“ปลูกผักด้วยใจ เพราะห่วงใยสุขภาพ” ที่…ชุมพร

คำถามในหลายๆ ครั้งที่ต้องการคำตอบมากที่สุดคือ หนึ่งชีวิตที่เรามีอยู่นี้เราต้องการอะไร ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่เรากำลังก้าวเดินอยู่พร้อมลมหายใจในวันนี้ จึงมีเพียงคำตอบชีวิตเราคือ ต้องพยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดนำมาสู่ให้กับชีวิตตัวเอง และพร้อมที่จะลงมือกระทำในทันที เพราะทุกเรื่องราวที่มีนั้นแน่นอนต้องมีการเริ่มต้นแล้วลงท้ายเกิดขึ้นเสมอ นี่คือสัจธรรมของชีวิตมนุษย์ เป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดากับทุกคน เมื่อเป็นเช่นนี้ขอให้มีความเชื่อเบื้องต้นก่อนว่า กระทำอย่างไรย่อมจะได้สิ่งนั้นตอบแทนกลับมาเช่นกัน เราจะไม่สามารถรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นได้บ้างหากเรายังไม่ได้ลงมือ เริ่มลงมือทันทีนะครับ อย่าพยายามให้เสียเวลาสำหรับเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตที่กำลังจะหมดไปทุกขณะที่เรากำลังหายใจ ชีวิตนี้ช่างสั้นเหลือเกิน

สวัสดีครับแฟนๆ ที่เคารพรักทุกท่าน ก่อนอื่นขอกราบขอบพระคุณแฟนๆ อย่างมากๆ จากนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านและผู้เขียน ที่ได้ให้แรงใจตลอดมา เนื่องจากจะได้รับการส่งเสียงไปหา ที่โทร. (081) 846-0652 หรือในเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ สมยศ ศรีสุโร หรือ ID Line. Janyos ชนิดไม่ขาดหาย ที่ผู้เขียนชอบมากๆ คือบอกไปว่าชอบทุกเรื่องราวที่นำมาเสนอ ขอขอบคุณจริงๆ อีกสักครั้ง

สำหรับปักษ์นี้ผมมีความมั่นใจว่าแฟนๆ ที่กำลังสนใจเรื่องนี้ต้องชอบอย่างแน่นอน เนื่องจากผมนำเสนอจากความต้องการของแฟนๆ ที่ส่งเสียงไปหา “อาจารย์ครับผมเกษียณอายุแล้ว อ่านคอลัมน์นี้มานานแล้ว ชอบมาก อยากจะปลูกผักกินเองหรือเหลือไว้แจกเพื่อนฝูงให้มีความสุขกับชีวิต ต้องการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ เพราะมีเนื้อที่ข้างบ้านไม่เยอะมาก ช่วยแนะนำตามแบบของอาจารย์หน่อยครับ จะรอนะครับ ขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรง อย่าเพิ่งหนีไปไหนนะครับ”

และ “หนูชอบคอลัมน์นี้มากติดตามตลอด เปิดเป็นหน้าแรกทุกครั้งที่หนังสือมาถึงบ้านเพราะเป็นสมาชิกคะ ดูในเฟซบุ๊กอาจารย์ประจำ ชอบจริงๆ สนุกสนานมาก อาจารย์อายุ 70 ปีแล้วจริงเหรอทำไมดูหนุ่มจัง” ประโยคหลังนี้ขอบอกหนูว่าชอบมากถึงมากที่สุด “หนูกับครอบครัวอยากให้อาจารย์นำเสนอเรื่องการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์ ได้ศึกษามาบ้างจากหลายๆ แห่ง แต่หากอาจารย์มีเรื่องเช่นนี้มานำเสนอบ้างตามแบบฉบับของอาจารย์จะดีมาก หนูจะใช้พื้นที่หลังบ้านที่มีไม่เยอะมาก ทำแบบไว้กินเองและเหลือแจกญาติพี่น้อง ขออวยพรให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง หนูจะรออ่าน ขอบคุณมากค่ะ”

ผมเขียนคอลัมน์นี้มานาน 10 กว่าปี ที่ชอบมากที่สุดคือเมื่อเขียนแล้วมีคนอ่าน ถึงจะไม่มากมาย อย่างน้อยคนที่แนะนำเรื่องไปหาเราต้องอ่านสัก 1 คน ก็ยังดี (555) จริงไหมครับแฟนๆ หลังจากนั้นผมทิ้งเรื่องนี้อยู่นานพอสมควร เนื่องจากพยายามค้นหาเรื่องที่ต้องนำมาตอบให้ตรงประเด็นคำถามแฟนๆ ให้ได้มากที่สุด

วันหนึ่งขณะเปิดหาเรื่องราวเช่นนี้จากมือถือเพราะมีความเชื่ออยู่แล้วว่าสามารถท่องเที่ยวไปได้ทั่วโลก มีเสียงดังขึ้นจากมือถือ “สวัสดีค่ะอาจารย์ หนูติดตามคอลัมน์นี้มาตลอด อาจารย์สนใจเรื่องการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์แบบกินเองแถมสามารถนำมาเป็นอาชีพเสริมได้อีกด้วยไหมคะ” อะไรจะเป็นเช่นนี้ เหมือนกำลังตรวจล็อตเตอรี่แล้วถูกรางวัลใหญ่ขึ้นมาทันที

เสียงนั้นเป็นเสียงคุณสุภาพสตรี แค่เสียงก็คงต้องคิดว่าน่ารัก และต้องสวยอีกต่างหาก รอช้าอยู่อีกทำไม ทันทีเลยสิครับ ผมระดมคำถามไปทันที เยอะอีกด้วย ให้เธอจดไว้เพื่อตอบผมเป็นข้อๆ และต่อไปนี้นี่คือคำตอบ “หนูชื่อมะปรางค่ะอาจารย์ ปัจจุบันอายุ 35 ปี รับราชการตำแหน่งนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สังกัดสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองระนอง” มะปราง หรือ คุณภมรรัตน์ แย้มจรัส คือเสียงของสาวสวยคนนี้

ต่อไปนี้คือรายละเอียดต่างๆ อีกต่อมาจากการบอกเล่าของสาวมะปราง ด้วยเธอมีตำแหน่งงานที่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ เป็นงานลงพื้นที่เพื่อส่งเสริมให้ความรู้แก่เกษตรกรเพื่อสร้างอาชีพ สร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกร เธอจึงพยายามหาข้อมูลด้านการเกษตรกรยุคใหม่พร้อมที่มีงานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่นำมาใช้

ที่สำคัญต่อมาเพื่อนำมาให้ความรู้พร้อมจำเป็นต้องมีตัวอย่างจริงประกอบเพื่อสาธิตให้เกษตรกรได้เห็นจริงสัมผัสได้จริง เนื่องจากต้องออกบรรยายให้ความรู้กับเกษตรกรที่สนใจตามงานต่างๆ ที่สำนักงานเกษตรอำเภอไปจัดงานตามที่ต่างๆ และเกษตรกรเป้าหมายที่ต้องการจะสื่อให้ทราบส่วนใหญ่เป็นคนเมือง จึงจำเป็นต้องปรับการทำเกษตรแบบข้อสำคัญ ข้อแรกที่ต้องนำมาคิดคือ นำมาใช้กับพื้นที่ที่มีจำกัด

ความคิดต่อมา สาวมะปรางจึงมีความคิดที่เหมาะสมที่สุดที่ต้องการนำมาเสนอคือการปลูกผักไร้ดินแบบระบบไฮโดรโปนิกส์ เนื่องจากจะสามารถใช้พื้นที่น้อยพร้อมสามารถดูแลได้ง่ายและสะดวก เธอเริ่มทดลองทุกเรื่องราว ทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการปลูกโดยใช้กะละมัง หรือจากกล่องโฟม การทดสอบปุ๋ย ตลอดจนการตรวจสอบสารตกค้างในผักก่อนเก็บผลผลิต

เพื่อให้ชัดเจนมากขึ้น สาวมะปรางคนเก่งคนนี้ได้ใช้พื้นที่ประมาณ 18 ตารางวา ข้างบ้านพักที่จังหวัดระนอง ปฏิบัติงานจริงพัฒนาการปลูกจากกล่องโฟมและกะละมัง มาเป็นแปลงการปลูกกับท่อ PVC หลังจากนั้นปรับปรุงเรื่อยมาจนได้ระดับหนึ่งที่คิดว่าเยี่ยมพอแล้ว จึงพร้อมเปิดให้เป็นที่เรียนรู้กับเกษตรกรและนักเรียนที่สนใจได้มาศึกษา เธอตั้งชื่อไว้ว่า “เดอะบีชฟาร์ม”

ต่อมาได้มีร้านอาหาร โรงแรมในตัวเมืองระนอง เมื่อทราบข่าวและเห็นผลผลิตของเธอที่ออกมาได้เยี่ยมมากจริงๆ จึงติดต่อซื้อ เธอสรุปความต้องการที่ลูกค้าส่วนใหญ่มากที่สุดได้ที่มี 5 ชนิด คือ กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค คอส เรดคอรัล และฟิลเลย์ไอซ์เบิร์ก แปลงของเธอจึงมีผัก 5 ชนิดนี้เท่านั้น

เมื่อมีความต้องการจากผู้สนใจกับผัก 5 ชนิดนี้มากขึ้น สาวมะปรางคนเก่งคนนี้จึงตัดสินใจขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้น ได้ไปปลูกที่บ้านตัวเอง ที่ตำบลพะโต๊ะ อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร อยู่ห่างจากระนอง ที่ทำงานประมาณ 50 กิโลเมตร สร้างโรงเรือนเพิ่มขึ้นอีก 2 เรือน ในเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา เธอสามารถเดินทางไปกลับได้สะดวกสำหรับในการดูแล และสามารถมีผักออกบริการกับผู้ต้องการได้ประมาณ 50-60 กิโลกรัม ต่อสัปดาห์

เธอบอกต่อไปอีกว่า สามารถเป็นอาชีพเสริมให้กับตัวเธอได้อย่างดี แปลงผักของเธอได้รับการรับรองมาตรฐานผักปลอดจากสารพิษจากวิชาการเกษตร และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ มีการส่งผักไปตรวจสารพิษตกค้างปีละ 2 ครั้ง

สุดท้าย เธอบอกไว้อย่างน่าสนใจอย่างมากครับ เดอะบีชฟาร์มของเธอนี้ เป็นฟาร์มผักไฮโดรโปนิกส์ขนาดเล็ก เลือกปลูกผักตามที่ลูกค้าต้องการ เหมาะกับทุกท่านที่สนใจ แม้ว่าจะมีงานประจำอยู่แล้วก็ตาม สามารถทำเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้อย่างแน่นอน ใช้เวลาว่างก่อนไปทำงานและหลังเลิกงานในการดูแล เดอะบรีชฟาร์มของเธอมีให้ท่านที่สนใจไปเยี่ยมหา ได้ทั้งสาขาระนอง และ พะโต๊ะ หรือติดตามได้ทาง Facebook : ผักไฮโดรโปนิกส์ เดอะบีชฟาร์มสาขาระนอง-สาขาพะโต๊ะ

ที่สำคัญอย่างมากคือ ทุกท่านที่ต้องการปลูกจะสามารถจัดการขั้นตอนได้ด้วยตัวเองอย่างไม่ยาก ตั้งแต่หยอดเมล็ด เพาะกล้า จนถึงการเก็บเกี่ยว ตลอดจนส่งถึงมือลูกค้า แค่ต้องมีคุณสมบัติ คือต้องมีความขยันและอดทนเท่านั้นเป็นพอ ท่านใดสนใจทุกรายละเอียดติดต่อ โทร. (098)126-3758 และ (089) 927-2745

“เดอะบีชฟาร์ม เป็นฟาร์มปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ขนาดเล็ก ต้องการผลิตผักปลอดสารพิษ สำหรับผู้รักดูแลสุขภาพ ดูแลอย่างละเอียดทุกขั้นตอน เราปลูกผักด้วยใจ เพราะห่วงใยสุขภาพค่ะ” สาวมะปรางหน้าหวานบอกสุดท้าย เยี่ยมมากครับ

ก้าวแรกที่มักจะได้ยินเสมอว่า จะเป็นก้าวที่ออกเดินได้ยากมากเป็นคำพูดที่มักจะได้ยินกันบ่อยมาก นับว่าถูกต้องอยู่นะครับ ทุกๆ การเริ่มต้นใหม่มักเจอกับอุปสรรคต่างๆ แน่นอน แต่ก็มีความจำเป็นอย่างมากที่ทุกคนต้องมีก้าวนี้ หากไม่มีก้าวแรกแล้วจะมีก้าวสุดท้ายได้อย่างไร อย่าพยายามไปกังวลกับสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่เรากำลังก้าวเดินอยู่กับวันนี้ และอย่ามัวมองจุดที่ตัวเองก้าวพลาด เพราะทุกๆ การก้าวพลาดนั้นคือประตูสู่ความสมหวังทั้งสิ้น ตราบใดที่เราไม่ยอมหยุดก้าวเดิน เรานั้นย่อมมีความเป็นอิสระที่จะจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้กับชีวิตของเราได้เสมอ อย่าพยายามเอาโชควาสนา หรือชะตาฟ้าดินลิขิตมากล่าวอ้างเป็นเหตุผลกับการดำเนินชีวิต เพราะทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันคือชีวิตของเรา ขอบคุณ สวัสดี