แอบไปชมพันธุ์ไม้งามอร่ามตา ในงานพฤกษาพาเพลินเมืองระยอง

เมื่อหลายปีก่อนเคยเขียนบทความเกี่ยวกับงานไม้ดอกไม้ประดับงานหนึ่งที่จัดขึ้นในตัวเมืองระยอง จัดโดยชมรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดระยอง ร่วมกับห้าง Home Pro ซึ่งตอนนั้นจัดเป็นครั้งแรกๆ ไม่ค่อยติดตาขาช็อปมากนัก เพราะเป็นน้องใหม่ที่บังอาจหาญกล้าเข้ามาจัดท่ามกลางเมืองผลไม้ที่มีเดอะแก๊งออฟโฟร์ คือ ทุเรียน เงาะ มังคุด และลองกอง คุมพื้นที่อยู่เดิม มันจะดูแปลกๆ ไป หากจู่ๆ ที่มีใครบังอาจจัดมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับที่นี่ มีเสียงแว่วลอยลมมาว่า “มันจะไปไม่รอด จอดไม่ต้องแจว เดี๋ยวก็แผ่วไปเอง” ความคิดที่ว่าที่นี่ต้องผลไม้เท่านั้น ได้ถูกประทับไว้ในมายด์เซ็ต (mindset) มาเนิ่นนาน การที่จะเปลี่ยนวิธีคิด/ไม่ติดกรอบต้องมั่นใจ และใช้ตัวช่วยพอสมควร แต่ใครจะคิดว่าแค่จัดงานไม่กี่ครั้งก็ดังไปทั่วเจ็ดย่าน ผู้คนที่ขับขี่รถผ่านจึงแวะเที่ยวงานกันตรึม ในช่วงเวลา 4-5 ปี รูปแบบการจัดงานเปลี่ยนไป โดยทางห้าง Home Pro ได้นำแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) มาปรับใช้ร่วมกับองค์กรในชุมชน เป็นการริเริ่มกิจกรรมดีๆ ที่เกิดประโยชน์ต่อชุมชน/สังคม ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบาย “ประชารัฐ” ที่เน้นการร่วมคิด ร่วมทำกิจกรรมอันจะก่อเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในชุมชนเป็นเป้าหมาย

เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเข้าไปในงานพร้อมกับซ้อใหญ่ ที่เป็นขาช็อปประจำงาน/ตลาดนัดต้นไม้ สังเกตว่าการจัดงานครั้งนี้ค่อนข้างดี เพราะมีร้านต้นไม้มาร่วมแจมเยอะมาก เพื่อให้คนระยองได้ซื้อหากันแบบจุใจ เท่าที่เดินชมและสำรวจข้อมูลไปด้วย ขอจัดหมวดหมู่ของเหล่าพันธุ์ไม้ในงานไว้ ดังนี้ กลุ่มไม้ดอก กลุ่มไม้ประดับ กลุ่มไม้ดัด/ไม้แคระ กลุ่มไม้ขุดต้นใหญ่ และกลุ่มไม้ผลต่างๆ ในงานนี้ยังมีการออกร้านอาหาร และประเภทผลิตภัณฑ์โอท็อป ให้ผู้ที่มาในงานได้เลือกซื้อกิน/เป็นของฝากได้ตามใจชอบ แถมช่วงกลางคืนยังมีดนตรียุคซิกตี้ให้ฟังกันอีก เรียกว่างานครั้งนี้จัดครบพบแต่เรื่องสุขใจล้วนๆ ครับ และในครั้งนี้เป็นการจัดกันแบบยาวๆ 9 วันรวด เพราะแฟนคลับบอกว่าจัด 3-5 วันมันสั้นไป ยังช็อปกันไม่สะใจเลิกไปซะแล้ว เดินชมพันธุ์ไม้และเก็บภาพสวยๆ มาฝากแฟนๆ เทคโนโลยีชาวบ้าน เดินไปจนรอบงาน พักดื่มน้ำและข้าวก่อนโกยอ้าวไปสัมภาษณ์ข้อมูลกับผู้ขายต้นไม้บางราย เกี่ยวกับการทำมาค้าขายต้นไม้ที่นำมา เผื่อจะเป็นข้อมูลให้หลายท่านไปตัดสินใจก่อนกระโดดเข้าสู่วงการ

คุณอารักษ์ โภคินพิทักษ์ เจ้าของสวนมานิตย์การ์เด้น อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บอกว่า ที่บ้านมีรังกล้วยไม้ใหญ่ และปลูกไม้ผลอีก 2-3 อย่าง แต่เน้นกล้วยไม้กลุ่มม็อคคาล่า ในพื้นที่กว่า 100 ไร่ เพราะลูกค้าให้ความสนใจมาก เนื่องจากมีดอกสวยงาม กลิ่นหอม บานอยู่ได้นาน และราคาไม่แพงเกินไป ผมทำมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อกว่า 30 ปีแล้ว ไปออกงานครั้งแรกที่พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ตอนนั้นคุณพ่อเป็นนายกสมาคมกล้วยไม้แห่งประเทศไทย ผมจึงได้เรียนรู้การทำงานและรับการถ่ายทอดประสบการณ์มาทั้งหมด สำหรับตลาดนั้นผมส่งขายประเทศจีน เวียดนาม พม่า ไต้หวัน และอินเดีย แต่ช่วงนี้มีปัจจัยหลายอย่างทำให้มีผลกระทบในการส่งไปทางอียู ทั้งต้นทุนขนส่ง การตรวจสอบสินค้า และสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ฝากคนที่จะเข้ามาวงการกล้วยไม้ด้วยว่า ลงทุนมากพอสมควร คิดให้รอบคอบ ใจรัก และชอบจริงไหม ทุนช่วงแรกยาวพอหรือเปล่า และลูกค้าอยู่ที่ไหน งานปีนี้ดูว่าไม่คึกคักเท่าครั้งก่อน ทั้งๆ ที่มีของเข้ามามาก มันเพราะเศรษฐกิจหรือเปล่า ปกติช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ลูกค้าจะมามาก ครั้งนี้บางตาลงไปแต่ก็ยังพออยู่ได้ ยังไงผมก็ต้องทำกิจการนี้ต่อเพราะเป็นอาชีพดั้งเดิมครับ

คุณสิทธิศักดิ์ ตราเงิน จากเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ที่ถนัดการเพาะเลี้ยงเฟิร์น โดยสั่งพันธุ์มาจากประเทศฟิลิปปินส์มาพัฒนา เป็นเฟิร์นพันธุ์คอบร่า (Cobra) นำมาปลูกคัดเลือกตั้งแต่ 4-5 ปีมาแล้ว และนำมาเปิดตัวครั้งแรกที่ระยองเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งมีการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีมาก ผมปล่อยไปราวๆ 1,000 ต้น ราคาตามขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ตั้งแต่ 150, 500 และ 1,500 บาท/ต้น ที่ราคาแพงเพราะทำค่อนข้างยาก ใช้เวลาจากการเพาะสปอร์ถึงได้ฟอร์มนานถึง 2-3 ปี แต่ผมจัดให้เขาอยู่ในกลุ่มไม้มงคลและไม้ดูดสารพิษที่เหมาะกับคนในเมือง ทรงต้นและใบเขียวเข้มสบายตา และเป็นลอนสวยงาม ดูแลง่าย ทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี สำหรับลูกค้านั้นมีความชอบที่แตกต่างกันไป บางคนชอบไม้ดอก บางคนชอบไม้ใบ/ประดับ หรือชอบไม้ผล ผู้ที่รักเฟิร์นให้เริ่มน้อยๆ ไปก่อน เรียนรู้ ศึกษาข้อมูล และลงมือทำจริงๆ พัฒนาตนเองไปพร้อมๆ กับการพัฒนาต้นไม้ ซึ่งอาจก้าวต่อไปจนถึงการผสมข้ามพันธุ์ สร้างลูกผสมใหม่ๆ ได้ในอนาคต นั่นเป็นประสบการณ์ มุมมอง และข้อคิดของเด็กหนุ่มที่หันมาสนใจอาชีพเกี่ยวกับต้นไม้ใบหญ้า “เฟิร์นคอบร่า” ไม้ประดับที่กำลังมาแรงครับ

คุณอุดม และ คุณสุภัค เบญจชาด คู่สามีภรรยาข้าราชการเกษียณจากจังหวัดราชบุรี มาต่องานใหม่ด้วยการทำพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับของตัวเอง และรับจากแหล่งผลิตต่างๆ ไปออกร้านขายในงานไปทั่วทางภาคตะวันตกและภาคตะวันออก “ผมเน้นไม้ต้นเล็กและไม้กระถางเล็กมากกว่า เพราะจัดการง่าย ขนส่งสะดวก ลงกล่องไม่กี่กล่องกับรถปิกอัพคันโปรดก็ไปได้โลดทั่วทิศ เพราะเคยทำไม้ใหญ่มาแล้ว มันหนักและกินพื้นที่ ขนไปได้น้อยต้น อีกอย่างอายุก็มากแล้ว ไม่ไหว เลยเปลี่ยนมุมมาทำไม้เล็ก เน้นกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบสะสม/ปลูกไว้ดูเล่นตามที่พัก/ที่แคบ บนอาคาร/ออฟฟิศ ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้พอจะมีกำลังซื้อหาไปได้ ราคาไม่แพง เริ่มที่ 20, 25, 35 ไม่เกิน 50 บาท/ต้น แต่ไซซ์ 35 บาท ผมจะคิดไป 3 ต้น 100 บาท ครั้งนี้ผมนำมาหลายอย่าง เช่น เฟิร์นพลาสติก กวักทรัพย์ พลูด่าง ราชินีสีทอง ออมเงินแคระ ช้อนเงิน-ช้อนทอง เศรษฐีนำโชค อุดมทรัพย์ เกล็ดทับทิม บุษบา รวยไม่เลิก เทียนมหาราช ไผ่กวนอิม ข้าวตอกพระร่วง มาร่วมครั้งแรกเมื่อต้นปีนี้ ครั้งนี้ดูจะไม่ค่อยคึกคักเหมือนคราวก่อน วงการต้นไม้ก็อย่างนี้มีขึ้นๆ ลงๆ ไปตามกระแส ยิ่งกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีด้วยช่วงนี้ แต่ก็ยึดเป็นอาชีพได้ เป็นอาชีพเสริมก็ดี เพราะบ้านเมืองยังขยายตัวไปอีกมาก บ้านจัดสรร ที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นตามมา ความต้องการต้นไม้เพื่อตกแต่งในพื้นที่แคบๆ พื้นที่จำกัด ในอาคาร/สำนักงาน ก็ยังต้องใช้ไม้เล็กไปประดับและตกแต่งได้ แต่เดี๋ยวนี้ก็ต้องหูไวตาไวเหมือนกัน เพราะมีผู้เข้ามาในวงการต้นไม้มากขึ้น มีการแข่งขันกันมาก เล่นกันทุกรูปแบบ ลดแลกแจกแถมนะธรรมดา ขายแบบตัดราคากันนี่สิเราก็แย่เหมือนกัน ดีว่าของผมทำต้นทุนต่ำเพราะต้นไม้ส่วนใหญ่ทำได้เอง ผมมีบริการเปลี่ยนกระถาง ลดราคาหากซื้อมาก ติดตามลูกค้าหลังการซื้อขาย ลูกค้าประจำบริการเป็นพิเศษ การพูดจาภาษาดอกไม้เข้าไว้ เข้าชมได้ ไม่ซื้อไม่ว่า ให้คำปรึกษาข้อมูลกัน แลกเปลี่ยนไอเดียกันได้ พร้อมรับคำแนะนำติชม ช่วงท้าย คุณอุดม บอกว่า ยังจะอยู่ในวงการต้นไม้ไปอีกนาน จนกว่าสังขารจะไม่เอื้ออำนวยครับ

ขอเลี้ยวไปไม้ผลสักสองสามราย เผื่อไว้ซื้อหากันในครั้งหน้าหรือบางโอกาสที่จะพบกันในงานอีเว้นต์ต่างๆ ตามมาครับ

 

คุณเล็ก และ คุณแดง ชมฉ่ำ สองพี่น้องจากอำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี เจ้าของมะนาวแป้นสิรินนท์ ส้มโอพลายชมพู และมะม่วงอกร่องทะวาย ซึ่งพันธุ์ไม้ผลทั้ง 3 ชนิดนี้ เป็นที่รู้จักกันดีในวงการคนเล่นไม้ผล มะนาวแป้นสิรินนท์มีลักษณะเด่นคือ ผลมีขนาดใหญ่กว่าผลมะนาวแป้นทั่วไป เปลือกผลบาง มีเมล็ดไม่มากนัก รสชาติน้ำเปรี้ยวจัดและมีกลิ่นหอมแรงเฉพาะตัว ผลโตเต็มที่มีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 10-13 ผล ต่อ 1 กิโลกรัม เปลือกผลบาง ผ่าบีบหรือคั้นเอาน้ำให้น้ำเยอะ และติดผลดกตลอดปี

 

 

 

ส้มโอพลายชมพู เป็นพันธุ์ที่ได้มาจากประเทศมาเลเซีย แล้วนำมาปลูกพัฒนาจนแน่ชัดว่ามีลักษณะที่ดี ผลมีขนาดใหญ่ รูปทรงของผลกลมแป้น ให้เนื้อเยอะ ถุงน้ำเป็นสีชมพูเข้ม รสชาติหวานกรอบ เนื้อไม่เละอร่อยมาก ไม่มีเมล็ด กินอร่อยไม่แพ้ส้มโอสายพันธุ์ดังๆ ทั่วไป เปลือกผลเกลี้ยงและบางเป็นสีเขียวแกมเหลือง การติดผลดกปีละครั้งตามฤดูกาล

มะม่วงอกร่องทะวาย เป็นพันธุ์ที่เกิดจากการเพาะด้วยเมล็ดของมะม่วงอกร่องพันธุ์ดั้งเดิม หรือมะม่วงอกร่องเขียว แล้วเกิดการกลายพันธุ์ มีลักษณะพิเศษคือ ผลมีขนาดใหญ่กว่าผลของมะม่วงอกร่องพันธุ์เดิม ทรงผลแตกต่างกัน มีกลิ่นหอม รสชาติผลอ่อนหรือดิบจะเปรี้ยวจัด ผลแก่หรือห่ามยังไม่ถึงกับสุกจะหวานมัน กินกับน้ำปลาหวานได้ เนื้อสุกไม่เละ หวานหอม มีเส้นใยน้อยอร่อยมาก

คุณเล็ก เล่าต่อว่า ในอดีตเคยทำหน้าวัวมาก่อน แต่พบว่าไม่เหมาะกับสภาวะอากาศบ้านเรา เลยยกให้เพื่อนไปปลูกที่อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ แล้วหันมาจับพวกไม้ผลหลายอย่าง เช่น มะนาว มะม่วง ส้ม ฝรั่ง มาร่วมงานที่ระยองราวๆ 5 ปีแล้ว ลูกค้าตอบรับค่อนข้างดี ที่นี่คนมีกำลังซื้อสูง และจะเดินทางไปออกร้านในที่อื่นๆ แล้วแต่โอกาส สองพี่น้องทิ้งท้ายกับผู้เขียนว่า การจัดงานต้องมีการทำประชาสัมพันธ์แต่เนิ่นๆ และเป็นระยะๆ เพื่อให้คนในพื้นที่ทราบและรับรู้ วันเวลา สถานที่จัดงาน, จัดสถานที่ให้เหมาะสม อำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาในงาน, ต้นไม้ชนิดเดียวกันราคาไม่ควรแตกต่างกัน, ต้นไม้ต้องตรงตามพันธุ์ที่ลูกค้าต้องการ, มีพันธุ์ไม้ใหม่ๆ มาเสนอลูกค้า, ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า และบริการที่ดี เหล่านี้จะทำให้ประทับใจ และมาเที่ยวงานมากขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจจะซบเซาแต่เราก็ต้องเอาความจริงใจให้กับลูกค้าทุกคน

คุณธิตติมา เถื่อนธำรง จากอำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ผู้ปลูกมะนาวตาฮิติรายใหญ่ที่สุดของประเทศ บอกว่า เข้ามาร่วมงานนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว นำมะนาวตาฮิติผลสด น้ำมะนาวบรรจุขวด และกิ่งพันธุ์มาจำหน่าย เธออธิบายถึงข้อดีของมะนาวตาฮิติว่า ปลูกและดูแลง่ายกว่ามะนาวแป้นรำไพ เพราะต้านทานต่อโรคแคงเกอร์และหนอนชอนใบ ให้ผลขนาดใหญ่กว่า น้ำมาก รสชาติเปรี้ยวจัด เปลือกหนาทนทานต่อการขนส่ง เก็บไว้ได้นานทั้งในห้องเย็นและอุณหภูมิห้อง เป็นมะนาวไม่มีเมล็ด ออกผลดกและออกผลตลอดปี ที่สวนทำส่งตลาดบริษัทใหญ่ที่ส่งออกประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ตลาดบ้านเรายังไม่ค่อยนิยมมากนักเพราะยังติดอยู่กับมะนาวพวกแป้นต่างๆ มะนาวพันธุ์นี้ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อมะนาวทูลเกล้า มีจุดเด่นหลายอย่างเมื่อเทียบกับกลุ่มมะนาวแป้น โดยเฉพาะการดูแลง่าย แทบไม่ต้องฉีดสารเคมีป้องกันกำจัดแมลงและโรคต่างๆ จึงไม่มีสารพิษตกค้าง จัดเป็นมะนาวปลอดสารพิษหรือมะนาวอินทรีย์ แต่ปีนี้ผลผลิตมะนาวมีปริมาณมาก ราคาจึงไม่สูงเหมือนปีก่อน เพราะการส่งเสริมและสนับสนุน ให้ปลูกกันมากในช่วงปีหรือสองปีที่ผ่านมา แต่ที่สวนเน้นการส่งออกจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไร เพราะในประเทศก็เน้นส่งให้เฉพาะซุปเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้น

พอมองเห็นภาพนะครับว่า การจัดงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพันธุ์ไม้ยังพอมีช่องทางการขายและตลาดยังเติบโตได้อีก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ยังไม่มีธุรกิจแบบนี้เข้าไปแจมอย่างจริงจัง อาจต้องให้เวลากับงาน/เทศกาลใหม่นี้บ้าง อย่างไรก็ตาม แนวทางการมีส่วนร่วมระหว่างภาคเอกชนและชุมชนในกรณีนี้ นับว่าเป็นความสำเร็จในการสร้างเศรษฐกิจชุมชนที่น่าจะเป็นแบบอย่างได้ จากการที่ได้เข้าไปชมพันธุ์ไม้งามอร่ามตา ในงานพฤกษาพาเพลินครั้งนี้ ผมมองว่า งานนี้เสมือนเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และให้เอ็นเตอร์เทนกับคนระยองไปแล้ว พูดง่ายๆ ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน ทั้งผู้จัด ผู้มาร่วมออกร้าน และผู้มาเที่ยวงาน ทุกคนเบิกบาน แบบ win-win กันไปครับ