูกโค

พื้นที่ภายในฟาร์ม

ในเรื่องของการดูแลและป้องกันโรค คุณวิสิทธิ์ บอกว่า จะทำวัคซีนทุก 4 เดือนครั้ง โดยวัคซีนที่ทำจะเป็นการป้องกันปากเท้าเปื่อย โดยวัคซีนจะได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานปศุสัตว์อำเภอ โดยที่ไม่ต้องไปหาซื้อก็เป็นการช่วยให้ประหยัดต้นทุนในการเลี้ยงมากยิ่งขึ้น

เมื่อเลี้ยงดูลูกโคจนได้อายุตั้งแต่ 8 เดือนขึ้นไป คุณวิสิทธิ์ บอกว่า จะดูลักษณะของลูกโคว่ามีความสวยมากน้อยเพียงใด ถ้าสวยมากก็จะเลี้ยงต่อในฟาร์มใช้เป็นแม่พันธุ์ทดแทนอยู่ที่ 1-2 ตัว ต่อปี ส่วนตัวเมียที่ไม่ต้องการก็จะแบ่งขายให้กับเพื่อนเกษตรกรที่ต้องการนำไปเลี้ยงต่อไป

ส่วนลูกโคที่ออกมาเป็นตัวผู้ส่วนใหญ่จะขายออกจากฟาร์มทั้งหมด โดยจะไม่เน้นเก็บไว้ภายในฟาร์ม เพราะไม่ได้ผสมแบบธรรมชาติ ใช้การผสมเทียมเป็นหลัก จึงไม่จำเป็นต้องเก็บโคตัวผู้ไว้ภายในฟาร์ม

คุณวิสิทธิ์ สุดใจ และภรรยา

“ในแต่ละปี ก็จะขายลูกโคได้อยู่ประมาณ 6-7 ตัว โดยตลาดส่วนใหญ่จะเป็นคนภายในกลุ่มที่เลี้ยงด้วยกัน ก็จะบอกกันไปปากต่อปาก ซึ่งกลุ่มก็จะเป็นกลุ่มที่อยู่ภายในเฟซบุ๊ก โดยทุกคนที่มีปัญหาก็จะมาแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันได้ ถึงการแก้ปัญหาในเรื่องต่างๆ และที่สำคัญยังสามารถโพสต์ขายโคได้ด้วย ก็ยิ่งเป็นการทำให้คนรู้จักฟาร์มเรามากขึ้น เห็นการเลี้ยงของคนอื่นตามไปด้วย จึงทำให้มีความกว้างขวาง ยังสามารถขายโคได้อย่างกว้างขวางตามไปด้วย” คุณวิสิทธิ์ บอก

โดยลูกโคตัวผู้สีเทาขายราคาเริ่มต้นอยู่ที่ตัวละ 35,000 บาท และตัวผู้ที่ออกสีแดงขายอยู่ที่ราคา 40,000 บาท ส่วนโคตัวเมียหย่านมราคาขายเริ่มต้นอยู่ที่ 70,000 บาท ต่อตัว ซึ่งที่ฟาร์มของเขาจะเป็นโคพันธุ์บราห์มันเลือดร้อยทั้งหมด เพราะโคสายพันธุ์นี้มีโครงสร้างที่สวย หากินเก่ง เลี้ยงง่าย และมีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพอากาศและโรคได้ดี

นอกจากนี้ มูลของโคยังเป็นสิ่งที่มีประโยชน์สำหรับคุณวิสิทธิ์มาก เพราะเขาไม่ได้เลี้ยงโคเพียงอย่างเดียว ยังมีไร่ข้าวโพดที่ทำอยู่จึงสามารถนำมูลของโคไปใส่ภายในไร่ข้าวโพดได้ จึงทำให้สามารถประหยัดต้นทุนในการผลิตพืชผลทางการเกษตรได้อีกด้วย

เสริมอาหารให้ลูกโค ที่มีโปรตีน 18 เปอร์เซ็นต์

“การเลี้ยงที่ฟาร์มผมนี่ถือว่าเป็นฟาร์มขนาดเล็ก ฉะนั้น ทุกอย่างเลยทำกันแบบครอบครัว เอาที่กำลังเราทำไหว การเลี้ยงเราเลยดูแลอย่างทั่วถึง จึงเป็นแบบประณีต โคจึงมีคุณภาพ ซึ่งส่วนใครที่สนใจอยากจะเลี้ยงโค อันดับแรกเลยผมก็จะแนะนำว่า การเลี้ยงอย่างน้อยต้องมีแปลงปลูกหญ้าไว้รองรับ แล้วค่อยหาโคเข้ามาเลี้ยง ส่วนคนที่มีงานประจำอยู่ ต้องบอกก่อนว่าอย่าเพิ่งออกจากงานประจำ แต่ให้หาโคมาลองเลี้ยงน้อยๆ ก่อน เพื่อเป็นการทดลอง เมื่อเห็นว่าเราพร้อมที่จะทำเรื่องนี้เต็มตัว จึงค่อยลาออกจากงานประจำมาเลี้ยง ก็จะทำให้ประสบผลสำเร็จได้ไว โดยที่ไม่ต้องมาเริ่มหลังจากออกจากงานประจำ เมื่อมีใจรักแล้วทำอะไรก็ประสบผลสำเร็จแน่นอน” คุณวิสิทธิ์ แนะนำ