ผู้ใหญ่บ้านปลูกกระเจี๊ยบแดง มีรายได้เสริมจากพืชหลัก ที่เมืองเลย

ผู้ใหญ่ปรีชา นาคพรม อยู่หมู่ที่ 5 ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เป็นเกษตรกรตัวอย่างอีกท่านหนึ่ง สมควรกล่าวถึง ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางขึ้นไปที่ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย หลายครั้ง เพื่อไปเยี่ยมเยือนเกษตรกรชาวอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย พบว่า พื้นที่เกษตรละแวกนี้ภาษาราชการเขียนเอาไว้ว่า “เกษตรบนพื้นที่สูง” ถ้าคนพื้นล่างโดยทั่วไปได้ยินอาจจะคิดว่าเป็นชาวเขา หรือชนเผ่าทั้งหลาย แบบภาคเหนือตอนบน พวกชนเผ่าทั้งหลายชอบอยู่บนภูเขา คนทั่วไปเรียกกันว่า คนบนดอย

ผู้ใหญ่ปรีชา นาคพรม ผู้ใหญ่หมู่ที่ 5 ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ปลูกไผ่หวาน และกระเจี๊ยบแดงเป็นรายได้เสริม

แต่เกษตรกรที่ตำบลกกสะทอน ส่วนใหญ่ไม่ใช่ชนเผ่า หรือชาวเขา แต่เป็นประชาชนที่อพยพจากพื้นราบขึ้นไปอยู่ เป็นผู้คนจากจังหวัดพิษณุโลกบ้าง กำแพงเพชรบ้าง เพราะที่ดินทำกินแถวพื้นล่างมีราคาแพงขึ้นทุกวัน สมัยแต่ก่อนที่ดินละแวกใกล้เคียง เช่น อำเภอนครไทย อำเภอชาติตระการ ราคาไม่แพงนัก แต่ก็มีนายทุนเข้ามาจับจองซื้อขายกันมากมายจนปัจจุบันคนจนขายที่กินกันหมดแล้ว ตกอยู่ในมือกลุ่มนายทุน ข้าราชการที่มีเงินหนากว่าชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ โดยทั่วไปที่ดินอำเภอชาติตระการ สมัยเมื่อ 20 ปีก่อน ซื้อขายกันไร่ละ 1,000-2,000 บาท เท่านั้น ปัจจุบันราคาหลักแสนเข้าไปแล้ว

บรรทุกหน่อไผ่หวานและกระเจี๊ยบแดง ไปส่งตลาดจังหวัดพิษณุโลก

ครอบครัวของ ผู้ใหญ่ปรีชา นาคพรม แต่เดิมก็เป็นคนจังหวัดพิษณุโลก พ่อแม่ได้มาจับจองที่ดินบนดอย คือ ตำบลกกสะทอน ในปัจจุบัน สมัยก่อนนั้นไม่ได้ซื้อขายกัน แต่เข้ามาจับจองเอาได้เลย แรกเริ่มก็อาจจะมาทำไร่เลื่อนลอย ปลูกข้าวกัน แต่ต่อมาในปัจจุบันทางราชการเข้มงวด ไม่ให้บุกรุกป่าอีกต่อไป ใครมีที่ดินเท่าไรก็ทำแค่นั้น เพราะป่าเขตนี้คือ ป่าสงวนแห่งชาติ ราชการไม่ออกเอกสารใดๆ ให้ ให้ทำการเกษตรเท่านั้น เพราะชาวบ้านมาจับจองอยู่กันนานแล้วจะไล่ออกจากพื้นที่ก็ไม่ได้ จึงจำเป็นต้องอนุโลมให้อยู่ทำกินกันต่อไป ดังนั้น ชาวบ้านละแวกนี้จึงมีสิทธิทำเท่าที่ตนเองมีอยู่ เช่น ครอบครัวละ 5 ไร่ 10 ไร่ แต่ไม่เกิน 20 ไร่ ส่วนใหญ่จะปลูกพืชล้มลุก เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง และผักเมืองหนาว เช่น เสาวรส หม่อน ผักกาดขาวปลี กะหล่ำ กาแฟบ้าง

เพาะต้นกล้ามะคาเดเมีย

ส่วนของผู้ใหญ่ปรีชา แกปลูกยางพาราเอาไว้แปลงละ 10 ไร่ 2 แปลง ปาล์ม 2 แปลง เป็นพืชยืนต้น ส่วนพืชล้มลุกก็มีมันสำปะหลังบ้าง ไร่ของผู้ใหญ่ปรีชาจึงมีทั้งพืชยืนต้นและพืชล้มลุกสลับกัน เพื่อให้มีรายได้หมุนเวียน พืชยืนต้น คือยางพารา ก่อนที่จะได้ผลผลิตจากยาง ผู้ใหญ่ปรีชาก็จะปลูกพืชระยะสั้นต่างๆ เช่น เสาวรส สมุนไพรหลายชนิด เพื่อให้มีรายได้เป็นรายวัน รายเดือน รายสัปดาห์ ก่อนจะมีรายได้จากยางพาราต้องใช้เวลาเกือบ 10 ปี ผู้ใหญ่ปรีชาจะปลูกมันสำปะหลังและข้าวโพด และพืชผักเมืองหนาวระยะสั้นไปก่อน พร้อมทั้งออกรถไถแทรกเตอร์ราคาหลายแสนบาทเพื่อรับจ้างทั่วไป พอมีรายได้ประจำวัน เพื่อใช้จ่ายในครอบครัวส่งลูกเรียนจนจบปริญญาไปสองคนแล้ว

ผู้ใหญ่ปรีชา

กระเจี๊ยบแดง เป็นพืชผักสมุนไพรที่ชาวบ้านชงดื่มเพื่อเป็นยา จะมีแม่ค้าจากข้างล่างมาสั่งให้เกษตรกรปลูก จะให้ราคากิโลกรัมละ 20 บาท (สด) ถ้าแห้ง จะให้ 40 บาท กระเจี๊ยบ 2 กิโลกรัม ตากแห้ง จะเหลือ 1 กิโลกรัม คือน้ำหนักจะหายไปครึ่งหนึ่ง พื้นที่ 1 ไร่ เก็บสดจะได้ประมาณ 700-800 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 20 บาท ก็จะได้ประมาณหมื่นกว่าบาท เท่ากับ 16,000 บาท หักต้นทุนค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าไถ ค่าปุ๋ย ออกไปก็จะเหลือ 12,000 บาท ต่อไร่ ปลูก 3 ไร่ ก็ได้สามหมื่นกว่าบาท โดยไม่จ้างแรงงาน ถ้าหากมีแรงงานเกิดขึ้น เจ้าของจะเหลืออยู่ครึ่งเดียว ถ้าหากแม่ค้ามากดราคาอีก ก็จะเหลือลดน้อยลงมา ดังนั้น ผู้ใหญ่ปรีชาจะทำแต่ในครอบครัว คือช่วยกัน สามี ภรรยา (และลูก ในวันหยุดเรียน)

“ไม่ทำพืชระยะสั้นไม่ได้หรอก เราต้องมีกินมีใช้ประจำวัน” ผู้ใหญ่ปรีชา บอกกับผู้เขียน ผู้ใหญ่ปรีชา บอกว่า ที่ดินที่ทำกินกันอยู่ในเขตตำบลกกสะทอนนี้แทบจะไม่มีโฉนด ส่วนใหญ่เป็นเขตของ ส.ป.ก. 4-01 และที่ดินของกรมป่าไม้

ทำกล้าไผ่ส่งลูกค้า

ที่ดินของกรมป่าไม้ ชาวบ้านต้องเสียภาษี ที่เรียกว่า ภ.บ.ท.5 ภาษีบำรุงท้องที่ สำหรับที่ดินของกรมป่าไม้นี้ ถ้าหากเกษตรกรไปแปรรูปเป็นอย่างอื่น เช่น เอาไปให้คนมีเงินมาทำรีสอร์ตจะมีความผิดทันที ทางราชการต้องการให้เกษตรกรมีที่ดินทำกิน หรือเพื่อให้ทำการเกษตรเท่านั้น

ที่ดิน 3 ไร่ ของผู้ใหญ่ปรีชา ปลูกกระเจี๊ยบแดง ก็จะมีรายได้ 10,000-20,000 บาท กระเจี๊ยบแดง เป็นพืชล้มลุกระยะสั้น จะทำมากไม่ได้ เพราะถ้าทำไปแล้วไม่มีผู้รับซื้อก็จะลำบาก กลุ่มเกษตรกรจะทำเฉพาะเมื่อมีคนมาสั่งให้ทำเท่านั้น ดังนั้น เกษตรกรบนพื้นที่สูงที่ตำบลกกสะทอน จะปลูกพืชผักตามออเดอร์เท่านั้น ไม่มีการปลูกแล้วเอาไปขายเอง เพราะระยะทางจากพื้นที่สูงไปหาตลาดไกลพอสมควร

กระเจี๊ยบแดง เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 1.2-2 เมตร กิ่งก้านมีสีม่วงแดง ใบมีหยักเว้า 3 หยัก ขอบใบเรียบ ดอกมีสีชมพู ตรงกลางจะมีสีเข้มกว่าส่วนนอกของกลีบ เมื่อกลีบดอกร่วงโรย กลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงจะเจริญขึ้น มีสีม่วงแดงเข้ม มีรสเปรี้ยว กระเจี๊ยบแดงเป็นพืชที่ปลูกเลี้ยงง่าย ชอบอากาศร้อน หรือค่อนข้างร้อน ทนต่อความแห้งแล้ง และไม่ชอบน้ำขัง กลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงของกระเจี๊ยบแดง เมื่อนำมาต้มกับน้ำใช้ดื่มแก้ร้อนใน กระหายน้ำ มีสรรพคุณป้องกันการจับตัวของไขมันในเส้นเลือด

ปลูกผักเชียงดา บนยอดดอย

การขยายพันธุ์ และการปลูกกระเจี๊ยบแดง… ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด พันธุ์พื้นเมืองจะมีกลีบขนาดเล็ก ไม่หนา แต่มีสารสำคัญสูง เลือกพื้นที่แจ้ง มีแสงแดดจัดเต็มวัน ไม่มีน้ำขัง ขึ้นได้ในดินทุกชนิด กระเจี๊ยบแดงเป็นพืชไวแสง จะออกดอกเมื่อวันสั้น จึงควรปลูกในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งจะออกดอกเมื่ออายุประมาณ 120 วัน นำเมล็ดไปแช่น้ำ คัดเมล็ดลอยทิ้ง เก็บไว้เฉพาะเมล็ดจม นำขึ้นผึ่งลมจนแห้ง แล้วนำไปปลูก

 วิธีการปลูก…ใช้วิธีหยอดเมล็ด หยอดหลุมละประมาณ 2-3 เมล็ด ระยะปลูกระหว่างต้น 1 เมตร ระหว่างแถว 1 เมตร แล้วกลบดินเล็กน้อย เมื่ออายุได้ 3-4 สัปดาห์ เป็นต้นอ่อน ถอนให้เหลือหลุมละ 1 ต้น การปลูกในภาชนะควรเตรียมดินร่วนซุย หยอดลงในภาชนะปลูก แล้วกลบดินเล็กน้อยตั้งไว้ในที่มีแสงแดดทั้งวัน

การดูแลรักษากระเจี๊ยบแดง …ระยะอายุ 30-60 วัน หลังเมล็ดงอก ควรให้น้ำสม่ำเสมอ หลังจากนั้นจะทนต่อความแห้งแล้งได้ดี

เก็บหน่อไผ่หวานจำหน่ายที่ตลาดสดด้วย เป็นรายได้ประจำวันพุธ

การใส่ปุ๋ย …ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยอินทรีย์ ช่วงที่เริ่มเจริญเติบโต อายุ 10-15 วัน และอายุ 40-50 วัน ไม่ควรให้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนมากเกินไป กำจัดวัชพืชรอบๆ โคนต้นอย่างสม่ำเสมอ

การเก็บเกี่ยวกระเจี๊ยบแดง …เก็บเกี่ยวประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม วิธีการเก็บเกี่ยว เก็บส่วนดอกกระเจี๊ยบแดงเฉพาะดอกที่แก่ ใช้กรรไกร หรือมีดตัดใส่ในภาชนะที่สะอาด และมีวัสดุรอง แยกกลีบเลี้ยงและกลีบดอกออกจากเมล็ด นำไปตากแดดจนแห้งสนิท เลือกต้นกระเจี๊ยบแดงที่มีดอกโต เนื้อหนา สีแดงเข้ม เก็บเมล็ดแก่ไว้ทำพันธุ์

การใช้ประโยชน์ในครัวเรือน… กลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงสด นำมาต้มกับน้ำและน้ำตาล ใช้ดื่มแก้ร้อนใน กระหายน้ำ และป้องกันการจับตัวของไขมันในเส้นเลือด นำกลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงตากแห้ง บดเป็นผง นำมาชงในน้ำเดือดครั้งละ 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 ถ้วย ดื่มวันละ 3 ครั้ง จะช่วยขับปัสสาวะ ใบของกระเจี๊ยบแดง ใช้แกงส้ม มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา

 

เมื่อวันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2563