สกต.ธ.ก.ส. กำแพงเพชร จับมือสหกรณ์เครือข่ายโคนม-ผู้ส่งออก เซ็น MOU ซื้อขายมันเส้นสะอาดมูลค่า 136 ล้านบาท

สำนักงานสหกรณ์จังหวัดกำแพงเพชร ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ประสานความร่วมมือขับเคลื่อนโครงการตลาดนำการผลิต ใช้รูปแบบพันธสัญญาทำข้อตกลงซื้อขายมันสำปะหลังระหว่างสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.กำแพงเพชร จำกัด โดยดำเนินธุรกิจรวบรวมและแปรรูปมันเส้นสะอาดกับสหกรณ์เครือข่ายโคนม ซึ่งต้องการวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ และผู้ประกอบการส่งออกมันสำปะหลัง

โดยมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ซื้อ-ขาย มันเส้นสะอาด ปริมาณ 17,040 ตัน มูลค่า 136.795 ล้านบาท ณ ตลาดกลางการเกษตรสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.กำแพงเพชร จำกัด ตำบลมหาชัย อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร โดยการสนับสนุนร่วมกันแบบบูรณาการของส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาของจังหวัดกำแพงเพชร การพัฒนาศักยภาพสหกรณ์ตามนโยบายของกรมส่งเสริมสหกรณ์ และแหล่งเงินทุนจาก ธ.ก.ส.

นายอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายณรงค์ ขันติวิริยะกุล ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และ นายสุวิทย์ สันตติวงศ์ไชย ปลัดจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ซื้อ-ขาย มันเส้นสะอาดระหว่างสหกรณ์ผู้ผลิตและรวบรวมมันสำปะหลังในจังหวัดกำแพงเพชรกับเครือข่ายสหกรณ์โคนมและผู้ประกอบการเอกชนผู้ส่งออกมันสำปะหลัง

โดยมี นายภูมิ เกลียวศิริกุล ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการ ธ.ก.ส. สาขาภาคเหนือตอนล่าง และ นางสาวไพรินทร์ สุขเล็ก สหกรณ์จังหวัดกำแพงเพชร ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ซื้อ-ขาย มันเส้นสะอาด พร้อมเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ดำเนินการตามนโยบายตลาดนำการผลิตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยได้ประสานความร่วมมือกับ ธ.ก.ส.กับผู้ประกอบการภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนการสร้างเครือข่าย และขยายช่องทางการตลาดเพื่อจำหน่ายผลผลิตการเกษตรให้กับสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจรวบรวมและแปรรูปผลผลิตการเกษตรของสถาบันเกษตรกรให้มีประสิทธิภาพและสามารถรองรับผลผลิตจากเกษตรกรในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ การใช้รูปแบบพันธสัญญาเพื่อทำข้อตกลงซื้อขายมันสำปะหลังระหว่างสหกรณ์กับภาคเอกชนในครั้งนี้ เป็นการส่งเสริมการขับเคลื่อนการบริหารจัดการสินค้าเกษตรที่สำคัญของจังหวัดกำแพงเพชร ภายใต้หลักการตลาดนำการผลิตตามนโยบายของรัฐบาล

สำนักงานสหกรณ์จังหวัดกำแพงเพชร จึงร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขากำแพงเพชร ประสานขอความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการตลาดนำการผลิตร่วมกับผู้ประกอบการ ในรูปแบบพันธสัญญาสถาบันเกษตรกร โดยจัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.กำแพงเพชร จำกัด กับสหกรณ์เครือข่ายโคนมและผู้ประกอบการส่งออกมันสำปะหลัง รวมทั้งหมด 9 แห่ง ได้แก่ บริษัท ทาปิโอกา คอร์เปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการส่งออกมันสำปะหลัง

และสหกรณ์เครือข่ายโคนมจากจังหวัดสระบุรี ลพบุรี ชัยภูมิ เชียงใหม่ และลำพูน อีกจำนวน 8 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จำกัด สหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์คมิตรภาพ จำกัด สหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์คพัฒนานิคม จำกัด สหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์คสวนมะเดื่อ จำกัด

สหกรณ์โคนมพัฒนานิคม จำกัด สหกรณ์โคนมลำพูน จำกัด สหกรณ์โคนมผาตั้ง จำกัด และสหกรณ์โคนมเทพสถิต จำกัด ในรูปแบบพันธสัญญาหรือคู่ค้า มีมูลค่าการซื้อ-ขายมันเส้นสะอาด จำนวน 17,040 ตันมูลค่า 136.795 ล้านบาท โดยสหกรณ์ได้รับการสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำในการรวบรวมมันสำปะหลัง จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 5 เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่เกษตรกร ผู้ประกอบการ ธุรกิจเกษตร และสถาบันเกษตรกร

จากนั้นได้มีพิธีปล่อยคาราวานรถบรรทุกมันสำปะหลัง เพื่อขนส่งมันเส้นสะอาด ไปยังคู่ค้าที่ได้ทำข้อตกลงซื้อขายกันในวันนี้ทันที สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.กำแพงเพชร จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 290 หมู่ที่ 8 ตำบลไทรงาม อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2534  โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสหกรณ์ เพื่อรวมกันซื้อปัจจัยการผลิต รวมกันขายผลผลิต โดยมีการดำเนินธุรกิจรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกและมันสำปะหลังจากสมาชิกและเกษตรกรในพื้นที่เป็นธุรกิจหลัก มีคณะกรรมการดำเนินงานจำนวน 15 คน มีพื้นที่ทำธุรกิจครอบคลุมทั้งจังหวัดกำแพงเพชร สมาชิกส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำไร่มันสำปะหลังและทำนา ปัจจุบัน ณ ปีบัญชี 31 มีนาคม 2564 มีสมาชิก 83,051 ราย ทุนดำเนินงานทั้งสิ้น 157,369,106.66 บาท

ทั้งนี้ ในปี 2564 ที่ผ่านมา สหกรณ์แห่งนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวน 12.05 ล้านบาท เพื่อพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยนำไปก่อสร้างโกดังขนาด 2,065 ตารางเมตร ทำให้สหกรณ์มีความพร้อมในการขยายและเพิ่มธุรกิจเพื่อรองรับผลผลิตการเกษตรได้เพิ่มมากขึ้น

และใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์การตลาดที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐให้เกิดประโยชน์โดยนำไปรวบรวมผลผลิตและแปรรูปผลผลิตการเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างรายได้ให้แก่สมาชิกและเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งในปี 2565 สหกรณ์มีแผนรับซื้อข้าวเปลือก 23,000 ตัน มูลค่า 150 ล้านบาท แผนรับซื้อมันสำปะหลัง 20,000 ตัน มูลค่า 151 ล้านบาท