เทเวศประกันภัย ร่วมเสริมการเรียนรู้ สู่การพัฒนา เพิ่มทักษะประสบการณ์นอกห้องเรียนให้น้อง ด้วยวิถีเกษตรอินทรีย์

เพราะการดูแลและส่งเสริมเรื่องพัฒนาการเป็นสิ่งสำคัญกับเด็กทุกคน ด้วยเหตุนี้ บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) จึงได้จัด “โครงการพัฒนาบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ” อย่างต่อเนื่องจนถึงปีที่ 9 ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้กับนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ เด็กๆ สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมและใช้ชีวิตประจำวันได้เองโดยลดการพึ่งพาบุคคลรอบข้าง

นางนวรัตน์ ทีฆเสนีย์ และเด็กๆ ลองจับลูกเจี๊ยบ

นางนวรัตน์ ทีฆเสนีย์ เลขานุการคณะกรรมการสรรหา กำหนดค่าตอบแทน และกิจกรรมเพื่อสังคม เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเทเวศประกันภัยได้จัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น อาชาบำบัด วารีบำบัด การอบรมผู้ปกครองและครู การสนับสนุนงบประมาณในการจัดสื่อการเรียนการสอน รวมทั้งกิจกรรม “เสริมการเรียนรู้ สู่การพัฒนา” ที่จะพาเด็กๆ ออกไปฝึกปฏิบัติและลงมือทำด้วยตัวเอง เรียนรู้จากประสบการณ์จริงนอกห้องเรียนในกิจกรรมที่เด็กๆ สนใจ ซึ่งจะเป็นแรงเสริมจากหลักสูตรและกิจกรรมที่โรงเรียนได้จัดทำไว้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาการทางกายภาพ สติปัญญาและอารมณ์ และปัจจุบันเทเวศประกันภัยมีการเพิ่มกิจกรรม ดนตรีบำบัด โยคะบำบัด ให้แก่เด็กๆ อีกด้วย

ลองอุ้มแม่ไก่ตัวใหญ่ครั้งแรก

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ เด็กๆ ได้ลองไปเรียนรู้วิถีชีวิตพอเพียงแบบเกษตรอินทรีย์ ที่ป้าจิ๊บฟาร์ม จังหวัดนนทบุรี บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ซึ่งแวดล้อมไปด้วยทุ่งนาและต้นไม้สีเขียว ภายในฟาร์มแบ่งออกเป็นฐานกิจกรรมต่างๆ ที่เด็กๆ จะได้เรียนรู้และลงมือทำ แม้ว่าจะมีเม็ดฝนโปรยปรายอันเนื่องมาจากอิทธิพลพายุบ้าง แต่ก็ไม่ได้ลดความตื่นเต้นของเด็กๆ ลงไปเลย เพราะเมื่อรถบัสมาถึงทุกคนก็รีบเปลี่ยนเป็นชุดที่เตรียมไว้ ก่อนจะนั่งรถรางเข้าไปในฟาร์มเพื่อทำกิจกรรมในวันนี้

กิจกรรมฐานแรก เด็กๆ ได้พบกับ ลุงอ้วน วิทยากรที่มาต้อนรับและแนะนำให้เด็กๆ ได้ทำความรู้จักกับแพะที่มีชื่อว่า น้องผักบุ้ง และควายที่มีชื่อว่า แม่ชบา กับ คุณทองเอก แล้วจึงแจกก้านกระถินให้เด็กๆ ได้ลองป้อนอาหารและสัมผัสสัตว์เหล่านี้ แถมน้องบางคนยังได้ลองขี่ควายเป็นครั้งแรกในชีวิตอีกด้วย

ลองขี่ควายครั้งแรก
เด็กๆ ช่วยกันหมุนถังน้ำแข็ง เพื่อทำไอติมหลอด

หลังจากนั้นไปต่อที่ฐานทำไอติมหลอด โดยเริ่มตั้งแต่การเติมน้ำหวานในหลอดไอติม ช่วยกันหมุนถังน้ำแข็งเพื่อให้ไอติมแข็งตัว ซึ่งทุกคนค่อนข้างตื่นเต้นที่น้ำหวานกลายเป็นไอติมหลากสีสันสำหรับเติมความสดชื่น ก่อนจะไปยังฐานถัดไปที่เด็กๆ ได้เรียนรู้การเลี้ยงไก่จากการสัมผัสลูกเจี๊ยบตัวน้อยๆ ในตะกร้า ฝึกอุ้มแม่ไก่และเป็ดตัวโต แม้บางคนจะมีท่าทีกลัวบ้าง แต่เมื่อได้เห็นเพื่อนๆ ลองทำ ก็เปิดใจที่จะร่วมกิจกรรมและสนุกไปด้วยกัน

เมื่อถึงเวลาใกล้เที่ยง เด็กๆ ได้เตรียมตัวทำอาหารกลางวัน โดยเริ่มจากการเข้าไปเก็บไข่ในเล้าเป็ดแล้วนำไข่นั้นมาทำเป็นเมนูไข่เจียว โดยมี น้าเมย์ เป็นผู้ให้คำแนะนำตั้งแต่การตอกไข่ ตีไข่ และนำไปเจียวในกระทะที่ตั้งไว้บนเตาอังโล่ ซึ่งเป็นเตาที่มีความร้อนน้อยและไม่ทำให้น้ำมันกระเด็น นอกจากนี้ บางคนยังได้ลองผัดผักบุ้งให้เพื่อนๆ ทานอีกด้วย

ลองทำเจียวไข่บนเตาอังโล่ด้วยตัวเอง
ไข่เจียวร้อนๆ อาหารกลางวันจากฝีมือของเด็กๆ

สำหรับฐานกิจกรรมยามบ่าย ดูเหมือนเป็นกิจกรรมไฮไลท์ที่เด็กๆ ตั้งตารอ เพราะจะได้ทดลองดำนา ลองจับกบและปลาช่อน เมื่อได้เรียนรู้วิธีการปฏิบัติแล้วช่วงลงมือทำจริงก็มาถึง เด็กๆ ต่างตั้งใจปักกล้าข้าวให้เป็นแถวตรงสวยงาม เมื่อดำนาเสร็จก็ลุยลงไปในบ่อโคลนเพื่อจับกบและปลาช่อน

ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน เพราะมีสไลเดอร์โคลนยักษ์ที่คอยเรียกเสียงกรี๊ดและเสียงหัวเราะของเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีบ่อบับเบิ้ลให้ได้ตะลุยอีกครั้ง ก่อนที่จะไปอาบน้ำและเตรียมตัวกลับบ้าน ซึ่งหากใครได้มาเห็นภาพเหล่านี้เป็นจะต้องหัวเราะและยิ้มตามเด็กๆ ไปด้วยอย่างแน่นอน

สไลเดอร์โคลน
สไลเดอร์ในบ่อบับเบิ้ล

ด้าน นางสาวจินตหรา พลมาตย์ คุณครูจากโรงเรียนวัดมหาธาตุ กล่าวว่า วันนี้เด็กๆ ตื่นเต้นและเตรียมความพร้อมในการตื่นเช้าเพื่อที่จะได้มาทันเวลาที่นัดหมาย เพราะกิจกรรมที่ได้เข้าร่วมกับเทเวศประกันภัยจะเป็นการเรียนรู้นอกสถานที่ที่ไม่เคยเจอ ช่วยให้เด็กๆ มีความกล้าเผชิญกับสถานการณ์ใหม่ๆ สามารถปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ด้วยตนเอง รวมถึงมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีในการเข้าสังคมและอยู่ร่วมกับผู้อื่น ซึ่งจะเป็นการสร้างทักษะในการดำรงชีวิตในสังคมต่อไปอย่างมีความสุข

นางสาวชุติกาณจน์ ศรีอุดร คุณครูจาก โรงเรียนราชบพิธ กล่าวว่า รู้สึกดีใจและตื่นเต้นไปกับเด็กๆ เพราะเป็นการเปิดโลกของเด็กๆ ให้กว้างขึ้น ได้พบปะผู้คนที่หลากหลายและเพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งทุกครั้งที่ได้ออกมาทำกิจกรรมมักจะเห็นความสามารถและจุดที่ควรปรับปรุงเพื่อการพัฒนาของเด็กๆ แต่ละคน นอกจากนี้ ยังได้นำเทคนิคจากกิจกรรมมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและบริบทของโรงเรียนอีกด้วย

ลองเก็บไข่เป็ดสดๆ ถึงในเล้าเป็ด

สำหรับ นายทินกร สิงห์สอน คุณพ่อของ น้องซี – เด็กชายอุดมเดช สิงห์สอน อายุ 8 ขวบ กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่เห็นน้องซีทำกับข้าวได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากกลัวอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นที่บ้านจึงไม่ค่อยให้น้องซีได้เข้าครัว แต่หลังจากนี้คงปรับให้น้องซีได้เข้าไปช่วยงานครัวบ้าง จึงขอขอบคุณกิจกรรมในวันนี้ที่ทำให้น้องซีได้เรียนรู้และฝึกพัฒนาการใหม่ๆ ซึ่ง น้องซี ก็ได้กล่าวว่า วันนี้สนุกมาก เพราะได้ทอดไข่และผัดผักบุ้ง

นายอธิวัฒน์ เมฆโปธิ คุณพ่อของ น้องปัญปัญ – เด็กชายวรกันต์ เมฆโปธิ อายุ 9 ปี และ น้องปังปอนด์ – เด็กชายกันต์วัฒน์ เมฆโปธิ อายุ 8 ปี กล่าวว่า เป็นกิจกรรมที่ดีมาก เพราะเด็กๆ ได้เรียนรู้วิถีเกษตรจากการลงมือทำจริง ครั้งนี้เป็น ครั้งที่ 2 แล้วที่ได้ร่วมกิจกรรมกับเทเวศประกันภัย เมื่อกลับถึงบ้านน้องเล่าให้ฟังว่า วันนี้ได้ทำอะไรบ้าง ซึ่งพัฒนาการที่เห็นได้ชัดคือสามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น เมื่อถาม น้องปัญปัญและน้องปังปอนด์ ว่าวันนี้สนุกไหม ทั้ง 2 คน ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า สนุกมาก ได้เล่นสไลเดอร์ ได้จับปลาและจับกบ เมื่อถามต่อว่ากลัวหรือไม่ ทั้ง 2 คน ก็ประสานเสียงกันอีกครั้งว่า ไม่กลัว

จับปลาช่อนในบ่อโคลน
จับกบในบ่อโคลน

นางสาววันวิสา กุลสังคหะกิจ คุณแม่ของ น้องลูกข้าว – เด็กชายกิตติวินท์ เฮงเจริญวรกิจ อายุ 9 ปี กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่น้องลูกข้าวได้ทำกิจกรรมแบบนี้ วันนี้น้องดูตื่นเต้นและมีความสุข แม้ว่าจะดูกลัวบ้างในบางกิจกรรมที่ไม่เคยทำ แต่เมื่อเห็นเพื่อนๆ น้องก็กล้าที่จะทำตามและสนุกไปด้วยกัน น้องได้บอกกับทีมงานว่า วันนี้ได้เล่นน้ำ เล่นสไลเดอร์ ได้ขี่ควาย แต่ไม่กล้าจับกบเพราะกลัวโดนกัดนิ้ว

เพราะเด็กทุกคนคือทรัพยากรที่สำคัญของประเทศ เทเวศประกันภัย จึงยังคงดำเนินโครงการพัฒนาบุคคลที่มีความต้องการพิเศษอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาให้เด็กทุกคนอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างมีความสุข

เด็กๆ ช่วยป้อนกระถินซึ่งเป็นอาหารของแพะ
ถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน ส่งท้ายกิจกรรม