ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
กระบือ เป็นอีกหนึ่งสัตว์เลี้ยงเศรษฐกิจที่กำลังได้รับความนิยม เพราะสามารถเลี้ยงทำการค้าได้หลายแบบ ไม่ว่าจะไว้สำหรับจำหน่ายพันธุ์เป็นกระบือสวยงาม หรือจะเลี้ยงสำหรับส่งจำหน่ายให้กับตลาดบริโภคเนื้อก็ได้เช่นกัน จึงทำให้กระบือเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีผู้สนใจในการนำมาเลี้ยงสร้างรายได้เป็นอาชีพที่เลี้ยงตัวเอง
คุณวิไลลักษณ์ พาภักดี อยู่บ้านเลขที่ 273 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองนาคำ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี จบการศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ (สาขาพืชสวน) มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เห็นความน่ารักของกระบือจึงเกิดความสนใจที่อยากจะนำมาเลี้ยงเพื่อเป็นอาชีพ โดยผู้ที่ริเริ่มการเลี้ยงก่อนนั้นคือครอบครัวของเธอ เมื่อเธอต้องการกลับมาอยู่บ้านจึงได้หันมาจับการเลี้ยงกระบือเป็นอาชีพที่สร้างรายได้
คุณวิไลลักษณ์ เล่าว่า ก่อนที่จะมาเริ่มเลี้ยงกระบือที่ต่อยอดจากครอบครัวนั้น เดิมทีได้ไปทำงานยังที่อื่นๆ เพื่อหาประสบการณ์การชีวิตก่อน ต่อมาเริ่มเบื่อและรู้สึกไม่อยากเป็นลูกจ้าง จึงได้คิดที่อยากจะกลับมาอยู่บ้านเพื่อมาเป็นนายตัวเอง ทำให้ได้ลาออกจากงานประจำและกลับมาอยู่บ้านอย่างเต็มตัว และเริ่มจัดการชีวิตของตัวเองให้ว่าจะต้องประกอบอาชีพอย่างไรเพื่อให้มีรายได้อย่างยั่งยืน
“พอเรากลับมาอยู่บ้าน ช่วงแรกก็มานั่งคิดนอนคิดว่าเราต้องทำอะไรดี พอได้ข้อสรุปว่า ครอบครัวเรามีการเลี้ยงกระบืออยู่ เราน่าจะเอาจุดนี้มาสร้างเป็นอาชีพของเราเอง พอได้เริ่มลงมือทำก็เกิดความสนุก เพราะกระบือเน้นขายพันธุ์สามารถขายได้ตัวละเป็นแสน เราก็คิดว่าเราน่าจะทำได้ โดยลงทุนซื้อกระบือมาเลี้ยงเอง พร้อมกับมีการจัดการในเรื่องของแปลงหญ้า ส่วนหนึ่งตัดให้กระบือภายในคอกเรากิน ส่วนที่เหลือก็ตัดขายเป็นการสร้างรายได้หลากหลายช่องทางให้กับเรา” คุณวิไลลักษณ์ บอก
การเลี้ยงกระบือปัจจัยหลักที่ต้องมีภายในบริเวณพื้นที่เลี้ยง คุณวิไลลักษณ์ บอกว่า ต้องมีแปลงหญ้าอาหารสัตว์จะช่วยทำให้การเลี้ยงสร้างผลกำไรได้มากขึ้น และที่ขาดเสียไม่ได้คือบ่อน้ำให้กระบือลงแช่ พร้อมทั้งมีการแบ่งโรงเรือนนอนและพื้นที่สำหรับเดินเล่นที่ชัดเจนก็จะช่วยให้การเลี้ยงกระบือไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก สามารถเลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นอาชีพที่ยั่งยืนได้
หลักการผสมพันธุ์กระบือจะเน้นเป็นผสมเทียมและผสมจริง โดยจะเลือกแม่พันธุ์ที่มีอายุ 2 ปี 7 เดือน ถึง 3 ปีขึ้นไปมาทำการผสมพันธุ์ ซึ่งจะมาเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์มาทำการจัดการให้ เมื่อผสมติดแล้วจะรอแม่พันธุ์กระบือตั้งท้องประมาณ 11 เดือน จากนั้นรอลูกกระบือออกมา ในช่วงนี้จะปล่อยให้ลูกกระบือกินนมอยู่กับแม่เป็นเวลา 9 เดือน ต่อมาก็จะมีเกษตรกรที่สนใจเข้ามาติดต่อขอซื้อเพื่อนำไปเลี้ยงต่อ
“อาหารกระบือภายในฟาร์ม ส่วนใหญ่ก็จะให้กินหญ้ากับฟาง ส่วนกระบือที่ท้องก็จะให้อาหารเสริมเป็นอาหารข้นเปอร์เซ็นต์โปรตีนอยู่ที่ 18 ให้กินต่อตัวต่อวันอยู่ที่ 1-2 กิโลกรัม โดยในช่วงเย็นตั้งแต่ 16.00 น. จะปล่อยกระบือออกจากคอกเพื่อลงเดือนเล่นในทุ่งหญ้าที่เตรียมไว้ โดยในช่วงนี้กระบือก็จะออกเล็มหญ้ากินเองบ้าง ส่วนในเรื่องของการทำวัคซีน จะมีจัดการทำในเรื่องของปากเท้าเปื่อยทุก 6 เดือนครั้ง ส่วนวัคซีนคอบวมจะทำปีละ 1 ครั้งโดยประมาณ” คุณวิไลลักษณ์ บอก
ในเรื่องของการทำตลาดเพื่อจำหน่ายกระบือและหญ้าที่ปลูกภายในฟาร์ม คุณวิไลลักษณ์ บอกว่า จะเน้นลงขายในช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เพราะปัจจุบันการค้าขายออนไลน์ไม่ใช่เรื่องยาก และสามารถตอบโจทย์ได้ดีเพราะลูกค้าสามารถเข้าถึงการซื้อขายได้ง่ายแม้อยู่ยังพื้นที่ห่างไกล โดยลูกค้าที่เข้ามาติดต่อขอซื้อก็จะชอบกระบือที่แตกต่างกันไป บางคนชอบกระบือเพศผู้ บางคนชอบเพศเมีย
โดยราคากระบือเพศเมียและเพศผู้อายุ 9 เดือนขึ้นไป ราคาอยู่ที่ 100,000-150,000 บาท ถ้ามีลักษณะที่ดีราคาก็สามารถสูงขึ้นไปมากกว่านี้ได้ นอกจากนี้ ก็ยังมีในเรื่องของมูลกระบือที่สามารถจำหน่ายได้อีกหนึ่งช่องทาง พร้อมกันนี้ ยังมีหญ้าอาหารสัตว์ที่เหลือจากให้กระบือภายในฟาร์มกิน ก็จะทำการตัดแบ่งขายให้กับเพื่อนเกษตรกรรายอื่นๆ ด้วย
“พอได้มาทำงานที่เป็นอาชีพของเราเอง ตอนนี้มีความสุขมากที่ได้กลับมาอยู่บ้าน เราสามารถกำหนดเวลาการทำงานของเราได้ ว่าเราต้องการแบบไหน อยากใช้ชีวิตแบบไหน พอเราว่างเราสามารถไปทำอย่างอื่นได้ ก็อยากจะบอกกับหลายๆ คนที่อยากจะทำ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ก็อยากจะบอกว่า ให้เริ่มเลยถ้าเราอยากจะทำ แต่ขั้นตอนแรกต้องศึกษาการทำให้รอบคอบ จากนั้นค่อยๆ ลงมือทำ เพราะอย่างน้อยเราก็มีการเริ่มต้นแล้ว ทีนี้ประสบการณ์ต่างๆ จะเป็นตัวช่วยสอนเราเอง” คุณวิไลลักษณ์ บอก
สำหรับท่านใดที่สนใจในเรื่องของการเลี้ยงกระบือ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณวิไลลักษณ์ พาภักดี หมายเลขโทรศัพท์ (065) 092-9583