สวนมะม่วงหิมพานต์ ออร์แกนิก ไม้ทนแล้ง ปลูกง่าย ได้ผลผลิตนาน

ในยุคปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่าผู้บริโภคหันมาใส่ใจ “สุขภาพ” กันมากขึ้น คำนึงถึงต้นทางของแหล่งวัตถุดิบ ว่าแท้จริงแล้ววัตถุดิบแต่ละอย่างนั้น มีจุดเริ่มต้นมาจากที่ใด และการดูแลนั้นผ่านกระบวนการอะไรมาบ้าง เพราะเหตุนี้ทำให้กระแสสุขภาพที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดออร์แกนิก เติบโตอย่างรวดเร็วมากกว่าในอดีตที่ผ่านๆ มา

ออร์แกนิก คือผลผลิตจากการเกษตร ที่ได้ผ่านกระบวนการผลิตทางเกษตรที่ปลอดสารเคมีทุกชนิดที่จะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนกระบวนการเลี้ยง การปลูก ต้องมีการดูแลอย่างพิถีพิถัน

คุณอังคนา ก้อนเพรช 

คุณอังคนา ก้อนเพรช หรือ คุณแก้ม ชาวตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เกษตรกรปลูกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และทำการเกษตรผสมผสาน คุณอังคนาเป็นหนึ่งในเกษตรกรรุ่นใหม่ ที่เมื่อเรียนจบการศึกษาปริญญาตรีแล้ว ก็ได้มีแนวคิดกลับมาพัฒนาการเกษตรบ้านเกิด และเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตรของทางครอบครัว

คุณอังคนา เล่าว่า จุดเริ่มต้นของสวนมะม่วงหิมพานต์แห่งนี้ เกิดขึ้นบนที่ดินจำนวน 4 ไร่ ของคุณตา คุณตา เล่าว่า ในอดีตพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่รกร้าง แต่ได้มีหน่วยงานของภาครัฐเข้ามาให้ความรู้แก่เกษตรกร มีการแนะนำให้เกษตรกรได้ปลูกมะม่วงหิมพานต์ สายพันธุ์สิริชัยมาบุญครอง โดยภาครัฐให้ต้นกล้ามาปลูกฟรี และเกษตรกรจำเป็นต้องปลูกและเก็บผลผลิตส่ง เป็นระยะเวลา 3 ปี

เม็ดอ่อน

เมื่อหมดสัญญา 3 ปี คุณตาและคุณแม่ก็เก็บเม็ดดิบขาย ในตอนนั้นราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 50-60 บาท แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป ราคาเม็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบไม่ได้ราคาดีแบบเดิม คุณน้า น้องสาวของแม่ก็ได้สอนและแนะนำถึงขั้นตอนการแปรรูป ว่าจริงๆ แล้ว ไม่จำเป็นเพียงแค่ขายเม็ดดิบ แต่เราสามารถนำมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลให้สูงกว่าการขายเม็ดดิบได้ ในเวลานั้นธุรกิจนี้ของครอบครัวก็สามารถทำตลาดได้หลากหลายขึ้น

ผลเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่พร้อมเก็บผลผลิต

เมื่อคุณอังคนาเรียนจบก็ได้กลับบ้านมาช่วยพัฒนาการเกษตรและการตลาดของครอบครัว ปัจจุบันนอกจากจะมีสวนมะม่วงหิมพานต์ของคุณตาแล้ว ยังมีการปลูกผสมผสานกับพืชอื่นๆ และแปลงนาข้าวอีกด้วย

จุดเด่นของสวนมะม่วงหิมพานต์แห่งนี้คือ ผู้บริโภคสามารถรับรู้ได้ถึงกระบวนการปลูก การดูแล จนถึงวิธีการปลายทาง ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ปลอดภัย ไร้สารเคมี ตั้งแต่ดินที่เพาะปลูก และปุ๋ยธรรมชาติจากมูลสัตว์

เก็บผลผลิต

เอกลักษณ์ของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ออร์แกนิก เม็ดใหญ่ มีกลิ่นหอม รสชาติหวาน

นอกจากนี้ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ยังมีสรรพคุณที่ดีอย่างมากต่อร่างกาย ทางการแพทย์ของประเทศอินเดียแนะนำให้เด็กอายุ 6 ขวบ ทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เพราะมีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพช่วยทำให้การเจริญเติบโตเร็วขึ้น ช่วยบำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ และบำรุงผิวหนัง เส้นผม เป็นต้น

ต้นมะม่วงหิมพานต์ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง เมื่อเติบโตเต็มที่จะมีความสูงเฉลี่ย 6 เมตร หรือสามารถสูงได้ถึง 12 เมตร ลำต้นเป็นเนื้อไม้แข็ง มีกิ่งแขนงแตกออกเป็นพุ่มแน่นทรงกลมกระจายออก และในบ้านเราสามารถพบเจอได้มากในภาคใต้ ต้นมะม่วงหิมพานต์เป็นไม้ที่ทนแล้ง ปลูกง่าย ได้ผลผลิตนาน

เม็ดดิบที่เก็บเกี่ยว นำมาตากแห้ง

การเพาะต้นกล้า

นำเม็ดดิบที่เก็บผลผลิตมาตากแดดจนแห้งเพื่อไม่ให้เกิดราขึ้นที่เม็ด จากนั้นคัดเม็ดที่สมบูรณ์ โดยเลือกจากเม็ดที่ใหญ่ แข็งแรงไม่แตกหัก เตรียมดิน โดยดินที่ใช้ในการเพาะเป็นดินเพาะปลูก ผสมกับปุ๋ยใบไม้และปุ๋ยคอกขี้ควายจากควายที่เลี้ยงไว้ นำเม็ดเพาะที่คัดแล้ว เมื่อนำส่วนผสมดินมาผสมกันเรียบร้อยแล้ว ใส่ดินลงไปครึ่งถุงเพาะ และใส่เม็ดเพาะลงไป โดยการวางเม็ดจะวางส่วนที่เว้าโค้งคว่ำลงดิน จากนั้นใส่ดินกลบลงไปให้เต็มถุง

เมื่อต้นกล้าเพาะเสร็จแล้วสามารถนำไปวางในโรงเรือนได้ โดยไม่ต้องให้โดนแดดมาก และรดน้ำวันละ 1 ครั้ง ในช่วงเช้า เมื่อต้นกล้ามีอายุครบ 2-3 สัปดาห์ ก็จะงอกต้นอ่อนออกมาให้ได้เห็นแล้ว เมื่อต้นกล้ามีอายุครบ 1 เดือน จากต้นอ่อนก็กลายเป็นต้นกล้าที่แข็งพร้อมลงแปลงปลูกได้แล้ว

ต้นกล้าอายุ 1 เดือน ที่สามารถลงแปลงปลูกได้ จำเป็นอย่างมากที่ต้องการน้ำให้เพียงพอ และการดูแลเอาใจใส่อย่างมากในช่วง 1 ปีแรก การรดน้ำขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละฤดูกาล มั่นสังเกตหน้าดินไม่ให้หน้าดินแห้ง เพื่อรักษาความชุ่มชื่นในดิน

การให้น้ำ

ในช่วงปีแรกของการเพาะปลูก จำเป็นต้องรดน้ำทุกวันในช่วงเช้า 1 ครั้งต่อวัน และเว้นการรดน้ำในช่วงฤดูฝน เมื่อต้นกล้ามีอายุครบ 1 ปีแล้ว การรดน้ำก็ยังจำเป็นต่อพืช แต่ไม่จำเป็นต้องรดน้ำทุกวัน เพียงแค่หมั่นสังเกตหน้าดินไม่ให้แห้ง เพราะต้นมะม่วงหิมพานต์ถือเป็นพืชทนแล้ง เพียงแต่จะอ่อนแอได้ง่ายในช่วงการปลูกปีแรก

การใส่ปุ๋ย

เมื่อต้นมะม่วงหิมพานต์อายุครบ 1 ปี จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย 2 ช่วง ในช่วงปลายฤดูแล้งและช่วงต้นฤดูฝน โดยปุ๋ยที่ใส่จะเป็นปุ๋ยคอกจากขี้ควาย หรือปุ๋ยขี้ไก่ เพื่อเพิ่มสารอาหารในดินให้พืชสามารถดูดกินไปพัฒนาต้นให้เติบโตได้ดียิ่งขึ้น และจะใส่ปุ๋ยในครั้งต่อไปเมื่อต้นมะม่วงหิมพานต์มีอายุครบ 2 ปี และ 3 ปี ใส่ปุ๋ยคอก 1 ครั้ง

ผลิตภัณฑ์สินค้าจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์

ฤดูเก็บเกี่ยว

เมื่อต้นมะม่วงหิมพานต์มีอายุครบ 3 ปี ก็สามารถออกผลผลิตให้ได้เก็บเกี่ยวแล้ว โดยจะเริ่มออกเม็ดอ่อนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ และออกผลผลิตในช่วงเดือนมีนาคม ผลผลิตจะออกให้เก็บเกี่ยวปีละ 1 ครั้ง

การดูแลหลังเก็บผลผลิต

เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จจำเป็นต้องตัดแต่งกิ่ง ไม่ให้กิ่งโน้มลงมาถึงพื้น และตัดกิ่งที่ตายทิ้งออกให้หมด นอกจากนี้ ข้อควรระวังคือ ต้นมะม่วงหิมพานต์ มักจะมีพืชกาฝากมาเกาะเพื่อแย่งสารอาหาร จำเป็นต้องหมั่นสังเกตและตัดทิ้งให้หมด เพราะหากมีพืชชนิดอื่นมาแย่งสารอาหารมากไป ต้นมะม่วงหิมพานต์สามารถตายได้

เมื่อทำความสะอาดโคนต้น ลำต้น และกิ่ง เสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องใส่ปุ๋ยคอกอีกครั้งเพื่อเพิ่มสารอาหารในดิน ให้รากดูดซึมสารอาหารเหล่านี้ไปเลี้ยงต้น

ผลิตภัณฑ์สินค้าจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์
ผลิตภัณฑ์สินค้าจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์

ตลาด

ปัจจุบันนี้ทางสวนทำกันแบบธุรกิจครอบครัว เน้นควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐาน การขายส่วนใหญ่จึงเป็นตลาดหมู่บ้าน ตลาดจังหวัด ตลาดออนไลน์ และตลาดออร์แกนิก สินค้าของทางสวนมี เม็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบ 450 บาทต่อกิโลกรัม เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 500 บาทต่อกิโลกรัม ต้นกล้า 20 บาทต่อต้น (ขายปลีก)

“ต้นมะม่วงหิมพานต์เป็นไม้ทนแล้ง ปลูกง่าย ได้ผลิตนาน ฝากถึงเกษตรกรและผู้ที่สนใจ หากอยากลองปลูก ควรเริ่มจากการปลูกเป็นกิจกรรมเล็กๆ ภายในครอบครัว และลองศึกษาหาข้อมูลอย่างรอบด้าน หากมั่นใจแล้ว ถ้าผลผลิตออกมาได้ดี ผู้ปลูกอาจจะหาช่องทางการต่อยอดเพื่อสร้างรายได้จากต้นมะม่วงหิมพานต์ได้”

สำหรับท่านใดที่สนใจ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ดิบ อบแห้ง ต้นกล้า ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณอังคนา ก้อนเพรช ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ 080-162-5650 หรือ ติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางเฟซบุ๊ก : Samut Farm Organic