ณรงค์ศักดิ์ แป้นเพชร ทำกิ่งพันธุ์ไผ่หวานช่อแฮจำหน่าย อยู่ได้สบาย

ที่ผู้เขียนเกริ่นหัวเรื่องเช่นนี้ ก็เพราะว่าสำหรับเกษตรกรรายย่อย คือไม่ทำอะไรให้ใหญ่โต ทำแบบพอเพียง ชีวิตก็มีความสุขได้ เพราะชีวิตคนเรานั้นไม่ได้อยู่ยืนยาวถึงพันปี จะเสาะหาเอาอะไรไปมากมาย เป็นทุกข์กับชีวิตเปล่าๆ หาไปเยอะก็แค่นั้น เหนื่อย ทำงานมากไป โรคภัยไข้เจ็บก็ถามหา

อย่างเช่นชีวิตของเกษตรกรรายย่อยคนนี้ คุณณรงค์ศักดิ์ แป้นเพชร อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ที่ 3 ตำบลสันเขื่อน อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ แต่เดิมเขาเป็นคนจังหวัดนครสวรรค์ พ่อแม่มีอาชีพทำนา คุณณรงค์ศักดิ์ไปมีครอบครัว มีภรรยาอยู่เมืองแพร่

คุณณรงค์ศักดิ์ แป้นเพชร

ตอนแรกไปเป็นคนงานเพาะกล้าไม้ให้กับกรมป่าไม้ พอหมดฤดูเพาะกล้าไม้ คุณณรงค์ศักดิ์มีอาชีพค้าขาย ขายทุกอย่าง เช่น ต้มข้าวโพดขายตามหมู่บ้าน ใช้มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างสองคนกับภรรยา ต่อมาภรรยาเขาเสียชีวิตไป เขาก็อยู่กับลูกชายสองคน เวลานี้ลูกชายเรียนจบระดับอาชีวะทั้งสองคน มีการมีงานทำกันหมดแล้ว

คุณณรงค์ศักดิ์ ไปรับจ้างเพาะกล้าไม้กับกรมป่าไม้ จนได้ความรู้เกี่ยวกับการเพาะชำมาพอสมควร การไปรับจ้างเขาเพาะกล้าไม้จะมีรายได้จากงานเหมา เช่น เหมาใส่ถุงดำเรียบร้อย 1,000 ต้น ได้ 1,000 บาท คุณณรงค์ศักดิ์ทำกับลูกชายสองคน จะมีรายได้ 1,000 บาท ต่อวัน แต่งานเหมาแบบนี้ไม่ได้มีทุกวัน พองานหมดก็คือหมด

ต่อมาคุณณรงค์ศักดิ์เห็นว่า ต้นกล้าไผ่มีคนต้องการมาก คุณณรงค์ศักดิ์จึงไปเช่าที่นาปลูกไผ่หวาน 3 ไร่ ซึ่งค่าเช่าถูกแสนถูก ไร่ละ 300 บาท ต่อปี 3 ไร่ เสียค่าเช่า 1,000 บาท ต่อปีเท่านั้น คุณณรงค์ศักดิ์ไปเอาต้นไผ่หวานช่อแฮมาปลูกไว้ทั้งหมด 300 กอ ใช้เวลาเพียง 20 เดือน หรือปีเศษ ต้นไผ่หวานจะแตกเป็นกอใหญ่ด้วยการบำรุงด้วยปุ๋ยอินทรีย์

ขุดเหง้าใส่น้ำยาเร่งราก

หากจะทำหน่อไผ่หวานอย่างคนอื่น ต้องเปลืองเงินทุนอีกเยอะ เช่น ค่าน้ำมัน สูบน้ำเข้ารดกอไผ่ สูบน้ำแต่ละครั้งมีค่าน้ำมันอย่างน้อย 300-400 บาท ต่อวัน เป็นรายจ่ายแบบยังไม่มีรายรับ เกษตรกรรายอื่นๆ เขาจะทำหน่อขายในฤดูแล้ง หรือนอกฤดู ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม ในระยะฤดูแล้งนี้หน่อไผ่หวานนอกฤดูจะมีราคาสูงกว่าในฤดูฝน ซึ่งการจะทำให้หน่อไม้ออกในฤดู ต้องเอาใจใส่ มีต้นทุนเกิดขึ้น ถ้าหากทำ 10-20 ไร่ ทำสองคนไม่ไหว ต้องจ้างแรงงานมาช่วย ก่อนจะได้หน่อไปขายต้องตัดลำแก่ออก เหลือลำที่จะให้ออกหน่อ เพียงกอละ 4-5 ลำ เท่านั้น

ตัดลำแก่ออกแล้วเก็บไปกองไว้เป็นกอง แล้วเก็บกวาดใบไผ่ใส่ในกอไผ่เพื่อให้ชุ่มชื้นเวลารดน้ำ จากนั้นก็ต้องพรวนดินรอบๆ กอ ให้สูงขึ้น เอาฟางข้าวหรือใบไม้ถมกอไว้ ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ กอละ 3-4 กระสอบปุ๋ย แล้วต้องรดน้ำทุกๆ วัน ถึงจะได้หน่อ ตอนออกหน่อต้องบำรุงด้วยปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 (สูตรเสมอ) เรียกได้ว่าระยะเกือบ 2 เดือน กว่าจะได้หน่อจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ถ้าใครไม่มีเงินทุนจะทำไม่ได้

บรรทุกต้นพันธุ์ไปส่งลูกค้า

“ผมเห็นรายจ่ายและค่าแรงแล้วก็ไม่เบา อีกอย่างร่างกายผมไม่ค่อยแข็งแรง ผมเลยใช้วิธีเพาะชำต้นกล้าส่งเขาดีกว่า ง่ายกว่า ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก” คุณณรงค์ศักดิ์ บอก

เมื่อกอไผ่หวานช่อแฮแตกเป็นกอใหญ่แล้ว ก็จะใช้วิธีขุดเหง้าแยกออกมาใส่ถุง ใส่น้ำยาเร่งราก

การแยกพันธุ์ไผ่หวานช่อแฮ ทำได้วิธีเดียวคือ ขุดเหง้าอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนไผ่อื่นๆ เช่น ไผ่ซางหม่น ไผ่หก (ไผ่ชนิดลำใหญ่) เขาจะใช้วิธีตอนกิ่งแขนง การทำพันธุ์ด้วยกิ่งแขนงจะมีรากไม่เยอะ เวลานำไปปลูกจะใช้เวลานาน กว่าไผ่จะโตออกหน่อเป็นกอ แต่การแยกพันธุ์ด้วยการขุดเหง้าจะได้รากเยอะกว่า ไผ่จะแตกกอได้เร็วกว่า ปลูกเพียง 8-10 เดือน บำรุงกอให้ดีก็จะมีลำแตกออกมาเกือบ 20 ลำ เป็นกอไผ่ได้เร็วกว่า เกษตรกรส่วนใหญ่เขาจะชอบต้นพันธุ์แบบขุดเหง้า

ได้รับความนิยม

เมื่อขุดเหง้าออกมา ต้องรีบให้น้ำทันที ขุดกองไว้แล้วใส่น้ำยาเร่งราก นำบรรจุถุงโดยเร็ว อย่าขุดทิ้งไว้นาน ส่วนมากจะทำได้ทุกฤดู กอหนึ่งจะขุดออกมาได้ประมาณ 2-3 ต้น

ต้นพันธุ์จะต้องมีอายุประมาณปีเศษ ถ้าต้นอ่อนกว่านี้ จะไม่ค่อยดี เมื่อปลูกไผ่หวานเพื่อจะทำต้นพันธุ์ เมื่อกออายุได้ 1 ปี ก็ขุดได้ กอหนึ่งมี 20 ลำ ก็ขุดออกมา กอละ 3-4 ลำ เท่านั้น ที่เหลือก็ต้องบำรุงด้วยปุ๋ยอินทรีย์ หน้าฝนไม่ต้องรดน้ำ จะรดเฉพาะฤดูแล้ง หรือไม่รดเลยก็ได้ ถ้าเราไม่ได้ทำหน่อในฤดูแล้ง กอไผ่จะไม่มีปัญหาอะไร หากไผ่โตเป็นกอแล้ว ไม่รดน้ำเขาก็อยู่ได้สบาย

คุณณรงค์ศักดิ์ หรือ คุณแป๊ะ ของเด็กๆ ในหมู่บ้าน จะขุดกล้าพันธุ์ขายส่งให้แม่ค้าขายต้นไม้ ในราคาต้นละ 40 บาท ส่งครั้งละ 400 ต้น จะได้ 16,000 บาท

สำหรับกิ่งพันธุ์ไผ่หวานช่อแฮ สนใจติดต่อ คุณณรงค์ศักดิ์ แป้นเพชร โทร. 064-429-8814

ไผ่ช่อแฮ หลังปลูกได้ 2 เดือน
ชำพอรากงอก ไม่นานพร้อมจำหน่ายได้

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ.2563