สวนคุณลีกับการปลูกมะเดื่อฝรั่งในประเทศไทย

สวนคุณลี อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ปลูกมะเดื่อฝรั่ง หรือต้นฟิกส์ (FIGS) มานานกว่า 15 ปี ได้รวบรวมและศึกษาสายพันธุ์มะเดื่อฝรั่ง มาเกือบ 20 สายพันธุ์ และได้คัดเลือกพันธุ์ที่ให้ผลผลิตเร็ว ดก ผลใหญ่ และมีรสชาติหวาน ทนต่อสภาพแวดล้อมในบ้านเราได้ดี คืออากาศร้อน ซึ่งสายพันธุ์หลักที่ปลูกมากในเชิงการค้าเพื่อผลิตผลมะเดื่อสดจำหน่าย คือ พันธุ์ญี่ปุ่น พันธุ์บราวน์ตุรกี พันธุ์ออสเตรเลีย พันธุ์โคนาเดีย เป็นสายพันธุ์หลักของสวน

เนื่องจากเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อน สามารถให้ผลผลิตตลอดทั้งปี ซึ่งแต่ละสายพันธุ์มีรสชาติอร่อยเฉพาะตัวทั้งสิ้น และได้ขยายพื้นที่ปลูกในเชิงพาณิชย์ ให้ผลผลิตจำหน่ายได้กิโลกรัมละ 150-300 บาท รวมทั้งสามารถนำมาอบแห้งได้มะเดื่อฝรั่งอบแห้งที่มีคุณภาพดีไม่แพ้ต่างประเทศ

.มะเดื่อฝรั่ง ผลไม้เพื่อสุขภาพ 1 ใน 10 ของโลก ปลูกที่สวนคุณลี มีผลผลิตจำหน่ายเกือบทั้งปี
ต้นมะเดื่อฝรั่ง ปลูกที่สวนคุณลี อายุ 10 กว่าปี

เมื่อได้ศึกษาจากการปลูกมะเดื่อฝรั่งอย่างจริงจังมาเกือบ 15 ปี พบว่า เป็นไม้ผลอีกชนิดหนึ่งที่น่าปลูก เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ให้ผลผลิตเร็ว หลังปลูกเพียง 6 เดือนขึ้นไป ก็สามารถติดผลให้ผลผลิตได้แล้ว สามารถให้ผลผลิตได้ทั้งปี ปลูกได้ทั้งแบบสภาพสวน (แต่จะไม่สามารถควบคุมคุณภาพผลผลิตได้ในช่วงหน้าฝน เช่น ปัญหาโรคเชื้อราทำให้ผลมะเดื่อฝรั่งเน่า รสชาติไม่หวานมากนัก เป็นต้น ซึ่งที่สวนคุณลี จะพักต้นมะเดื่อ ขยายพันธุ์ และตัดแต่งกิ่งในช่วงฤดูฝนแทน) และในโรงเรือน (ผลิตผลออกสู่ตลาดในหน้าฝนได้ดี เนื่องจากมีหลังคากันฝน ควบคุมปัจจัยการผลิตได้ เช่น การให้น้ำ ให้ปุ๋ย ป้องกันนกที่จะมาจิกผลได้โดยที่ไม่ต้องห่อผล เป็นต้น) โดยสรุปถึงความน่าปลูกของมะเดื่อฝรั่ง ดังต่อไปนี้

ปลูกมะเดื่อฝรั่งในวงบ่อซีเมนต์
ผลสดมะเดื่อฝรั่ง จำหน่าย กิโลกรัมละ 150-300 บาท
  1. เป็นไม้ผลที่ให้ผลผลิตเร็ว โดยปกติแล้วกิ่งพันธุ์มะเดื่อฝรั่งที่มีการซื้อ-ขาย กันในปัจจุบัน จะเป็นกิ่งประเภทกิ่งตอน กิ่งเสียบยอด ปักชำ เป็นต้น เมื่อนำต้นมะเดื่อฝรั่งมาปลูกลงแปลงหรือปลูกในกระถางขนาดใหญ่ วงบ่อซีเมนต์ มะเดื่อฝรั่งสามารถให้ผลผลิตเมื่อต้นมีอายุได้เพียง 3-6 เดือน หลังจากปลูกลงดินหรือในภาชนะปลูก
  2. ไม่พบปัญหาเรื่องไม่ออกดอกและติดผล สายพันธุ์มะเดื่อฝรั่งเกือบทั้งหมดที่มีการนำมาปลูกในบ้านเราขณะนี้ แทบจะไม่พบปัญหาเรื่องของการไม่ออกดอกและติดผล (แต่ก็มีบางสายพันธุ์ที่ติดผลอ่อนแล้วร่วงไป) กล่าวคือ เมื่อนำมาปลูกแล้วมั่นใจได้ว่าให้ผลผลิตได้แน่นอน เพียงแต่คัดเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมเท่านั้น
ผลมะเดื่อฝรั่งที่จัดใสจาน พร้อมรับประทาน รสชาติหวานรับประทานอร่อย และที่สำคัญอุดมไปด้วยประโยชน์

3.จัดเป็นผลไม้แปลกและหายาก คนที่ไม่เคยรับประทานมะเดื่อฝรั่งทุกคน มักจะคิดไปว่า เป็นผลไม้ไม่อร่อย เนื่องจากยังติดกับภาพมะเดื่อพื้นบ้านหรือมะเดื่อป่าของไทยที่ผลมีแต่ยาง เนื้อบางและบางครั้งยังพบหนอน แมลงหวี่อยู่ในผล ซึ่งความจริงแล้วมะเดื่อฝรั่งจัดเป็นไม้ผลที่รู้จักกันมานานแล้ว แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักเท่านั้นเอง กรณีของมะเดื่อพันธุ์ญี่ปุ่นที่ทางสวนคุณลีนำสายพันธุ์จากประเทศญี่ปุ่นมาปลูกในแปลงที่จังหวัดพิจิตร ผลผลิตมีรสชาติหวานรับประทานอร่อยมาก เนื้อเยอะ ผลใหญ่ กล้ายืนยันได้ว่าอร่อยกว่ามะเดื่อสดที่วางขายในหลายประเทศ โดยเฉพาะเรื่องของรสชาติหวาน มะเดื่อที่ปลูกในบ้านเราจะมีรสชาติหวานมาก

4.เป็นผลไม้ที่บริโภคเป็นอาหารและยา มีข้อมูลที่เป็นวิชาการและยอมรับกันทั่วโลกว่า มะเดื่อฝรั่ง มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก โดยเฉพาะปริมาณของธาตุแคลเซียม ไม่มีธาตุโซเดียมที่เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนั้น ในผลไม้ชนิดนี้ไม่มีคอเลสเตอรอล ในบางตำราถึงกลับบอกว่าถ้ามีการบริโภคมะเดื่อฝรั่งเป็นประจำ จะช่วยในการป้องกันโรคนิ่วในไต ป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบและยังช่วยฟอกตับและม้าม ช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายที่ดี หลายคนทราบดีว่า ปัจจุบันคนไทยหันมารักสุขภาพกันมากขึ้น ตลาดผลไม้สุขภาพจึงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในต่างประเทศมะเดื่อฝรั่งมักจะเป็นผลไม้ที่ปลูกไว้ตามบ้านเพื่อคนในบ้านหรือผู้สูงอายุสามารถเก็บรับประทานได้เกือบทุกวัน

ในช่วงหน้าฝนของทุกปี สวนคุณลี จะตัดแต่งกิ่งมะเดื่อฝรั่ง
มะเดื่อฝรั่ง จะมีขนาดผลใหญ่ รสชาติหวานดีที่สุดในช่วงที่อากาศร้อน

5.มะเดื่อฝรั่งนำมาปลูกในระบบปลอดสารพิษได้ ถึงแม้จะมีข้อมูลในต่างประเทศว่า มะเดื่อฝรั่ง มีศัตรูระบาดทำลายอยู่หลายชนิด แต่ยังจัดได้ว่าน้อยกว่าผลไม้เศรษฐกิจหลายชนิดที่จะต้องมีการฉีดพ่นสารปราบศัตรูพืชเป็นประจำ จากประสบการณ์ของผู้เขียน ที่ได้ศึกษาและปฏิบัติจริงกับการปลูกมะเดื่อฝรั่งมานานเกือบ 15 ปี ช่วงปลูกเริ่มแรกด้วยความไม่รู้และความกลัวมีการจัดตารางฉีดพ่นสารปราบศัตรูพืชเป็นประจำ ทั้งสารฆ่าแมลงและยาเชื้อรา สุดท้ายก็เลิกฉีดพ่นทั้งหมด เนื่องจากพบว่า ศัตรูที่สำคัญมีเพียงนก และด้วงเจาะลำต้นเท่านั้น ซึ่งหาวิธีการป้องกันได้ไม่ยาก สำหรับปัญหาเรื่องแมลงวันทองและนกจะใช้วิธีการห่อผลในช่วงที่ผลมะเดื่อฝรั่งเริ่มเข้าสีหรือผลเปลี่ยนสี

6.มะเดื่อฝรั่งราคาจำหน่ายผลค่อนข้างดี ซึ่งดังที่กล่าวมาแล้วว่า สวนคุณลี ตอนนี้จำหน่ายผลสดมะเดื่อฝรั่งออกจากสวนได้ กิโลกรัมละ 150-300 บาท เลยทีเดียว ถ้าเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นๆ ที่มีการดูแลรักษาที่มากกว่า มีเทคนิคในการผลิตที่ยากกว่า มีการใช้สารป้องกันกำจัดแมลงที่มากกว่า ทำให้มองเห็นศักยภาพของผลไม้อย่างมะเดื่อมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก แล้วยังมีคนไทยอีกมากที่ยังไม่เคยได้รับประทานหรือได้ชิมมะเดื่อฝรั่ง

มะเดื่อฝรั่ง ที่ความแก่ 80% พร้อมเก็บจำหน่าย
ห่อผลมะเดื่อฝรั่ง เลือกห่อผลที่เปลี่ยนสีก่อน

7.มะเดื่อฝรั่งให้ผลผลิตต่อต้นที่ค่อนข้างสูง โดยมะเดื่อฝรั่งมีการติดผลค่อนข้างดก ติดผลทุกข้อใบ แต่ถามว่าให้ผลผลิตต่อไร่เท่าไรนั้น คงจะตอบยากพอสมควร นั้นต้องขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย เช่น ระยะปลูก จำนวนต้นต่อไร่ อายุต้น ขนาดของทรงพุ่ม ซึ่งมะเดื่อฝรั่งไม่มีระบบการปลูกหรือการจัดการทรงพุ่มที่ตายตัว สามารถปรับเปลี่ยนประยุกต์ให้เข้ากับสวนของผู้ปลูกว่าต้องการแบบไหน แต่ถ้าให้ยกตัวอย่าง สักข้อหนึ่งว่าจะประเมินผลผลิตมะเดื่อฝรั่งต่อต้นได้อย่างไร ก็จะตอบแบบคร่าวๆ ว่า มะเดื่อฝรั่งหนึ่งยอดนั่นสามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 1-3 กิโลกรัม (ยกตัวอย่าง มะเดื่อพันธุ์ญี่ปุ่น พันธุ์บราวน์ตุรกี พันธุ์ออสเตรเลีย พันธุ์โคนาเดีย เฉลี่ยขนาดผลและน้ำหนัก 8-15 ผล ต่อกิโลกรัม)

โดยตลอดฤดูกาลผลิตผลมะเดื่อนั้น ยอดมะเดื่อ 1 ยอด สามารถให้ผลได้อย่างน้อย ประมาณ 30-50 ผล เลยทีเดียว แต่ในเรื่องของน้ำหนักก็ต้องขึ้นกับสายพันธุ์มะเดื่อว่าให้ผลที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่ประกอบด้วย ดังนั้น การจัดการทรงพุ่มจึงย่อมมีผลต่อผลผลิต การจัดการทรงพุ่มให้มีจำนวนยอดที่เหมาะกับอายุและระยะปลูกจึงส่งผลกับผลผลิต

ถุงห่อที่สามารถป้องกันนกและแมลงวันทองได้ในระดับหนึ่ง
ความดกของมะเดื่อฝรั่ง ในหนึ่งยอดสามารถให้ผลผลิต 2-3 กิโลกรัม ในตลอดฤดูกาลผลิต
  1. ระยะปลูกมะเดื่อฝรั่ง มะเดื่อฝรั่งสามารถปลูกได้ทั้งระยะชิด คือตั้งแต่ 50 เซนติเมตรขึ้นไปได้อย่างสบาย เนื่องจากสามารถปลูกในกระถางหรือวงบ่อซีเมนต์ได้ จนไปถึงระยะปลูกที่ห่างออกไปตั้งแต่ 1-6 เมตร ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่อาจจะต้องมีการจัดการที่ต่างกันออกไปในการจัดแต่งทรงพุ่ม เนื่องจากมะเดื่อฝรั่งจำเป็นจะต้องตัดแต่งกิ่งปีละ 1 ครั้ง ดังนั้น หลังการตัดแต่งกิ่ง มีการบำรุงใส่ปุ๋ย ให้น้ำ ทรงพุ่มมะเดื่อฝรั่งจะเจริญกลับมาเท่าเดิม หรือทรงพุ่มใหญ่ขึ้นในปีต่อๆ ไป ถ้าเราเลือกปลูกระยะห่างในครั้งแรก เนื่องจากต้นมะเดื่อโตขึ้นเรื่อยๆ และเทคนิคการโน้มกิ่ง (เหมือนการโน้มกิ่งที่โน้มกิ่งหม่อน) จะทำให้ต้นมะเดื่อขยายทรงพุ่มเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในปีต่อๆ ไป
  2. มะเดื่อฝรั่งรับประทานได้หลายรูปแบบนอกจากรับประทานผลสด มะเดื่อฝรั่งนอกจากจะเป็นผลไม้ที่รับประทานสดจะอร่อย รสชาติหวาน มีเมล็ดในผลเคี้ยวแล้วจะกรุบๆ เล็กน้อย (เมล็ดคล้ายเมล็ดแก้วมังกร) ยังสามารถรับประทานผลอ่อนได้ (นำไปใช้ทำกับข้าวเหมือนมะเขือเปราะ) เช่น นำผลอ่อนเอาไปใส่ในแกงเขียวหวานเหมือนมะเขือเปราะ ซึ่งนำผลอ่อนมาล้างผล ใช้มีดปาดขั้วผลแล้วผ่าครึ่งผลทิ้งล้างยางออกด้วยน้ำสะอาด ก็นำไปประกอบอาหารได้ ซึ่งรสชาติจะออกหวานมันเล็กน้อยคล้ายมะเขือเปราะ แปรรูปได้หลากหลาย เช่น การอบแห้ง ซึ่งสวนคุณลี ก็ได้อบแห้งจากผลมะเดื่อที่มีความแก่จัด ซึ่งผลจะนิ่ม มีรสชาติหวานจัด รับประทานอร่อยมาก เนื่องจากมีความสุกแก่ 100% (ซึ่งจริงๆ แล้ว มะเดื่อที่แก่จัด 90-100% จะเหมาะกับการขายหน้าสวนและรับประทานหมดภายใน 1-2 วัน โดยไม่แช่เย็น แต่ไม่เหมาะที่จะเก็บส่งลูกค้าที่จะต้องจัดส่งผ่านช่องทางขนส่ง เช่น ไปรษณีย์ ขนส่งเอกชน รถไฟ รถทัวร์ เป็นต้น
แปลงปลูกมะเดื่อฝรั่งของสวนคุณลี อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร

ซึ่งอาจจะทำให้ผลผลิตบอบช้ำได้ง่าย ซึ่งการเก็บผลผลิตจำหน่ายที่จะต้องมีการขนส่ง จึงควรจะเก็บมะเดื่อที่มีความแก่ ประมาณ 80% โดยจะใช้เตาอบแบบลมร้อนในการอบมะเดื่อฝรั่ง สามารถสร้างมูลค่าให้กับผลมะเดื่อได้อีกช่องทาง จากนั้นมะเดื่อฝรั่งยังนำไปทำแยม ตกแต่งหน้าเค้ก น้ำมะเดื่อฝรั่งพร้อมดื่ม ไอศกรีม แช่อิ่มผลดิบ เป็นต้น

สวนคุณลี อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร โทร. 081-886-7398, 081-901-3760 เปิดให้เข้าเยี่ยมชมทุกวันฟรีแก่ท่านที่สนใจ หรือติดต่อผ่านช่องทาง เฟซบุ๊ก : สวนคุณลี หรือ ID Line : LEEFARM2