ที่มา | เทคโนโลยีเกษตร |
---|---|
ผู้เขียน | บุณยานุช หาดสุด |
เผยแพร่ |
รู้หรือไม่ ข้าวโพดที่เราซื้อรับประทานตามท้องตลาด ไม่ว่าจะต้ม ปิ้งย่าง ข้าวโพดอบเนย ข้าวโพดทรงเครื่อง จะข้าวโพดเหนียวหรือข้าวโพดหวาน นั่นมันธรรมดาไปซะแล้ว เมื่อคุณได้รู้จักกับข้าวโพดราชินีทับทับทิมสยาม (Siam Ruby Queen) ข้าวโพดหวานที่สามารถรับประทานสดๆ ได้ โดยไม่ต้องนำไปต้ม แถมคุณประโยชน์ที่บอกได้เลยว่า นอกจากชื่อจะไพเราะแล้ว คุณค่าทางสารอาหารก็มีมากเช่นกัน
ข้าวโพดราชินีทับทิมสยาม เป็นสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาโดย ดร. ทวีศักดิ์ ภู่หลำ อดีตอาจารย์คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ลักษณะเด่นของสายพันธุ์นี้คือ สามารถรับประทานสดได้ รสชาติหวานเหมือนทานผลไม้สุก มีกลิ่นหอมเฉพาะที่ไม่เหมือนกับข้าวโพดทั่วไป สีของผิวเมล็ดจะออกสีแดงสดเหมือนทับทิม ไหมข้าวโพดและซังข้าวโพดสีแดงทับทิมเช่นกัน
ส่วนเนื้อของเมล็ดสีจะออกเหลืองนวลเหมือนข้าวโพดหวานทั่วไป ลำต้นของข้าวโพดจะมีสีม่วงออกแดง ประมาณ 30% หลายคนเข้าใจผิดว่า ข้าวโพดราชินีทับทิมสยาม กับข้าวโพดเหนียวสีแดงเป็นชนิดเดียวกัน ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นคนละชนิด ต่างกันตรงที่ข้าวโพดราชินีทับทิมสยามทานสดได้ และมีความหวานมากกว่า
จากงานวิจัยพบว่า ข้าวโพดราชินีทับทิมสยามมีปริมาณสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) สูง ซึ่งสารตัวนี้มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระและช่วยชะลอวัย พบทั้งในเมล็ด ซัง และไหมข้าวโพด โดยเป็นสารชนิดเดียวกับที่พบในดอกอัญชัน องุ่นแดง ถั่วแดง ลูกพรุน เชอร์รี่ หอมแดง ข้าวนิล ฯลฯ ซึ่งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันมะเร็งได้หลายชนิด เช่น มะเร็งลำไส้และตับ มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งของระบบสืบพันธุ์
สำนักงานเกษตรอำเภอกันตัง ได้เข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกร กลุ่มส่งเสริมอาชีพการเกษตรบ้านต้นกอ ทดลองปลูกข้าวโพดราชินีทับทิมสยาม เมื่อช่วงกลางปี 2563 โดยมีนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรเข้าไปแนะนำให้ความรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์ วิธีการปลูก การดูแลรักษา การป้องกันโรคและแมลง โดยการใช้กระบวนการ IPM เช่น การทำเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าป้องกันเชื้อราที่อยู่ในดิน การทำน้ำหมักสมุนไพรป้องกันหนอนเจาะลำต้น การปล่อยมวนพิฆาตซึ่งเป็นแมลงศัตรูธรรมชาติ ช่วยกำจัดหนอนในแปลงข้าวโพด
คุณจิรา อิทธิปัญญากุล ประธานกลุ่มส่งเสริมฯ เล่าให้ฟังว่า ก่อนนี้ ตนและชาวบ้านละแวกใกล้เคียงมีอาชีพกรีดยางพาราเป็นหลัก และมีการปลูกผักสวนครัวไว้เพื่อบริโภคในครัวเรือน และบางคนใช้พื้นที่ว่างในสวนยางพาราที่เพิ่งปลูกใหม่เพื่อปลูกข้าวโพด จะเป็นข้าวโพดหวานทั่วไป และข้าวโพดข้าวเหนียว ราคา 20-30 บาท ต่อกิโลกรัม
หลังจากมีเกษตรตำบลเข้ามาส่งเสริมให้ปลูกข้าวโพดสีแดงสายพันธุ์นี้ ตอนนั้นก็ยังไม่เคยรู้จัก จึงได้ปรึกษากับสมาชิกและทดลองปลูกครั้งแรก 300 ต้น ในที่ว่างสวนยางพาราปลูกใหม่ ผ่านไป 60 กว่าวัน ก็เก็บผลผลิตมาให้สมาชิกกลุ่มได้ลองชิม ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รสชาติหวาน อร่อย ไม่เคยทานที่ไหนมาก่อน จึงตัดสินใจหันมาปลูกข้าวโพดพันธุ์นี้มากขึ้น
คุณสรวง พรหมบุญทอง เกษตรอำเภอกันตัง กล่าวว่า “ข้าวโพดราชินีทับทิมสยาม ที่สำนักงานเกษตรอำเภอกันตังได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกนั่น ได้รับการตอบรับดีมาก ลูกค้าให้ความสนใจสั่งซื้อทั้งจากหน้าสวนและทางออนไลน์ กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนรักสุขภาพ และบางส่วน คือ สนใจอยากลองทานข้าวโพดพันธุ์สายใหม่ที่สามารถทานสดได้ ด้วยเห็นว่ามีคุณค่าทางสารอาหารสูงและรสชาติที่หวานกว่าข้าวโพดทั่วไป สำหรับแผนการปลูกนั่นได้มอบหมายให้เกษตรตำบลเข้าไปดูแล เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพและได้ผลผลิตมาจำหน่ายสม่ำเสมอ ราคาขายปัจจุบันกิโลกรัมละ 80 บาท ราคาจะสูงกว่าข้าวโพดทั่วไป 40-50 บาท ด้วยต้นทุนที่สูงกว่าและการดูแลค่อนข้างมากกว่าข้าวโพดพันธุ์อื่น”
วิธีการปลูกข้าวโพดราชินีทับทิมสยาม เหมือนกับการปลูกข้าวโพดทั่วไป อายุเก็บเกี่ยว 60-65 วัน หลังหยอดเมล็ด แต่การเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ให้รสชาติดีที่สุด จะเก็บในช่วง 20 วัน หลังออกไหม จะได้ข้าวโพดที่รสชาติหวาน อร่อย การรับประทาน นอกจากจากจะทานสดแล้ว ยังสามารถนึ่งได้โดยใช้เวลานึ่งไม่เกิน 10 นาที หรือการย่างด้วยไฟอ่อนๆ สำหรับการต้ม ไม่ค่อยแนะนำ เพราะสารอาหารที่มีประโยชน์จะเจือจางไปกับน้ำ หรืออีกวิธีที่นิยมในหน้าร้อน คือการแช่แข็งทานแบบไอศกรีมก็อร่อยไปอีกแบบ ทั้งอร่อยและมีประโยชน์แบบนี้ อย่าลืมไปหาทานกันเยอะๆ นะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีและไม่แก่ก่อนวัยจ้า
สำหรับท่านที่สนใจผลผลิตข้าวโพดราชินีทับทิมสยาม สามารถติดต่อได้ที่ กลุ่มส่งเสริมอาชีพการเกษตรบ้านต้นกอ หมู่ที่ 5 ตำบลบางเป้า อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง โทร. 081-526-6476 หรือสำนักงานเกษตรอำเภอกันตัง โทร. 075-251-742