คนเลี้ยงหมูแฉ ขบวนการปั่นราคาปล่อยข่าวลวง ซ้ำเติมเกษตรกร ย้ำหนุนรัฐลดค่าครองชีพประชาชนต่อเนื่อง

นายสุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีขบวนการปั่นราคาหมู และให้ข้อมูลข่าวสารด้านเดียวว่าราคาเนื้อหมูหน้าเขียงมีราคาสูงถึง 250 บาท ต่อกิโลกรัม เพื่อหวังให้เกิดกระแสสังคมและใช้หลักจิตวิทยา มากดดันให้เกษตรกรผู้เลี้ยงขายหมูมีชีวิตในราคาต่ำกว่าราคาประกาศของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ รวมทั้งอาจมีวัตถุประสงค์แอบแฝงอื่น อาทิ การหากำไรกับส่วนต่าง หรือเพื่อชี้เป้าให้พาณิชย์จังหวัดออกมาดูแลราคาหมูหน้าฟาร์ม ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้นราคาจำหน่ายไม่ได้สูงดังที่กล่าว

 

“ในขณะที่เกษตรกรยังต้องรับภาระขาดทุน และอยู่ในช่วงที่ยากลำบากที่สุดในอาชีพ กลับมีขบวนการปั่นราคารอล่วงหน้า ขบวนการนี้ได้ให้ข้อมูลและปั่นกระแสไว้ก่อนหน้าแล้ว ว่าราคาหมูหน้าเขียงขึ้นไป 250 บาท ทั้งๆ ที่ราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มเพิ่งจะพ้นต้นทุนมาไม่กี่วัน และภาคผู้เลี้ยงทั่วประเทศยังคงให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในการดูแลค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน ด้วยการร่วมกันจัดจำหน่ายหมูเนื้อแดงในห้างโมเดิร์นเทรด จัดรายการอยู่ที่ราคา 150-160 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้บริโภค ส่วนในช้อปจำหน่ายหมูและตลาดสดราคาอยู่ที่ 170-190 บาทต่อกิโลกรัม แตกต่างกันไปตามแต่อุปสงค์-อุปทานของแต่ละพื้นที่” นายสุนทราภรณ์ กล่าว

นายยกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ กล่าวย้ำว่า ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการเลี้ยงหมูของไทย ยังคงมีผู้เลี้ยงที่หลากหลาย ประกอบไปด้วยเกษตรกรรายเล็ก รายกลาง และรายใหญ่ รวมแล้วกว่าแสนรายที่ร่วมกันรักษาอาชีพเลี้ยงหมูเอาไว้ ส่วนการปรับราคาสินค้าเป็นไปตามกลไกตลาด และสะท้อนต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ไม่ได้ทำตามอำเภอใจ หรือกำหนดโดยใครได้ วันนี้เกษตรกรเพียงแค่พออยู่ได้บ้าง ที่สำคัญปริมาณหมูที่มีไม่มากจากที่หายไปกว่า 50% เนื่องจากผลกระทบของ ASF ก็ล้วนอยู่ในมือเกษตรกรทั้งสิ้น ตอนนี้สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือการเพิ่มปริมาณผลผลิตโดยเร็วที่สุด หลายฟาร์มใช้วิธีนำหมูขุนตัวเมียมาเป็นแม่พันธุ์ แม้จะรู้ว่าประสิทธิภาพการผลิตที่ไม่ดี จำนวนลูกแรกคลอดน้อยกว่ามาตรฐาน แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีลูกหมูเข้าเลี้ยง ทั้งหมดนี้คือต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของเกษตรกร เมื่อปริมาณหมูไม่เพียงพอกับการบริโภค ราคาจึงปรับตามกลไกตลาด แต่เมื่ออุปสงค์สมดุลกับอุปทาน ราคาก็จะปรับตัวได้เอง โดยไม่ต้องมีการควบคุมราคา หรือใช้วิธีนำเข้าหมูมาบิดเบือนตลาดแต่อย่างใด