แก้มลิงท่าฉนวนพร้อมระบบระบายน้ำฯ  อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาทบรรเทาท่วม ลดแล้ง แถมเพิ่มอาชีพให้ราษฎรได้อยู่ดีกินดี

“ประมาณเดือนกันยายนถึงตุลาคมน้ำก็จะท่วมทุกปี แต่หลังจากมีการก่อสร้างแก้มลิงแล้วมีที่เก็บน้ำประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมจะปล่อยน้ำลงแม่น้ำการระบายทำได้เร็วขึ้น” นางรัชดาวัลย์ นัยเนตร เกษตรกรผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการแก้มลิงท่าฉนวนพร้อมระบบระบายน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท กล่าว

และบอกว่าอดีตในช่วงฤดูฝนพืชผลเกษตรจะได้รับความเสียหายปลูกข้าวปลูกข้าวโพดถูกน้ำท่วม  เพาะปลูกได้ปีละ 1 ครั้ง ต้องรีบเก็บเกี่ยวหลังจากมีโครงการแก้มลิงฯ สามารถทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง ทั้งนาปีและนาปรัง โดยนาปีตามทำฤดูกาลได้น้ำช่วงระบายเข้าแก้มลิง ส่วนนาปรังจะได้น้ำช่วงการระบายน้ำออกจากแก้มลิงลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

“ก็อยากจะขอบคุณพระองค์ท่านที่ให้ความช่วยเหลือ ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนในอดีตวันนี้ความเป็นอยู่ดีขึ้น มีเงินมีทองมากกว่าแต่ก่อน”นางรัชดาวัลย์ นัยเนตร กล่าว

ทางด้านนางสาววิไลวรรณ ดีอ่วม  ผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่าก่อนที่จะมีโครงการแก้มลิงฯ พื้นที่แห่งนี้จะเกิดน้ำท่วมซ้ำซากหนักสุดเมื่อปี 2554 น้ำท่วมนานกว่า 7 เดือนทำการเกษตรไม่ได้ ชาวบ้านหมู่ที่ 9 และเจ้าอาวาสวัดโพนิมิตรร่วมกันฎีกาถวายขอพระราชทานความช่วยเหลือ พระองค์ทรงรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2557 หนึ่งปีหลังจากนั้นเห็นผลชัดเจน แม้น้ำมามากแต่ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว

“ผลพลอยได้อีกอย่างคือเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา ชาวบ้านมีอาหารการกินสมบูรณ์ขึ้น บางคนหลังจากเพาะปลูกมาจับปลาไปขาย ได้มากนำมาตากแห้ง ทำปลาแห้ง ปลาเค็ม และปลาร้าไว้กินและขาย บางรายทำปลาบด ชาวบ้านมีอาชีพเพิ่มขึ้นทำให้มีรายได้มากขึ้นตลอดทั้งปี มีกลุ่มผู้ใช้น้ำประสานงานกับกรรมการหมู่บ้านร่วมกำหนดเวลาระบายน้ำเพื่อไม่ให้กระทบพื้นที่เพาะปลูก แถมช่วยให้สามารถปลูกพืชได้หลากหลายมาขึ้น นอกจากทำนาและปลูกข้าวโพด เช่น ปลูกดอกมะลิ ดอกกุหลาบ ดอกดาวเรือง ทุกคนรายได้ดีในทุกวันนี้ “นางสาววิไลวรรณ ดีอ่วม กล่าว

โครงการแก้มลิงท่าฉนวนพร้อมระบบระบายน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อช่วยเหลือราษฎรหมู่ที่ 9 บ้านสะพานหิน, หมู่ที่ 4 บ้านหลั่น และหมู่ที่ 5 บ้านห้วยยาง รวมทั้งพระภิกษุวัดโพธิ์นิมิต ต.ท่าฉนวน ที่ประสบความเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัย น้ำท่วมขังบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร และบริเวณพื้นที่วัดโพธิ์นิมิตรเป็นประจำทุกปี

ต่อมาในปี 2557 คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณแก่กรมชลประทาน เพื่อดำเนินโครงการแก้มลิงท่าฉนวนฯ โดยการขุดขยายบึงบริเวณพื้นที่จำนวน 3 แห่งในลักษณะแก้มลิงโดยมีแนวคลองเชื่อมต่อกันระหว่างบึงเพื่อทำหน้าที่เป็นคลองระบายน้ำจากบึงลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

และเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 ที่ผ่านมาพลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง พร้อมด้วย พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ  นายสมศักดิ์ เพิ่มเกษร รองเลขาธิการ กปร. และคณะอนุกรรมการฯ ได้เดินทางไปยังโครงการฯ

พบว่าแนวคลองระบายที่รับน้ำจากบึงทั้ง 3 แห่ง ที่มีการสร้างอาคารชลประทานตามความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ เช่น ท่อระบายน้ำ ไซฟอนลอดคลองส่งน้ำท่าฉนวน ท่อลอดถนนบริเวณคันคลองส่งน้ำและท่อระบายน้ำบริเวณคันกั้นน้ำเพื่อระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยดำเนินการแล้วเสร็จปี 2558 นั้นทำให้สามารถบรรเทาและช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในเขตชลประทานในช่วงฤดูฝนได้ประมาณ 1,500 ไร่ ราษฎรได้รับประโยชน์ 317 ครัวเรือน รวมทั้งเป็นแหล่งเก็บกักน้ำสำหรับการเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้งเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเพาะและขยายพันธุ์สัตว์น้ำจืด เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชุมชนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย

การนี้พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี กล่าวว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้พื้นที่เกิดน้ำท่วมนานในช่วงที่ผ่านมาเพราะทางน้ำเดิมจะมีน้ำผุดที่อยู่นอกพื้นที่ด้านข้างของลำน้ำเจ้าพระยาจึงต้องต้องใช้เวลานานในการระบายน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยา หลังจากที่โครงการแก้มลิงฯ แล้วเสร็จได้เก็บน้ำไว้ในพื้นที่ ช่วงน้ำมากและนำน้ำที่อยู่นอกคันของคลองส่งน้ำมาเก็บที่แก้มลิงฯ  เมื่อระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลดลงจึงระบาบน้ำจากแก้มลิงฯ ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา  ทำให้น้ำในพื้นที่แห้งเร็วขึ้นกว่าที่ผ่านมาหลายเดือน ประชาชนสามารถเพาะปลูกได้โดยไม่กระทบเรื่องน้ำ

“นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานไว้ และในวันนี้รัชกาลปัจจุบันพระองค์ทรงห่วงใยประชาชน ทรงต่อยอดโครงการพระราชดำริ จากนี้ไปประชาชนในพื้นที่คงได้ใช้ประโยชน์จากโครงการอย่างเต็มที่ และยาวนาน” องคมนตรีกล่าว