พช. ส่งเสริม “บ้านหลักเขต” ปากช่อง แปรรูปกล้วยฉาบ สู้วิกฤตกล้วยราคาตก

อาชีพการเกษตร มีความเสี่ยงสูงในหลายด้าน ช่วงฤดูการเพาะปลูก ต้องเผชิญความเสี่ยงจากปัญหาภัยธรรมชาติ หากปีไหนฝนฟ้าไม่เป็นใจ เจอฝนแล้ง น้ำท่วม หรือเจอโรคแมลงรบกวน อาจได้ผลผลิตน้อยหรือไม่ได้เลย ทำให้ขาดทุนได้ หากปีไหนฝนฟ้าดี ได้ผลผลิตเยอะ หลังฤดูการเก็บเกี่ยวก็เสี่ยงเจอผลผลิตล้นตลาด ขายไม่ได้ราคา ขาดทุนได้เช่นกัน    

กรมการพัฒนาชุมชน (พช.)  ช่วยพัฒนาอาชีพเกษตรกรไทย

กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) สังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของชาวบ้านในทุกชุมชนทั่วไทย เล็งเห็นปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน จึงส่งเสริมให้ชาวบ้านปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเป็น “หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง” ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

กรมการพัฒนาชุมชน เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบบูรณาการไปสู่การปฏิบัติ โดยมุ่งเน้นการยกระดับเศรษฐกิจฐานราก นั่นคือ “สร้างรายได้” ที่ต้องทำให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยการสร้างอาชีพจากวิถีท้องถิ่น จึงเป็นที่มาของ “สัมมาชีพชุมชน” ที่ส่งเสริมให้ชาวบ้านในชุมชนเกิดการพัฒนาอาชีพขึ้นจากสิ่งที่มีอยู่เป็นทุนเดิม เป็นภูมิปัญญาที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดการเรียนรู้ไปสู่การสร้างอาชีพที่พึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง ถือเป็นยุทธศาสตร์การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) เพื่อวิถีตนเป็นที่พึ่งแห่งตนและสร้างชุมชนที่เข้มแข็งให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง

กรมการพัฒนาชุมชน ยังได้สานต่อความพอเพียง ภายใต้โครงการ “Way of Life วิถีความพอเพียง สร้างเศรษฐกิจฐานรากมั่นคงและชุมชนพึ่งตนเองได้” ช่วยให้ชาวบ้านมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคงจากการทำเกษตรแบบยั่งยืน  โดยอาศัยกระบวนการที่ซึ่งให้ชาวบ้านที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน สอนชาวบ้านในสิ่งที่ถนัดและที่สนใจในการฝึกอาชีพใหม่ๆ จากการต่อยอดภูมิปัญญาในท้องถิ่น โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด เป็นผู้ประสานงาน และมีทีมสนับสนุนการขับเคลื่อนสัมมาชีพระดับอำเภอ ซึ่งสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอ เป็นพี่เลี้ยง ทำให้หมู่บ้านที่ได้รับการสนับสนุนมีอาชีพ มีผลิตภัณฑ์ชุมชน สามารถก้าวไปสู่สินค้า หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เพื่อก่อให้เกิดรายได้ เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งต่อไป โดยกรมการพัฒนาชุมชนได้ตั้งเป้าหมายการสร้างอาชีพครัวเรือน จำนวน 23,589 หมู่บ้าน 471,780 ครัวเรือน

คุณอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เผยว่า โครงการ “Way of Life” เป็นหลักสูตรการฝึกอบรมที่ได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติจนเป็นวิถีชีวิต ที่จะช่วยแก้ปัญหาความยากไร้ในชุมชนนำไปสู่ชีวิตที่มั่นคงได้ โดยมีแนวทางการขับเคลื่อน 4 ขั้นตอน ที่เป็นกระบวนการที่สามารถจับต้องได้และวัดผลอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน นั่นคือ

  1. การค้นหาและเตรียมครูฝึก
  2. การฝึกสอนหรือถ่ายทอดความรู้
  3. การนำไปปฏิบัติจนเป็นวิถีชีวิต และ
  4. หมู่บ้านหรือชุมชนประกาศตนเป็นหมู่บ้านพึ่งตนเอง

ซึ่งทุกกระบวนการตั้งแต่ฝึกสอน ถ่ายทอดความรู้ ปฏิบัติจริง สู่วิถีชีวิต กรมการพัฒนาชุมชน จึงได้ดำเนินการผลักดันให้เกิดการปฏิบัติจริงในระดับประชาชนแต่ละท้องถิ่นอย่างแท้จริง

หมู่บ้านหลักเขต ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมาย ที่กรมการพัฒนาชุมชน เข้าไปช่วยพัฒนาอาชีพ ยกระดับเศรษฐกิจเชิงฐานราก โดยการสร้างอาชีพครัวเรือน หรือที่เรียกว่า “สัมมาชีพ” ในพื้นที่ชุมชนสัมมาชีพต้นแบบ ซึ่งชาวบ้านหมู่บ้านหลักเขตได้มีการรวมกลุ่มกันนำผลิตผลทางการเกษตรที่มีอยู่ในชุมชน กล่าวคือ กล้วย ที่มีการปลูกกันอยู่ทุกครัวเรือน นำมาแปรรูปเป็นกล้วยฉาบ สร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้ในแต่ละครัวเรือน รวมทั้งได้มีปราชญ์ชาวบ้านในพื้นที่คอยให้คำแนะนำถ่ายทอดความรู้การทำการเกษตรบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

วิถีชุมชน “บ้านหลักเขต”

กรมการพัฒนาชุมชน ยกย่อง “หมู่บ้านหลักเขต” ว่า เป็นต้นแบบวิถีชีวิตบนเส้นทางเศรษฐกิจพอเพียง การเรียนรู้สัมมาชีพในท้องถิ่นสร้างรายได้แบบพึ่งพาตนเอง การแปลงต้นทุนวัตถุดิบในครัวเรือน เลี้ยงชีพครัวเรือน เลี้ยงชีพชุมชน เป็นการสร้างความเข้มแข็งในระบบต้นน้ำอย่างบูรณาการ ซึ่งส่งผลให้เกิดความสำนึกรักบ้านเกิดจากภูมิปัญญา สัมมาชีพชุมชนอย่างแท้จริง สร้างเศรษฐกิจฐานรากมั่นคง ชุมชนพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน

“บ้านหลักเขต” หมู่ที่ 18 ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา หนึ่งในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ปี 2555 ที่ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนฐานรากอาชีพให้เข้มแข็งจากกรมการพัฒนาชุมชน

คุณสุธีร์ วงค์อุ่นใจ ปราชญ์ชาวบ้าน วัย 58 ปี เล่าว่า หลังจากชาวบ้านได้ปรับตัวเข้าสู่วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้แต่ละครอบครัวสามารถพึ่งพาตนเองได้ หนี้สินลดลง และมีรายได้เพิ่ม ทุกครัวเรือนเกิดการรวมตัวด้านอาชีพโดยไม่ต้องรับจ้าง ชาวบ้านที่ไปทำงานต่างถิ่นก็กลับมามีอาชีพที่บ้านเกิดของตนเอง ในฐานะปราชญ์ชาวบ้านที่ได้เข้าร่วมโครงการอบรมส่งเสริมการสร้างสัมมาชีพ จึงนำความรู้จากการอบรมที่ได้เข้าไปถ่ายทอดสอนชาวบ้าน สร้างอาชีพจากครัวเรือน

“หมู่บ้านหลักเขต” เริ่มเรียนรู้การสร้างสัมมาชีพชุมชน โดยการมองวัตถุดิบที่มีอยู่ในชุมชน ซึ่งมี 230 ครัวเรือน ในหมู่ที่ 18 มีจำนวนการปลูกกล้วยกันแทบทุกครัวเรือนเป็นทุนเดิม จึงได้หาวิธีการสร้างมูลค่าเพิ่มของกล้วยที่มีอยู่ทุกครัวเรือน มาทำให้มีรายได้เพิ่ม โดยได้นำภูมิความรู้จากคนในหมู่บ้านมาช่วยถ่ายทอดการทำกล้วยแปรรูป ซึ่งสามารถเก็บผลผลิตไว้ได้นานขึ้น ราคาจากการขายกล้วยหวีตามน้ำหนักชั่งที่จากเดิมมีราคาต่อหวีจำนวนไม่มาก จาก 1 หวี สามารถแปรรูปได้ราคาเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัวได้

จากการพลิกผืนป่ากล้วยในหมู่บ้านหลักเขตสู่การรวมตัวกันจัดตั้งหมู่บ้านสัมมาชีพขึ้น โดยการตั้งกลุ่มขึ้นกันเอง 11 กลุ่ม เพื่อให้มีการดูแลกันอย่างทั่วถึง ซึ่งในแต่ละกลุ่มจะมีหัวหน้ากลุ่มดูแลรับผิดชอบ มีการจัดประชุมกันในหมู่บ้านทุก วันที่ 10 ของทุกเดือน เพื่อมาปรึกษาหารือกันในสัมมาชีพชุมชน

กรมการพัฒนาชุมชน โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครราชสีมาเล็งเห็นถึงความพร้อมของทรัพยากรในหมู่บ้านหลักเขต จึงสนับสนุนองค์ความรู้และงบประมาณเพื่อพัฒนาชุมชนแห่งนี้ให้กลายเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ประจำปี 2555 ทำให้ชาวบ้านหันกลับมาสร้างรายได้จากสิ่งที่มีอยู่ใกล้ตัวและมีการแลกเปลี่ยนภูมิความรู้สู่กัน

กรมการพัฒนาชุมชนได้คัดเลือกปราชญ์ให้เข้ารับการอบรมโครงการพัฒนาผู้นำสัมมาชีพ และคัดเลือกทีมที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนสัมมาชีพชุมชนให้แก่หมู่บ้าน จนกระทั่งมีการคัดเลือกครัวเรือนสัมมาชีพชุมชน หมู่บ้านละ 20 ครัวเรือน จัดให้ใน 4 หมู่บ้าน มีทีมดูแลสัมมาชีพชุมชนต่อ 1 คน ทำให้ชาวบ้านเรียนรู้ที่จะสร้างรายได้แบบก้าวหน้า คือการแปรรูปวัตถุดิบในครัวเรือนออกขายเพิ่มรายได้

 

“กัลยา สายประสาท” ครูภูมิปัญญาการแปรรูปกล้วย

คุณกัลยา สายประสาท ผู้ถ่ายทอดภูมิปัญญาการแปรรูปกล้วยออกสู่คนในชุมชน เล่าว่า ชาวบ้านปลูกกล้วยกันทุกครัวเรือน เมื่อต้องการสร้างรายได้จากภูมิปัญญาในครัวเรือน จึงรวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มแปรรูปกล้วย โดยปราชญ์ชาวบ้านจึงได้ชักชวนแกนนำวิทยากร 4 คน ทั้งผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วย และชาวบ้าน มาช่วยกันก่อตั้งกลุ่มชาวบ้านหลักเขตขึ้น เพื่อพัฒนาอาชีพในพื้นที่ ซึ่งปราชญ์และวิทยากรชุมชน จะต้องมีการเข้าอบรมความรู้จาก พช. แล้วเราก็ได้นำความรู้ที่อบรมการแปรรูปกล้วยมาปรับใช้กับความรู้เดิมถ่ายทอดสู่คนในชุมชน

คุณกัลยา สอนให้สมาชิกกลุ่มเรียนรู้เรื่องการแปรรูปกล้วย ตั้งแต่การปอก การหั่น การผสมรสชาติ เค็ม หวาน การทำให้กล้วยฉาบได้มาตรฐานการผลิต ตลอดจนถึงการบรรจุผลิตภัณฑ์ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนการผลิตซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณกล้วย ประมาณจำนวน 50-100 ถุง เฉลี่ยราคาอยู่ที่ประมาณถุงละ 20 บาท เมื่อขึ้นทะเบียนแล้วก็จะนำขึ้นทะเบียนโอท็อป ซึ่งการรวมกลุ่มแปรรูปในชุมชน ช่วยลดปัญหาหนี้สิน และยังช่วยเพิ่มเทคนิคการทำสัมมาชีพให้คนในชุมชน จากการแปรรูปกล้วยฉาบไปสู่การแปรรูปฟักทอง มันฉาบ และผลผลิตอื่นๆ ในแต่ละครัวเรือนด้วย

 

ปรับสู่วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง โกยรายได้งามตลอดทั้งปี

คุณวรรณวิภา ธุวะชาวสวน เกษตรกรผู้รับการส่งเสริมการปลูกกล้วย เล่าว่า ในอดีตตนเองเคยไปรับจ้างทำงานในเมืองหลวง แต่หารายได้ไม่พอกับรายจ่าย จึงตัดสินใจกลับบ้านเกิด และได้ไปเห็นการสร้างอาชีพของคนในชุมชน จึงเกิดการเรียนรู้มุมมองใหม่ขึ้น โดยมีปราชญ์ชาวบ้านให้คำแนะนำ ทำให้เข้าใจวิถีชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และหลักการพึ่งพาตนเอง

จนกระทั่งได้เกิดความคิดในการเลี้ยงชีพจากวิถีชีวิตบ้านเกิด ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน เริ่มต้นจากการพออยู่พอกิน ปลูกพืชผักสวนครัวไว้รับประทานภายในบ้าน เมื่อผลผลิตออกผลจำนวนมากจนเหลือ จึงนำออกขายสามารถลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ให้ครัวเรือน

กล้วย เป็นพืชที่สามารถขายได้ทั้งหน่อ หัวปลี ซึ่งราคาขายอยู่ที่ 15 บาท รวมทั้งพืชผักในสวน จะส่งขายตามตลาดนัด บางช่วงจะมีพ่อค้าเข้ามาติดต่อขอซื้อทั้งสวนของตนเองและคนในหมู่บ้านเพื่อส่งขายตลาดไท ต่อมาจึงพัฒนาพื้นที่บริเวณรอบบ้านให้เป็น ศูนย์เรียนรู้การปลูกกล้วยแบบผสมผสาน จำนวน 2 ไร่ ที่มีการปลูกพืชรายวันและรายเดือน เพื่อให้มีรายได้ตลอดทั้งเดือน รายได้หลักเน้นที่การผลิตกล้วย

หลังจากชาวบ้านในหมู่บ้านได้หันมาจัดตั้งกลุ่มแปรรูปกล้วย โดยรับซื้อกล้วยจากเกษตรกรในชุมชน โดยรับซื้อผลผลิตในราคาตามท้องตลาด เฉลี่ยหวีละประมาณ 20-35 บาท ทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ปัจจุบันเธอมีรายได้หลักต่อเดือนอยู่ที่ 15,000 บาท และรายได้ต่อเนื่องเป็นรายวันตามผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ เรียกว่า มีรายได้หมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายและเหลือเงินเก็บสำหรับเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน