“รมช.มนัญญา” ยันนมโรงเรียน 1.4 หมื่นล้าน ผลประโยชน์ต้องถึงมือเกษตรกรตัวจริง

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือแก้ไขปัญหานมโรงเรียน พร้อมด้วย นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพจน์พิรัชต์ เนียมจุ้ย คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) โดยมี นายสุรักษ์ นามตะ ประธานชุมนุมสหกรณ์นมไทย-เดนมาร์ค จำกัด นายสมาน เหล็งหวาน ประธานสหกรณ์นมไทย-เดนมาร์ค ปากช่อง จำกัด นายสังวาลย์ โพธิ์มี ประธานชุมนุมสหกรณ์โคนมภาคใต้และภาคตะวันตก นายนนทะชัย โนนพุดซา ผู้จัดการชุมนุมสหกรณ์โคนมภาคใต้และภาคตะวันตก และตัวแทนเกษตรกร เข้าร่วม ณ ห้อง 135 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทยได้ดื่มนมมากขึ้น เพื่อเป็นการเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันเข้มแข็ง ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง อีกทั้งช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมให้สามารถจำหน่ายน้ำนมดิบเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม จากที่มีกระแสข่าวว่าโครงการนมโรงเรียน เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการบางรายเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากโครงการนี้ ในเรื่องนี้ได้พยายามตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามข้อมูลที่มีกระแสข่าวหรือไม ซึ่งหากพบว่ามีการกอบโกยผลประโยชน์จากผู้ประกอบการรายใหญ่จริงและไม่ได้มีการซื้อนมจากภาคเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมตัวจริงก็พร้อมที่จะเสนอให้มีการทบทวนเงื่อนไขโครงการนมโรงเรียน เพื่อให้ผลประโยชน์ตกกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมตัวจริง ซึ่งกรณีนี้ขอให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทำรายละเอียด ปัญหาความเดือดร้อนเสนอต่อกระทรวงเกษตรฯ ตามลำดับขั้นตอน ผ่านกรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นอนุกรรมการจัดสรรโควตานมโรงเรียน เพื่อเสนอต่อกระทรวงเกษตรฯ และคณะกรรมการบริหารนมโรงเรียนเพื่อพิจารณา ซึ่งตนพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของสหกรณ์โคนม

“ในเงื่อนไขการจัดสรรโควตานมโรงเรียน ได้มีการกำหนดเงื่อนไขรับซื้อนมโรงเรียนจากผู้ประกอบการโรงนมขนาดเล็ก (5 ตัน) ว่าโรงนมที่ซื้อจากเกษตรกรจริงหรือไม่ หรือบางรายมาจากการสนับสนุนของผู้ประกอบการรายใหญ่ และไม่ได้มีการซื้อนมจริง ซึ่งทั้งหมดอยากให้ช่วยกันตรวจสอบเพราะในเรื่องนมโรงเรียนที่เกิดขึ้นนั้น รัฐบาลมุ่งหวังให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมที่มีคุณภาพ ไม่อยากให้มีใครมาเอาเปรียบเด็ก ตนพูดในฐานะคนเป็นแม่ที่เชื่อมั่นว่านมโรงเรียนต้องดีที่สุด แต่ขณะนี้เหมือนมีใครมาเอาเปรียบเด็ก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น เรื่องที่สังคมต้องช่วยกัน และนายกรัฐมนตรีเองต้องการให้โครงการอาหารเสริมนมโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพเด็กนักเรียน ขณะเดียวกันเพื่อให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมตัวจริงได้รับผลประโยชน์จากงบประมาณนมโรงเรียน 1.4 หมื่นล้านบาทด้วย” รมช.มนัญญา กล่าว

ทั้งนี้ ในที่ประชุม รมช.เกษตรฯ ได้ให้ความเชื่อมั่นต่อสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมว่า รัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือและไม่ทอดทิ้ง แต่ขอให้มีการนำเสนอข้อมูลมาตามขั้นตอนและควรมีการดำเนินการให้ทันก่อนที่จะถึงปีการศึกษา 1/2565 และเห็นว่าควรต้องมีการทบทวนบทบาทของอ.ส.ค.ที่ควรต้องเข้ามามีบทบาทในโครงการนี้เพิ่มมากขึ้น เพราะหาก อ.ส.ค.ไม่ช่วยรับซื้อนมก็จะมีปัญหาการเทนมทิ้งเหมือนในอดีต ในช่วงโควิดที่ผ่านมาภาคเอกชนบางรายไม่รับซื้อนมจากเกษตรกร แต่ อ.ส.ค.ก็ยังทำหน้าที่รับซื้อนมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของสหกรณ์และเกษตรกร

นายสุรักษ์ นามตะ ประธานชุมนุมสหกรณ์นมไทย-เดนมาร์ค จำกัด กล่าวว่า จะไปรวบรวมความเห็นของสมาชิกผู้เลี้ยงโคนมนำเสนอต่อกรมปศุสัตว์เพื่อพิจารณาความเดือดร้อนครั้งนี้ ซึ่งปัจจุบัน อ.ส.ค. ดูแลสมาชิกโคนม 4,500 ราย ปริมาณนม 600-700 ตัน ต่อวัน หากว่าบทบาทของ อ.ส.ค.ในเรื่องนมโรงเรียนน้อยลง จะส่งผลกระทบต่อการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรเช่นกัน ยอมรับว่ากรณีโรงนมย่อยขนาดเล็กที่ปัจจุบันมีการขยายตัวตั้งเพิ่มขึ้น ภายใต้การสนับสนุนของรายใหญ่ ทำให้กระทบต่อสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมมาก การที่ รมช.มนัญญา ออกมาพูดเรื่องการรื้อระบบนมโรงเรียน จึงเป็นความหวังของสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมทั้งหมด

ทั้งนี้ ตนจะกลับไปทำความเห็นภายในต้นมกราคม 2565 เพื่อให้ทันกับช่วงเวลายื่นสิทธิ์นมโรงเรียน 1/2565 ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนก.พ. – มี.ค. 65 เพราะไม่อยากให้เกิดภาพการนำนมโรงเรียนมาเททิ้งกลางถนนเหมือนในอดีตที่ผ่านมา