ข้าวเหนียวหอมแดงแสงแรก ผลิตแบบอินทรีย์ ช่วยลดน้ำตาลให้ผู้ป่วยเบาหวาน

นับเป็นข่าวดีของชาวอีสานและผู้ที่ชอบกินข้าวเหนียว เมื่อศูนย์วิจัยข้าวจังหวัดอุบลราชธานี พบพันธุ์ข้าวพื้นเมืองของจังหวัดอุบลราชธานี เป็นข้าวพันธุ์เหนียวหอมแดงแสงแรก มีคุณค่าทางอาหารสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในข้าวถึง 20 ชนิด พร้อมขจัดอนุมูลอิสระออกจากร่างกาย ช่วยลดอัตราความเสี่ยงของโรคหลอดเลือด โรคหัวใจ โรคความจำเสื่อม ไขข้ออักเสบ และพบเกษตรกรที่ปลูกข้าวชนิดนี้กินภายในครอบครัว ไม่ป่วยเป็นโรคเบาหวานและความดัน รวมทั้งยังมีความพิเศษของกลิ่นข้าวที่หอมเหมือนกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ และมีราคารับซื้อสูงกว่าข้าวเหนียวขาวทั่วไป

ที่แปลงเพาะปลูกข้าวของเกษตรกรชาวนาบ้านยางน้อย ตำบลก่อแอ้ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังศูนย์ศิลปาชีพบ้านยางน้อย กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าวเหนียวพันธุ์หอมแดงแสงแรก รวมตัวแข่งขันเกี่ยวข้าว พร้อมจัดประกวดพันธุ์ข้าวเหนียวหอมแดงแสงแรก โดยมีกองเชียร์คอยให้กำลังใจ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีมีการอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมืองนี้ พร้อมทั้งขยายพันธุ์เพิ่มพื้นที่เพาะปลูกข้าวเหนียวหอมแดงแสงแรกให้กว้างขวางมากขึ้น จากเดิมที่มีผู้ปลูกอยู่กว่า 20 ราย

เนื่องจากเป็นพันธุ์ข้าวที่เกิดประโยชน์ต่อผู้กินข้าวเหนียวพันธุ์ดังกล่าว เพราะช่วยลดการเกิดโรค ดังคำกล่าวที่ว่า กินข้าวแทนยา อย่ากินยาแทนข้าว ส่วนความพิเศษของพันธุ์ข้าวเหนียวหอมแดงแสงแรกมีความพิเศษแตกต่างจากข้าวเหนียวขาวพันธุ์อื่นๆ ทั่วไปอย่างไร

ดร. พันณ์ชิตา เวชสาร นักวิชาการเกษตรชำนาญการ ศูนย์วิจัยข้าวจังหวัดอุบลราชธานี ให้รายละเอียดไว้ว่า จากผลการวิจัยเกษตรกรที่ปลูกข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมืองเป็นข้าวเหนียวหอมแดงแสงแรกไว้กินภายในครอบครัวเป็นประจำพบว่า คนในครอบครัวมีสุขภาพดี ไม่เป็นโรคเบาหวานและโรคความดัน

ศูนย์วิจัยข้าวฯ จึงได้นำพันธุ์ข้าวเหนียวหอมแดงแสงแรกมาวิจัยยังพบ มีคุณค่าทางสารอาหารหลายชนิดที่อยู่ในพันธุ์ข้าวนี้มากกว่าข้าวสายพันธุ์อื่น โดยเฉพาะเมื่อหุงเป็นข้าวสุก ข้าวเหนียวหอมแดงแสงแรกมีการเพิ่มของดัชนีน้ำตาลกลูโคสต่ำกว่าพันธุ์ข้าวเหนียวขาวทั่วไป วัดได้ประมาณ 10.60 กรัม ต่อข้าว 100 กรัม

ดีใจขายได้ราคา

และหลังจากที่กินเข้าไป 120 นาที หรือราว 2 ชั่วโมง ปริมาณค่าน้ำตาลกลูโคสจะลดลงเหลือเพียง 8.59 กรัม ต่อข้าว 100 กรัม จึงส่งผลให้ข้าวเหนียวหอมแดงแสงแรกมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าข้าวเหนียวทุกสายพันธุ์ ทำให้ผู้บริโภคสามารถจะกินได้ทุกวัน รวมทั้งเหมาะกับการสนับสนุนให้ทุกครัวเรือนหุงกิน เพื่อลดความเสี่ยงการป่วยเป็นเบาหวานหรือน้ำตาลในเลือดสูงในอนาคตได้

ข้าวนึ่งแล้ว

นอกจากนี้ ข้าวเหนียวหอมแดงแสงแรก ยังมีสรรพคุณอื่นๆ อาทิ สารอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในข้าวถึง 20 ชนิด ได้แก่ สารทองแดง ธาตุเหล็ก เบต้าโคโรทีน วิตามินอี ลูทีน เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นสารแอนติออกซิแดนต์ ใช้ขจัดอนุมูลอิสระออกจากร่างกาย ช่วยลดอัตราการเกิดของโรคมะเร็ง ลดอัตราความเสี่ยงของโรคหลอดเลือด โรคหัวใจ โรคความจำเสื่อม ไขข้ออักเสบ พร้อมช่วยชะลอไม่ให้แก่ก่อนวัยอันควร จึงเหมาะกับการสนับสนุนให้มีการปลูกไว้บริโภคและขาย

ด้าน คุณพยอม ตระการจันทร์ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเหนียวหอมแดงแสงแรก เล่าว่า เดิมครอบครัวได้ปลูกข้าวพื้นเมืองสายพันธุ์นี้ไว้บริโภคภายในครอบครัว การปลูกจะไม่ใช้สารเคมี ทำให้สุขภาพของคนในครอบครัวไม่มีอาการป่วยเป็นโรคที่เกิดจากการกินข้าวเหนียวเหมือนครอบครัวอื่นๆ

โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ที่เกิดจากน้ำตาลในข้าวเหนียวที่มีอยู่สูง หรือโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งตามมาหลังป่วยเป็นโรคเบาหวานแล้ว สำหรับคนในครอบครัวของตนไม่มีใครป่วยเป็นโรคเหล่านี้เลย

น่ากิน

และเมื่อมีผู้มารับซื้อข้าวเปลือกเหนียวหอมแดงแสงแรก พร้อมให้การรับประกันราคาข้าวเหนียวสายพันธุ์นี้ในราคาที่สูงกว่าข้าวเหนียวขาวทั่วไป โดยปีก่อนรับซื้อกิโลกรัมข้าวเปลือกละ 16-17 บาท แต่ปีนี้ให้ราคาถึงกิโลกรัมละ 19 บาท ซึ่งสูงกว่าข้าวเหนียวขาว…ในฤดูการผลิตปีหน้าตนจะขยายพื้นที่การปลูกเพิ่มขึ้นอีก

เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับราคาข้าวเหนียวทั่วไปจะมีราคาสูงกว่ากันมาก แม้ข้าวเหนียวหอมแดงแสงแรกเป็นพันธุ์ที่ปลูกได้เฉพาะพื้นที่นาลุ่ม และให้ผลผลิตต่อไร่น้อยกว่าข้าวขาวทั่วไป แต่ก็ยังถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนปลูก

ด้าน คุณหญิงพรรณทอง มณีศิลป์ เจ้าของบริษัท ข้าวแม่ จำกัด ผู้สนับสนุนการปลูกข้าวเหนียวสายพันธุ์หอมแดงแสงแรก ที่ให้การประกันราคารับซื้อข้าวเปลือกที่เกษตรกรปลูก จนเหลือไว้กินในครัวเรือนแล้วทั้งหมด กล่าวว่า เพราะเล็งเห็นสรรพคุณอันโดดเด่นในข้าวเหนียวหอมแดงแสงแรก พร้อมสนับสนุนให้มีการเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวพันธุ์นี้เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและสร้างสุขภาพของเกษตรกรให้แข็งแรง

รวงข้าว
พันธุ์ข้าว

เพราะข้าวเหนียวหอมแดงแสงแรกมีจุดเด่นดังกล่าว จึงให้ราคารับซื้อแพงกว่าข้าวชนิดอื่น เฉลี่ยกิโลกรัมข้าวเปลือกละ 19 บาท ตามการเปลี่ยนแปลงของราคาข้าวในแต่ละปี โดยข้าวเปลือกที่บริษัทรับซื้อไปทั้งหมดจะถูกนำไปแปรรูปเป็นข้าวสารบรรจุถุงวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ซึ่งขณะนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงจากคุณสมบัติเป็นยาและข้าวมีกลิ่นหอมเหมือนดอกลาเวนเดอร์

ผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยข้าวอุบลราชธานี หมายเลขโทรศัพท์ 045-344-090-2