ไร่นาสวนผสม จัดการดีมีแต่ผลกำไร ของ วิภารัตน์ ปานเกิด ที่บุรีรัมย์

ปัจจุบันการประกอบอาชีพทางการเกษตรมีหลายๆ คน กำลังมุ่งเน้นไปที่ความสุขมากกว่าผลตอบแทนที่ได้รับ เพราะไม่เพียงได้ทำอยู่กับงานที่ชอบแล้ว ยังมีเวลาอยู่กับบ้านและดูแลครอบครัวไปพร้อมๆ กัน จึงทำให้ไม่ต้องออกไปทำงานต่างถิ่น แต่ทำการเกษตรผสมผสานอยู่บนพื้นที่ของตนเอง เกิดรายได้และมีเงินเก็บสำหรับเลี้ยงครอบครัวมีความสุขกับทุกกิจกรรมที่ได้ทำในแต่ละวัน

คุณวิภารัตน์ ปานเกิด และสามี

คุณวิภารัตน์ ปานเกิด เกษตรกรทำไร่นาสวนผสม อยู่ที่ตำบลโคกตม อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ยึดการทำเกษตรแบบให้มีหลายๆ อย่างอยู่บนพื้นที่ ทำให้ภายในสวนของเธอมีการทำเกษตรที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงสัตว์ การเลี้ยงปลา ตลอดไปจนถึงการปลูกพืชต่างๆ จึงทำให้มีรายได้แบบรายวัน รายเดือน และรายปี เกิดเป็นเงินหมุนเวียนใช้จ่ายภายในครอบครัว และเงินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินอีกด้วย

คุณวิภารัตน์ เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนยึดการเลี้ยงสัตว์เพียงอย่างเดียว ยังไม่ได้มีการปลูกพืชผักและต้นไม้ต่างๆ เพราะพื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างแห้งแล้งไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก เมื่อมีความตั้งใจจริงที่อยากจะทำอาชีพทางด้านการเกษตรให้ประสบผลสำเร็จ จึงได้ไปเข้าอบรมเกี่ยวกับการให้ความรู้ โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ดูดน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ทางการเกษตร ทำให้ไม่สิ้นเปลืองในเรื่องของพลังไฟฟ้าลดต้นทุนการผลิตได้ดี

บ่อเก็บน้ำและเลี้ยงปลา

“พอเราเริ่มมีน้ำเข้ามาใช้ การเกษตรจากที่เลี้ยงสัตว์เพียงอย่างเดียว ก็สามารถนำมาปลูกพืชผักได้ เลี้ยงปลาได้ ทำนาได้ คำที่ว่า น้ำคือชีวิต นี่เป็นเรื่องที่สำคัญ มันทำให้เราสามารถปลูกอย่างอื่นได้หลากหลาย เพราะน้ำเข้ามามีบทบาทสำคัญ จึงทำให้การทำเกษตรเริ่มหลากหลายมากขึ้น พอมีผลผลิตออกมาก็สามารถขายได้หลากหลาย เกิดเป็นรายได้มาใช้จ่ายในครัวเรือนได้ อย่างพืชผักเป็นรายได้ประจำวัน ไข่ไก่ ปลาที่เลี้ยงเป็นรายได้ประจำสัปดาห์ และโคและหมูป่าเป็นรายได้ประจำปีก็ได้ ถือว่ามีการทำไร่นาสวนผสมนี่ ดีสำหรับเรา ณ เวลานี้” คุณวิภารัตน์ บอก

สำหรับปลาที่เลี้ยงเน้นปล่อยรวมกันหลายๆ ชนิด อาหารที่ให้ปลากินเป็นผลผลิตที่ได้จากสวน พร้อมทั้งนำฟางที่ได้จากนาที่ทำไว้ใส่ลงไปภายในบ่อให้ปลาได้กิน จึงทำให้ปลาที่เลี้ยงไม่ต้องสิ้นเปลืองในเรื่องของอาหาร มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ เมื่อเลี้ยงปลาได้อายุอยู่ที่ 3-4 เดือนก็จะจับขายให้กับลูกค้าที่มาซื้อเกิดผลกำไรมากขึ้นจากการเลี้ยงแบบลดต้นทุน

ปลาที่อยู่ภายในบ่อ

ส่วนพืชผักที่ทำการปลูกจะเป็นพืชผักสวนครัวที่ปลูกแบบขายได้ง่ายๆ เป็นพืชที่ตลาดมีความนิยม เช่น มะนาว มะเขือ พริก และอื่นๆ อีกหลายชนิด ซึ่งนอกจากจะนำมาประกอบอาหารเพื่อกินเองในครอบครัวแล้ว ส่วนที่มีจำนวนมากก็จะตัดส่งขายเพื่อสร้างรายได้เป็นเงินหมุนเวียนไว้ใช้จ่าย

“ปลาที่อยู่ในบ่อเลี้ยง ถ้าชาวบ้านในย่านนี้จะมีงาน หรือต้องการซื้อเขาก็จะสั่งว่าต้องการปลาจำนวนเท่าไร จากนั้นเราก็จะจับให้ลูกค้า พร้อมทั้งพอมีคนมาเรียนรู้ที่สวนของเรา เราก็จะใช้ผลผลิตภายในสวนของเรามาประกอบอาหารให้กับแขกที่เข้ามาอบรม ก็จะทำให้ทุกคนได้เห็นว่า พืชผลและสัตว์ต่างๆ ที่เลี้ยงไว้ สามารถนำมาประกอบอาหารและค้าขายได้จริง โดยที่เราไม่ต้องใช้ต้นทุนในการผลิตอะไรมาก มีรายได้รายวัน รายเดือน และรายปี ถือว่าผลตอบแทนดีทีเดียว” คุณวิภารัตน์ บอก

ไก่ที่เลี้ยงไว้

ซึ่งตั้งแต่มาทำไร่นาสวนผสมโดยไม่เน้นการทำพืชเชิงเดี่ยว พร้อมกับสร้างมาตรฐานผลผลิตให้ปลอดภัยจากสารเคมี คุณวิภารัตน์ บอกว่า ทั้งเธอและสามีมีสุขภาพที่ดีขึ้น มีความสุขในการทำงานทุกๆ วัน วันไหนรู้สึกเหนื่อยก็สามารถหยุดการทำงานโดยที่ไม่ต้องทำให้ตรงตามเวลาเหมือนเป็นลูกจ้าง โดยแต่ละคนมีหน้าที่การทำงานเป็นของตนเองโดยใช้แรงงานภายในครอบครัว

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะทำอาชีพทางการเกษตร คุณวิภารัตน์ แนะนำว่า ต้องดูว่ามีความชื่นชอบและสนใจการทำเกษตรในทิศทางไหน จากนั้นจึงค่อยลงมือทำในแบบที่ตนเองชอบ เพราะหากทำในแบบที่ไม่ใช่ใจรัก ก็อาจจะทำให้ผลผลิตที่ได้หรือสิ่งที่ลงมือทำไม่เกิดความสำเร็จเท่าที่ควร และที่สำคัญไปกว่านั้นในเรื่องของความร่วมมือของครอบครัวควรมีส่วนร่วมไปพร้อมๆ กัน

คอกเลี้ยงหมูป่า

“ทุกอย่างที่จะทำเพื่อให้ประสบผลสำเร็จ ต้องเริ่มที่ตัวเราเองก่อน ดูว่าเรารักเราชอบที่จะทำจริงไหม จากนั้นถามครอบครัวว่า พร้อมที่จะก้าวเดินไปด้วยกันไหม เพราะบางอย่างเราทำเพียงลำพังไม่ได้ ต้องมีครอบครัวค่อยช่วยเหลือกัน สร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน ก็จะช่วยให้ทุกอย่างทำไปได้อย่างดี มีต้นทุนแรงงานที่ถูกลง เพราะใช้แรงงานในครอบครัวช่วยเหลือ ก็จะช่วยให้ผลผลิตมีมาตรฐาน และเกิดเป็นรายได้ที่ยั่งยืนต่อไป” คุณวิภารัตน์ แนะนำ

ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ช่วยสูบน้ำมาใช้ภายในสวน

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณวิภารัตน์ ปานเกิด หมายเลขโทรศัพท์ (063) 083-5282