แกงคั่วปูใส่ใบชะพลู แกงพื้นบ้านไทย หากินยาก

สำหรับคนไทยแล้ว “ชะพลู” ถือเป็นพืชผักสวนครัวชนิดหนึ่งที่นำมาเป็นส่วนประกอบของอาหารโดยเฉพาะจำพวกแกงคั่ว หอยขม แกงคั่วปู แกงทั้งสองอย่างนี้ต้องใส่ใบชะพลูจึงจะเข้ากันดี ทั้งช่วยชูรส ชูกลิ่น ชวนกิน จนน้ำลายสอ นอกจากนี้ ยังมีเมี่ยงคำ อาหารกินเล่น และหมูย่าง หรือเนื้อย่างห่อใบชะพลู แม้จะเป็นอาหารไทยเชื้อสายเวียดนามแต่ก็เป็นที่นิยมกินกันทั่วไปสำหรับคนไทย

ใบชะพลู กลางอ่อน กลางแก่ พร้อมแกง

ชะพลู ชื่อภาษาอังกฤษ Betel ชื่อวิทยาศาสตร์ Piper sarmentosum Roxb อยู่ในวงศ์ Piperace.^ae ในประเทศไทยเรียกชื่อต่างๆ กันไป เช่น ช้าพลู ผักกู้นก (เหนือ) นมวา (ใต้) ผักแค, ผักปูลิง (อีสาน) ชะพลูเป็นไม้ที่มีอยู่ในพื้นที่ลุ่มที่มีความชื้น ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำ โดยเลือกกิ่งที่มีทั้งใบอ่อน ใบแก่ โดยการริดใบแก่ออก ติดใบอ่อนไว้และนำกิ่งไปปักชำในแปลงหรือกระถางก็ได้ ชะพลูปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศโดยที่ชอบอากาศชุ่มชื้นจะเจริญงอกงามได้ดี

เครื่องพริกแกง คั่วพร้อมโขลก ปลาย่าง ใบชะพลู พร้อมแกง

คุณค่าทางโภชนาการของใบชะพลูมีอย่างน่าสนใจ ใบชะพลู 100 กรัมให้พลังงานสูงถึง 101 กิโลแคลอรี ให้โปรตีน 5.4 กรัม และให้คาร์โบไฮเดรต 14.2 กรัม สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้วิเคราะห์ในจำนวนเดียวกันว่าให้แคลเซียมสูง 298 มิลลิกรัม วิตามินซี 22 มิลลิกรัม และให้เบต้าแคโรทีนสูงถึง 414.45 ไมโครกรัม

เนื้อปูแกะ ใบชะพลู พริกแกงคั่ว กะทิ พร้อมลงหม้อแกง

ที่น่าสนใจคือสารเบต้าแคโรทีนที่มีอยู่ในใบชะพลูจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้เมื่อมีไขมันเป็นตัวนำพาเข้าสู่ร่างกายและนี่คือภูมิปัญญาของคนไทยที่นำใบชะพลูมาใส่แกงคั่วปู แกงคั่วหอยขม ซึ่งในแกงคั่วนี้เองจะมีกะทิเป็นตัวนำพาวิตามินเอเข้าสู่ร่างกาย และนำใบชะพลูมากินร่วมกับเนื้อสัตว์ ทั้งในแกงคั่วปู แกงคั่วหอยขม และยังนำมาห่อหรือพันกับหมูหรือเนื้อ เพื่อนำมาย่าง เรียกเมนูนี้ว่า “หมูย่าง เนื้อย่าง ห่อใบชะพลู” ทั้งนี้ เนื่องจากในใบชะพลูมีสาร “ออกซาเลต” (oxalate) ซึ่งมีสารที่มีฤทธิ์ในการดูดซึมแคลเซียมและธาตุสำคัญหลายชนิดในกระแสเลือด หากกินมากเกินไปจะตกผลึกสะสมอยู่ในไตและกระเพาะปัสสาวะอาจทำให้เป็นนิ่วได้ ยกเว้นกินควบคู่กับเนื้อสัตว์จะทำให้สารออกซาเลตสลายไปได้

เนื้อกรรเชียงปู เนื้อก้ามปู พร้อมแกะเพื่อนำมาแกง

นอกจากนี้ ใบชะพลูยังเป็นพืชสมุนไพร มีสรรพคุณทางยา ช่วยขับลม บำรุงธาตุน้ำ แก้ธาตุพิการ จะเห็นว่าคนไทยนำใบชะพลูมาเป็นส่วนประกอบอาหารและใช้เป็นสรรพคุณทางยา มาช้านาน เป็นภูมิปัญญาของคนไทยที่มีมาแต่โบราณกาล

แกงคั่วปูใบชะพลู พร้อมเสิร์ฟ

แกงคั่วปูใส่ใบชะพลู เป็นแกงไทยพื้นบ้านนิยมทำกินกันในครัวเรือนในเขตภาคกลางและภาคใต้ ปัจจุบันร้านข้าวแกงทั่วไปหาแทบไม่มี เพราะปูมีราคาแพงมาก เคยเห็นที่ตลาด เสาร์-อาทิตย์ ในหมู่บ้านสัมมากร ขายใส่ถ้วยที่เป็นภาชนะพลาสติก ถ้วยละ 200 บาท กะปริมาณแล้ว ตักกินได้ราว 5-6 ช้อน แน่นอนว่าเนื้อปูแพงมาก แต่ถ้าครัวเรือนจะลองทำกินกันในครอบครัวก็ได้ ทำง่าย เพียงแต่ซื้อปูม้าสดมาผ่าเป็นชิ้นกรรเชียงปู แล้วมานึ่ง แกะเอาแต่เนื้อปู แล้วหาใบชะพลูมา 12-15 ใบมาหั่นซอย แล้วโขลกพริกแกง คั้นกะทิ เตรียมเครื่องแกงเสร็จ ก็ลงมือทำได้เลย เข้าครัวกันเลยเถอะ

เครื่องพริกแกง คั่วไฟ ก่อนลงครกโขลก

เครื่องพริกแกง

  1. พริกชี้ฟ้าแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 10 เมล็ด
  2. พริกขี้หนูแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 6 เมล็ด
  3. หอมแดงแกะเปลือก 5-6 หัว หรือราว 100 กรัม
  4. กระเทียมไทยแกะเปลือก 60 กรัม
  5. ตะไคร้หั่นซอย 3 ช้อนโต๊ะ
  6. ข่าหั่นซอยละเอียด 1.5 ช้อนโต๊ะ
  7. ผิวมะกรูดซอยละเอียด 1 ช้อนชา
  8. ถ้าแกงแบบภาคกลาง ใส่กระชายหั่นซอยละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ ถ้าเป็นแกงใต้ใส่ขมิ้นหั่นซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  9. กะปิอย่างดี 1.5 ช้อนโต๊ะ
  10. รากผักชีหั่นซอย 1 ช้อนโต๊ะ
  11. พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ
เคี่ยวพริกแกงกับกะทิจนเป็นเนื้อเดียวกัน

วัตถุดิบที่เป็นเครื่องปรุง

  1. ใบชะพลูกลางอ่อนกลางแก่หั่นซอย 15 ใบ
  2. เนื้อปูม้าสด หั่นตัดแบบกรรเชียงปู แกะเอาแต่เนื้อ ให้มากที่สุด ค่อยๆ แกะจะได้เนื้อปูเป็นก้อน 350 กรัม
  3. กะทิคั้นสด หรือกะทิกล่องก็ได้ 500 ซีซี
  4. น้ำปลาดี 2-3 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ
ใส่เนื้อปูที่แกะไว้แล้ว หลังปรุงรส

ปรุงพริกแกง

นำเครื่องพริกแกงทั้งพริกชี้ฟ้าแห้ง พริกขี้หนูแห้ง หอมแดง กระเทียม กระชายหรือขมิ้น ผิวมะกรูด รากผักชี ลงกระทะคั่วไฟอ่อนๆ พอแตกกลิ่นหอม จากนั้นนำลงครกใส่เกลือป่น 2 ช้อนชา โขลกไปเรื่อยๆ จนพริกแกงละเอียด จากนั้นใส่พริกไทย โขลกต่ออีกหน่อย แล้วจึงใส่กะปิ โขลกต่อไปอีกจนเนื้อน้ำพริกเข้ากันจนเกาะเป็นก้อน ได้พริกแกงคั่วมีกลิ่นหอมพร้อมแกง

ใส่ใบชะพลู หลังจากใส่เนื้อปู

วิธีทำ

  1. ตั้งไฟ ใส่หัวกะทิประมาณ 200 ซีซี ใช้ไฟปานกลาง พอกะทิเดือด ใส่พริกแกงที่โขลกไว้แล้วลงไป
  2. ละลายพริกแกงกับกะทิให้เข้ากัน ใส่น้ำได้นิดหน่อย เคี่ยวต่อไปอีกหน่อย จนพริกแกงกับกะทิเป็นเนื้อเดียวกัน
  3. เติมกะทิที่เหลือใช้ไฟปานกลาง คนให้เข้ากันใส่น้ำได้อีกหน่อย จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ชิมรสดูให้ออกมาเค็มบางๆ รสหวานตามห่างๆ เล็กน้อย เมื่อได้รสชาติที่พอใจแล้ว จึงใส่เนื้อปูนึ่งที่แกะแล้วลงไป ค่อยๆ คนเบาๆ เพราะเนื้อปูจะเละไม่เป็นก้อน จากนั้นใส่ใบชะพลูที่หั่นซอยไว้แล้ว คนเบาๆ ให้เนื้อปูเข้ากันกับใบชะพลูและน้ำแกง ได้แกงคั่วปูใบชะพลู พร้อมเสิร์ฟ แกงคั่ว (นี้ กินร่วมกันกับไข่เจียวร้อนๆ เข้ากันดีมาก ถ้าเป็นแกงแบบแนวภาคใต้จะกินเป็นกับข้าวทั่วไปก็ได้ หรือกินกับเส้นหมี่ขาวลวกแล้วม้วนเป็นก้อนกลมขนาดพอคำ แล้วราดแกงกับเนื้อปูลงไป ก็เข้ากันดีกินแล้วสนุกปาก ลองทำกินกันนะครับ ยืนยันว่าแกงนี้หากินยากมาก เว้นแต่จะทำกินกันเอง