อ.ส.ค. เล็งนำเข้าน้ำเชื้อพ่อพันธุ์โคนมสายพันธุ์ Girolando จากบราซิล เสริมศักยภาพปรับปรุงพันธุ์โคนมไทย

อ.ส.ค. ปิ๊งไอเดียนำเข้าน้ำเชื้อแช่แข็ง-ย้ายฝากตัวอ่อนพันธุ์โคนม Girolando บราซิล ชี้ศักยภาพสายพันธุ์ดี ให้น้ำนมสูง มุ่งต่อยอดพัฒนาประสิทธิภาพการปรับปรุงพันธุ์โคนมไทย เพิ่มทางเลือกให้เกษตรกรยกระดับการผลิต ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เปิดเผยว่า จากการที่ได้ร่วมเดินทางกับคณะผู้บริหารกรมปศุสัตว์ไปศึกษาดูงานด้านการเลี้ยงโคนม ระบบการผลิตน้ำเชื้อแช่แข็ง และแนวทางปรับปรุงพันธุ์โคนมที่ประเทศบราซิล ทำให้ อ.ส.ค. มีแนวคิดที่จะนำเข้าน้ำเชื้อแช่แข็งและตัวอ่อนหรือเอมบริโอ (Embryo) โคนมสายพันธุ์กีร์โรลันโด (Girolando) จากบราซิล เพื่อพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์โคนมของไทย โดยโคนมพันธุ์ดังกล่าวเป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์กีร์ของอินเดียกับพันธุ์โฮลสไตน์-ฟรีเชียนของยุโรป ถือเป็นพันธุ์ที่มีศักยภาพสูงพันธุ์หนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับของหลายประเทศ ที่สำคัญยังให้ลูกสาวที่ให้ผลผลิตน้ำนมดิบสูงถึง 25-35 กิโลกรัม/ตัว/วัน ด้วย ทั้งนี้ หากนำน้ำเชื้อแช่แข็งและตัวอ่อนโคนมพันธุ์ Girolando เข้ามาต่อยอดพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์โคนมของ อ.ส.ค.

อนาคตคาดว่า จะได้พ่อพันธุ์โคนมพันธุ์ดีที่มีศักยภาพสูง เหมาะสมกับสภาพการเลี้ยงและสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้นของไทยเพิ่มขึ้นจากฝูงเดิมของ อ.ส.ค. ที่มีกว่า 20 ตัวในปัจจุบัน ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มทางเลือกให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมที่ต้องการใช้น้ำเชื้อพ่อพันธุ์ดีไปผสมเทียมแม่โคนมในฟาร์ม เพื่อยกระดับประสิทธิการผลิตและเพิ่มปริมาณผลผลิตน้ำนมดิบสูงขึ้น นอกจากนั้น ยังสามารถลดการนำเข้าน้ำเชื้อแช่แข็งจากต่างประเทศได้ค่อนข้างมาก “การเยือนบราซิลครั้งนี้ ยังมีโอกาสเข้าเยี่ยมชมโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ นม ยู.เอช.ที. และโรงงานผลิตชีส (Cheese) จากนมควาย ซึ่งมีทั้ง Fresh Cheese และ Mozzarella คุณภาพดี กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดเพิ่มขึ้นถึง 10-20% ต่อปี ทำให้ อ.ส.ค. ได้แนวคิดนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการแปรรูปผลิตภัณฑ์นมภายใต้แบรนด์ไทย-เดนมาร์ค ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น การแปรรูปชีสจากนมโคสดแท้ ซึ่ง อ.ส.ค. สามารถทำได้โดยใช้โรงงานนมของ อ.ส.ค. เชียงใหม่ เป็นฐานการผลิต การเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ นอกจากจะเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับแบรนด์ไทย-เดนมาร์คด้วย” ดร.ณรงค์ฤทธิ์กล่าว