เกษตรกรวัยเก๋า ทำเกษตรผสมผสาน มีรายได้ สัปดาห์ละ 1,000 กว่าบาท

เมื่อครั้งที่ไปเยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตข้าวพันธุ์ดีครบวงจร ตำบลห้วยเตย อำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม ที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มชาวนา ภายใต้การนำของ คุณบุญมา พลภักดี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ตำบลห้วยเตย เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีในท้องถิ่น พวกเขารวมกลุ่มกันเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีและกระจายเมล็ดพันธุ์ดีให้เพียงพอต่อความต้องการของชุมชน รวมทั้งลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตข้าวให้สูงขึ้น

ผู้ใหญ่บุญมา พลภักดี

การเดินทางในครั้งนี้ นอกจากจะทำให้เห็นความสมัครสมานสามัคคีของชาวนาต้นแบบแห่งชุมชนแห่งนี้แล้ว ยังได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านอีสานที่ขยันทำงานอีกด้วย  ผู้ใหญ่บุญมา พลภักดี บอกว่า ที่นี่เป็นชุมชนเกษตรกรที่ขยันในการทำมาหากิน เกษตรกร 1 คน ทำงาน 4 อย่าง คือ ทำนา เป็นพืชหลัก เพื่อใช้เป็นอาหารในครัวเรือน และผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ออกขาย เหลือกินจึงค่อยขายข้าว อาชีพที่สองคือ ปลูกมันสำปะหลัง เพื่อจำหน่าย อาชีพที่สาม ปลูกอ้อยส่งโรงงาน และอาชีพที่สี่ เลี้ยงโค กระบือ เป็นเงินออมในครัวเรือน เรียกว่า เกษตรกร 1 คน ในชุมชนแห่งนี้ ทำ 4 อาชีพ ไปพร้อมกัน

นอกจากนี้ ผู้ใหญ่บุญมา แนะนำให้ผู้เขียนได้เยี่ยมสวนเกษตรผสมผสานของเกษตรกรสูงวัย อายุ 76 ปี ที่มีรายได้จากการขายผลผลิตสินค้าเกษตรต่อสัปดาห์มากกว่า 1,000 กว่าบาท โดยใช้พื้นที่เพาะปลูกไม่มาก อาศัยดูแลจัดการผลผลิตและวางแผนตลาดอย่างเหมาะสม ทำให้มีรายได้เข้ากระเป๋าอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ต้องตามไปดูกันให้เห็นกับตา

ป้าละมวล ทองนุช ในสวนเกษตรผสมผสาน

ชีวิตพอเพียง ตามวิถีชาวบ้านอีสาน

ป้าละมวล ทองนุช วัย 76 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 63 หมู่ที่ 7 ตำบลห้วยเตย อำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม ป้าละมวลใช้ชีวิตพอเพียงตามวิถีชาวบ้านอีสาน ที่นิยมปลูกข้าวเพื่อยังชีพ เลี้ยงสัตว์เป็นอาหาร ทำสวนเป็นรายได้รายวัน ว่างเว้นจากทำนา ทำไร่ เลี้ยงวัว และทอผ้าไหม เพื่อเป็นเงินออมของครอบครัว

เลี้ยงวัว เป็นเงินออมของครอบครัว

ทุกวันนี้ ป้าละมวล ใช้ประโยชน์ที่ดินทำกินอย่างคุ้มค่า ปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล บนที่ดิน 2 ไร่ ป้าละมวลดำเนินชีวิตตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่และเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 แบ่งการใช้ประโยชน์ที่ดิน เป็น 4 ส่วน มีทั้งบ้านที่อยู่อาศัย มีที่นาปลูกข้าวให้เพียงพอกับการบริโภคในครัวเรือน ปลูกพืชผสมผสาน ไม้ยืนต้น สมุนไพร ผัก ผลไม้ สำหรับใช้ประกอบอาหารประจำวัน เหลือจากการบริโภคจึงค่อยจำหน่าย ขุดสระในไร่นา กักเก็บน้ำในฤดูฝนเพื่อให้พอใช้กับการเพาะปลูกตลอดทั้งปี นอกจากนี้ บ่อน้ำยังใช้เลี้ยงปลา ปลูกผักบุ้ง พืชผักริมน้ำได้อีกต่างหาก เลี้ยงวัวก็มีปุ๋ยคอกตามธรรมชาติ เศษใบไม้ใบหญ้าก็สามารถนำมาหมักเป็นปุ๋ยหมักได้อีกด้วย

เลี้ยงไก่บ้านเป็นอาหาร
ปลูกผักในบ่อซีเมนต์ ไม่ต้องเสียเวลาถากหญ้า

ปลูกพืชผักที่ตลาดต้องการ

การดำเนินชีวิตในวิถีชาวบ้านอีสาน แทบทุกบ้านต่างมีครัวเป็นของตัวเอง ทำครัวกันทุกบ้านโดยเฉพาะ ส้มตำ ที่เป็นอาหารพื้นถิ่นสำคัญของชาวอีสานที่ขาดไม่ได้ ดังนั้น พืชสำคัญที่แทบทุกบ้านต้องปลูกคือ มะละกอ ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญของส้มตำ รวมทั้งวัตถุดิบต่างๆ ในเมนูส้มตำ แต่บางครั้งวัตถุดิบที่มีอยู่ในบ้านไม่มี ก็ต้องวิ่งไปขอซื้อจากบ้านป้าละมวล

แม้หลายบ้านปลูกพืชผักผลไม้ แต่ปลูกมีไม่ครบเหมือนบ้านป้าละมวล เวลาทำอาหารหรือวัตถุดิบขาดแคลน ก็ต้องวิ่งไปหาป้าละมวลอีกแล้ว ดังนั้น จึงเป็นโอกาสทางการตลาดของป้าละมวล ในฐานะเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือคลังอาหารของทุกคนในหมู่บ้าน

ขนุน กำลังให้ผลดกเต็มต้น

สินค้าขายดีที่ลูกค้าแวะเวียนมาเคาะประตูขอซื้อตลอดเวลา ได้แก่ มะละกอ พริก มะนาว ขนุนสุก ขนุนอ่อน ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กล้วยน้ำว้า ฯลฯ นอกจากขายสินค้าให้กับผู้คนในหมู่บ้านแล้ว ป้าละมวลยังเก็บผลผลิตออกไปขายในตลาดนัด สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ดังนั้น โอกาสหาเงินสัปดาห์ละ 1,000 กว่าบาท ของเกษตรกรอายุ 76 ปี จึงเป็นเรื่องง่าย ที่ใครๆ ก็ทำได้

ป้าละมวล ปลูกมะละกอสายพันธุ์พื้นบ้าน ที่ปลูกดูแลง่าย ต้านทานโรค ให้ผลผลิตสูง การปลูกมะละกอให้ได้ผลผลิตดี ต้องเริ่มตั้งแต่การเลือกต้นพันธุ์ดี ปลูกในดินร่วน น้ำไม่ขัง หมั่นตรวจแปลงปลูก หากเจอโรคก็ต้องรีบกำจัดทิ้ง เพื่อให้มีผลผลิตป้อนเข้าสู่ตลาดได้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ สวนเกษตรผสมผสานของป้าละมวลยังสะสมสายพันธุ์มะนาวพันธุ์ดีไว้มากมาย เช่น แป้นพิจิตร 1 มะนาวพันธุ์ดีที่เกษตรกรทั่วไปนิยมปลูก

มะนาวแป้นพิจิตร 1 ที่ปลูกในบ่อซีเมนต์

มะนาวแป้นพิจิตร 1 เกิดจากการผสมระหว่าง มะนาวน้ำหอมอุดร กับมะนาวแป้นรำไพ โดยทั่วไปต้นมะนาวแป้นพิจิตร 1 ปลูกง่าย เติบโตเร็ว ติดผลดกไม่ขาดต้น ผลมีขนาดใหญ่ มีน้ำเยอะ รสเปรี้ยวจัด มีกลิ่นหอมตามสายพันธุ์มะนาวน้ำหอมอุดร นอกจากนี้ แป้นพิจิตร 1 เป็นมะนาวพันธุ์ดีที่ต้านทานโรคแคงเกอร์ได้พอสมควร ให้น้ำดี ป้าละมวลปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์ ทำให้ง่ายต่อการดูแลจัดการให้ปุ๋ย ให้น้ำ เมื่อต้นมะนาวเติบโตแข็งแรง ย่อมมีผลผลิตให้เก็บขายได้ตลอดทั้งปี เรียกว่า ลูกค้ามาเคาะประตูบ้านเพื่อขอซื้อมะนาวเมื่อไร ป้าละมวลก็มีสินค้าขายได้ตลอด

ระหว่างเดินชมสวน เดินเฉียดมะนาวต้นใหญ่อายุหลายปี ก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้าจมูกทันที ถามป้าละมวลว่า มะนาวพันธุ์อะไร ก็ได้รับคำตอบว่า เป็น “มะนาวน้ำหอมอุดร”

มะนาวน้ำหอมอุดร
ผลมะนาวน้ำหอมอุดร

มะนาวต้นนี้ เป็นพ่อของมะนาวแป้นพิจิตร 1 นั่นเอง สำหรับมะนาวน้ำหอมอุดรต้นนี้ ป้าละมวลปลูกลงดิน แม้ไม่สามารถควบคุมการออกดอกออกผลได้ แต่โดยธรรมชาติของมะนาว สามารถหาปุ๋ยในดินเองตลอดเวลา และต้นมะนาวที่ปลูกลงดินจะมีลักษณะลำต้นใหญ่ มีกิ่งก้านเยอะ แต่จะให้ผลน้อยกว่าปลูกลงกระถาง ประมาณ 30-40% ป้าละมวลปลิดผลมะนาวน้ำหอมอุดรจากต้นให้ผู้เขียนลองสัมผัสมะนาวน้ำหอมอุดรมีผลขนาดใหญ่ น้ำเยอะพอสมควร แต่ที่โดนใจสุดๆ ก็คือ กลิ่นหอมที่แตะจมูกให้ความรู้สึกสดชื่นมาก เรียกว่า อยากได้พันธุ์มะนาวน้ำหอมอุดรมาปลูกที่ กทม. สักต้นทีเดียว

สวนเกษตรผสมผสานแห่งนี้ ปลูกดูแลในลักษณะเกษตรอินทรีย์ แม้กระทั่งปุ๋ยเคมีก็ไม่ได้ใช้ เพราะป้าละมวลเลี้ยงวัวอยู่แล้ว จึงใช้ปุ๋ยคอกที่มีอยู่มาบำรุงต้นไม้ที่ปลูกดูแลในสวนแห่งนี้ ช่วยประหยัดเงินค่าปุ๋ยได้อีก ขณะเดียวกัน ป้าละมวลลงทุนขุดสระน้ำในสวน ทำให้มีน้ำใช้ดูแลพืชผักไม้ผลไม้ยืนต้นต่างๆ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตออกขายได้ตลอดทั้งปี

สระน้ำ ในสวนเกษตรผสมผสาน

ป้าละมวล จัดสรรเวลาว่างที่มีอยู่ในแต่ละวันอย่างคุ้มค่า ตอนเช้าไปดูแปลงนา ดูแลสวนเกษตรผสมผสานแห่งนี้ ยามสายไปตัดหญ้าเลี้ยงวัว ยามบ่ายใช้เวลาทอผ้าไหม ป้าละมวลขยันทำงานไม่ได้หยุด ทำงานแบบนี้ทุกวัน ส่งผลให้เกษตรกรสตรีเหล็กวัย 76 ปี รายนี้ มีร่างกายแข็งแรง สุขภาพดีเต็มร้อย ไม่มีโรคประจำตัวแม้แต่นิดเดียว เรียกว่า เป็นเกษตรกรสูงวัยตัวอย่างประจำหมู่บ้านแห่งนี้ทีเดียว

………………

เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ.2563