สวนลุงเล็ก ไทรน้อย เมืองนนท์ แหล่งรวบรวมพันธุ์มะม่วงจากไต้หวัน สวยงาม รสชาติอร่อย

มะม่วงจินชิง

คุณเสน่ห์  ลมสถิตย์  หรือ ลุงเล็ก (อายุ58ปี2559)ได้ชื่อว่าเป็นผู้รวบรวมและขยายพันธุ์มะม่วงจากไต้หวันไว้มากที่สุดคนหนึ่งในขณะนี้ แต่ผู้ที่รู้เรื่องมะม่วงไต้หวันดีมีอยู่ท่านหนึ่งคือ ดร.กาญจนา สุทธิกุล อาจารย์จบจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติจงชิง สาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน)มีความเชี่ยวชาญเรื่องมะม่วงไต้หวัน อาจารย์ได้เขียนตำราเกี่ยวกับมะม่วงไว้หลายเล่ม ดังนั้นผู้ที่รู้เรื่องราวของมะม่วงไต้หวันก็คือดร.กาญจนา สุทธิกุล  ส่วนผู้ที่รวบรวมมะม่วงไต้หวันไว้มากคือ ลุงเล็ก

ลุงเล็กกับมะม่วงหงจู

อาชีพเดิมของลุงเล็กไม่ใช่เกษตรกร ลุงเล็กผ่านชีวิตล้มลุกคลุกคลานทนทุกข์อย่างสาหัสก็ว่าได้กว่าจะลุกขึ้นยืนหยัดอยู่อย่างภาคภูมิได้ทุกวันนี้  ลุงเล็กมีบ้านอยู่ที่บ้านเลขที่ 53/1 หมู่ที่ 5 ตำบลขุนศรี อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี  ลุงเกิดที่บางบัวทองมีพี่น้อง 4 คน ตนเองเป็นที่ 3  ตอนนั้นเตี่ยไปเช่าที่ทำสวนผักอยู่บางบัวทอง อายุได้ 4 ขวบเจ้าของที่ที่เตี่ยเช่าทำสวนผักเขาเอาที่คืนไล่เตี่ยออก จึงต้องอพยพครอบครัวนั่งเรือยนต์โดยสารกลับมาที่บ้านตำบลบางขุนศรีอาศัยที่ของตา ส่วนเตี่ยเป็นลูกจ้างทำงานที่โรงสี  แบกข้าวสารและงานอื่นๆในโรงสี  เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นอายุได้12 – 13 ปีจบชั้นป.4แล้ว  ออกหาปลา รับจ้างดำนา เกี่ยวข้าว และงานอื่นๆที่มีคนมาจ้าง  พอถึงหน้าเกี่ยวข้าวก่อนปีใหม่ต่างพากันไปรับจ้างเกี่ยวข้าวที่คลอง5คลอง6ไปกัน 10 กว่าคนส่วนใหญ่เป็นญาติพี่น้องกัน แจวเรือกันไปออกแม่น้ำเจ้าพระยาถ้าโชคดีมีเรือโยงผ่านก็อาศัยเกาะเรือโยงมาจนมาถึงประตูน้ำรังสิต รอจนประตูน้ำรังสิตเปิดถึงแจวต่อเข้ามาคลอง5คลอง6  พักที่บ้านของคนจ้างเกี่ยวข้าวกางเต๊นท์ทำกับข้าวกินกันเอง เตรียมข้าวสาร พริก เกลือกะปิน้ำปลาไป ส่วนปลา ผักบุ้ง ผักกะเฉดหากันในคลอง ปักหลักเกี่ยวข้าวกันเป็นเดือน เสร็จจากเจ้านี้ก็ไปอีกเจ้าเรื่อยๆแต่อาศัยพักที่จุดเดิม

หมดหน้าเกี่ยวข้าวแล้วจึงแจวเรือกันกลับบ้านขุนศรี จากนั้นก็หาปลาเหมือนเดิมในคลองพระพิมล จนกระทั่งถึงวัยหนุ่มอายุได้ 21 ปี ยกเว้นการเกณฑ์ทหารเนื่องจากขาลีบจากโรคโปลิโอข้างหนึ่ง จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯทำงานอยู่ที่ร้านขายวัสดุก่อสร้าง จำหน่ายปูน หิน ทราย อิฐ  เสาคอนกรีต วงบ่อ เป็นร้านของอา ทำอยู่ได้ 2 ปีก็กลับมาบ้านขุนศรีไปรับจ้างเดินสายไฟฟ้ากับลูกของลุงได้สักพัก  เพื่อนชวนเข้ากรุงเทพฯอีกคราวนี้ไปเป็นช่างทำเฟอร์นิเจอร์อยู่ที่เตาปูน อายุ30 ปีกว่าได้แต่งงาน ทำงานเป็นช่างเฟอร์นิเจอร์อยู่ได้ 20 ปี ตอนนั้นตาให้ที่ไว้ 5 ไร่ บอกให้น้องชายทำสวนผักโดยกู้เงินมาจาก ธกส. การทำสวนผักประสบความล้มเหลวมีหนี้สิ้นท่วมตัวไม่มีทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยส่งชำระคืน ธกส. จึงต้องเลิกจากงานเป็นช่างทำเฟอร์นิเจอร์ เดินทางกลับบ้านขุนศรีอีกปลูกกระท่อมหลังเล็กอยู่ปลายสวน จากสวนผักเปลี่ยนมาเป็นสวนชมพู่ ชมพู่เพชรน้ำผึ้ง, เพชรสามพราน, เพชรบ้านแพ้ว, นัมเบอร์วัน, แดงอินโดและชมพู่ทับทิมจันท์และปลูกฝรั่งแป้นสีทองแซม ลุงเล็กคอยเอาใจใส่ดูแลชมพู่ทับทิมจันท์เป็นอย่างดีชมพู่ได้คุณภาพดีและรสชาติหอมหวาน ราคาขณะนั้นกิโลกรัมละ 100 บาท แต่พอขายให้พ่อค้าคนกลางเขากดราคาให้กิโลกรัมละ 18 บาท  เพื่อนคนหนึ่งได้แนะนำว่า ทำไมไม่ลองเอาชมพู่ไปขายเองบ้าง โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง   ลุงเล็กเอาชมพู่ไปขายเองขายได้ถึงกิโลกรัมละ 80 บาท ขายได้วันละ 400 กิโลกรัม  ต่อมาเกษตรกรขยายพื้นที่ปลูกชมพู่ทับทิมจันท์กันมาก  เลยหันมาปลูกมะม่วงมหาชนกที่กำลังมาแรงในขณะนั้นปลูกไว้ 5 ไร่    แต่ ธกส.ยังคงทวงหนี้เช่นเดิม หลังจากปลูกมะม่วงได้ผลผลิตดีขายได้เงินมาก ทำให้สามารถชำระเงินคืนให้ ธกส.ได้บ้าง

อาจารย์นัย บำรุงเวช กับลุงเล็ก

วันหนึ่งได้ไปเที่ยวเดินดูที่ตลาดนัดจตุจักรนำผลชมพู่ทับทิมจันท์ไปด้วย ช่วงนั้นกระแสชมพู่ทับทิมจันท์ยังไม่ตกถือเป็นของใหม่แปลกตามีผลสีแดงเข้มต่างจากชมพู่ทั่วไป ผลชมพู่ทับทิมจันท์ไปต้องตาของแม่ค้าขายกิ่งพันธุ์ไม้ จึงบอกให้ลุงเล็กทำกิ่งตอนมาขาย ให้ทำกิ่งตอนขนาดใหญ่ ปรากฏว่ากิ่งขายดีมากเพราะคนตื่นตัวชมพู่สีแดงเข้ม จากนั้นได้ทำกิ่งมะม่วงน้ำดอกไม้มัน ส่งให้กับหน่วยงานราชการ เช่น อบต.,อำเภอ เพื่อเอาไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านตามโครงการต่างๆ  ปีพ.ศ.2543 จึงหาหนทางที่เปิดร้านขายกิ่งพันธุ์เองบ้างที่จตุจักร โดยขอเช่าร้านที่โครงการ 11 เป็นร้านของเจ้านายของภรรยาตนเอง ขายอยู่ได้ 2 ปีก็ย้ายมาอยู่ที่โครงการ17ถึงปัจจุบัน   ในปีพ.ศ.2550 เงินที่เก็บหอมรอมริบไว้มากพอจึงปลูกบ้านหลังใหม่

ปีพ.ศ.2553 เพื่อนชาวไต้หวันนำกิ่งพันธุ์มะม่วงไต้หวันมาให้หลายพันธุ์  ลุงเล็กได้อบในถุงพลาสติกมัดปากถุงพักฟื้นประมาณ 1 เดือนจึงคลี่ปากถุงออกให้กิ่งได้ปรับตัวสัก 1 สัปดาห์ก่อนเอาออกจากถุง ดูแลกิ่งพันธุ์จนแข็งแรงดีจึงเอาออกจำหน่ายในราคาต้นพันธุ์ค่อนข้างแพง มีเจ้าของสวนมะม่วง,เจ้าของร้านขายกิ่งพันธุ์หลายแห่งซื้อไปเพื่อขยายกิ่งพันธุ์ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามะม่วงไต้หวันพันธุ์แปลกๆผลสีแดงสดได้ปรากฏให้คนไทยรู้จัก โดยเฉพาะมะม่วงผลใหญ่สีแดง นอกเหนือไปจากมะม่วงยู่เหวินผลสีแดงที่ถูกนำเข้ามาเป็นพันธุ์แรก พันธุ์มะม่วงไต้หวันที่นำเข้ามาได้แก่

1.พันธุ์หงหลงหรือมังกรแดง เป็นพันธุ์แรกที่นำเข้ามา ผลค่อนข้างเล็กรูปไข่เรียวยาวน้ำหนักอยู่ระหว่าง 400-500 กรัม ผิวสีแดงส้มบ้างหรือสีชมพูแดงบ้าง แต่บางครั้งผิวสีก็ไม่แน่นอน เนื้อละเอียดมีเสี้ยนน้อย เมล็ดเล็กความหวานพอดี

2.หงเซียงหยาหรืองาช้างแดง มะม่วงที่กำลังได้รับความสนใจมากพันธุ์หนึ่ง ผิวและรูปทรงสวยงาม ผลยาวคล้ายมะม่วงหนังกลางวัน ส่วนปลายโค้งคล้ายงาช้างดูอ่อนช้อย ด้านที่ถูกแดดผิวเป็นสีชมพูเข้มออกแดง น้ำหนักระหว่าง 400-750 กรัมดูแลดีน้ำหนักสูงสุดได้ถึง2กิโลกรัม เนื้อละเอียดอ่อน มีเส้นใยน้อย  ปัจจุบันกิ่งพันธุ์ราคาเริ่มถูก

3.หงไค่เท่อหรือเคียทท์แดง ผลใหญ่กลมรูปหัวใจสีแดงปลายผลมีจะงอยปากเล็กน้อย น้ำหนักได้ถึง1 กิโลกรัม

มะม่วงเกาสงเบอร์ 3

4.เกาสงเบอร์3 ผลขนาดกลาง ผิวเลือกสีเขียว ผลสุกเป็นสีเหลืองอร่าม รสชาติหวานหอมแต่เสี้ยนมาก

5.อ้ายเหวินหรือเออร์วิน ผลค่อนข้างเล็กสีแดงประสีเลือดเป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมและปลูกกันมากในไต้หวัน

มะม่วงซือมี่หรือฉือมี่

6.ซือมี่หรือฉือมี่ (มะม่วงน้ำผึ้งสีม่วง) ผลกลมรูปหัวใจใหญ่ มีน้ำหนักมากพันธุ์หนึ่ง น้ำหนัก1-1.5 กิโลกรัม  ผิวสีแดงถึงม่วงเข้ม  ความหวาน 16-17 องศาบริกซ์

มะม่วงมี่หวง

7.หงมี่หวง ผลค่อนข้างเล็กรูปไข่ยาวสีผลไม่แน่นอนผลสีเหลืองส่วนหัวสีแดงบางทีผลเป็นสีเขียว

8.มีหวง  พัฒนาสายพันธุ์มาจากอ้ายเหวิน ผลขนาดกลางผลยาวกว่าอ้ายเหวินเล็กน้อยผิวสีเหลืองส้ม ส่วนหัวเป็นสีส้มแดง

มะม่วงสุ่ยมี่เถา

9.สุ่ยมี่เถาหรือมะม่วงกลิ่นลูกท้อ ผลค่อนข้างเล็กรูปไข่เรียวยาว สีผลไม่แน่นอนเช่นกัน

10.ผิงกัวเหวินหรือแอปเปิ้ลแดง ผลกลมรูปหัวใจผลใหญ่มากผลค่อนข้างกลม น้ำหนัก1-1.5 กิโลกรัม ผิวจะเปลี่ยนจากสีม่วงเข้มเป็นสีแดงเมื่อแก่ ความหวาน 18 องศาบริกซ์

11.ไคเท่อหรือ เคียทท์ ผลใหญ่สีเขียวแก่ช้ากว่าเพื่อน มีความหวานน้อยติดเปรี้ยวและกลิ่นแรง

มะพร้าวปากีสถาน(ซ้าย-ชื่อพันธุ์มะม่วง ) เปรียบเทียบกับมะพร้าวน้ำหอม

12.มะพร้าวปากีสถาน เป็นชื่อมะม่วงไม่ใช่มะพร้าว ผิวเปลือกสีเขียว ผลใหญ่คล้ายมะพร้าวและเนื้อกรอบคล้ายเนื้อมะพร้าว ผลขนาดเท่ามะพร้าวน้ำหอม น้ำหนัก1กิโลกรัมขึ้นไป รับประทานได้ทั้งผลแก่และผลสุก ผลแก่มีเนื้อกรอบหวานมัน

มะม่วงจินมี่

13.จินมี่หรือน้ำผึ้งทอง ผลสุกสีเหลืองเข้มสวยสดสะดุดตา รสชาติหวานมากมีกลิ่นหอม

มะม่วงจินชิง

14.จินซิง ผลใหญ่คล้ายยู่เหวินผิวสีแดงสวยแต่ที่ปลายผลมีจะงอยปากเหมือนกับมะม่วงซานหลิน น้ำหนักผลได้ถึง 1 กิโลกรัม

มะม่วงไทนงเบอร์1

15.ไทนง เบอร์1 ผลคล้ายอ้ายเหวินผลค่อนข้างเล็กน้ำหนักระหว่าง 250-300 กรัมผิวสีเหลืองส้มความหวานมาก16-21 องศาบริกซ์

16.เฮยเชียง  ผลขนาดกลางน้ำหนักระหว่าง 450-460 กรัม ผลผิวเปลือกเขียวเข้มสุกแล้วผิวยังเป็นสีเขียวเนื้อมีกลิ่นหอมคล้ายลำไย ความหวาน 16 องศาบริกซ์ เนื้อสีเหลืองส้ม

17.เซียงเหวิน ผลขนาดกลางผิวเปลือกสีเขียวผลสุกสีเหลืองประสีเขียวมีเสี้ยนน้อย รสหวานหอมความหวานประมาณ 16 องศาบริกซ์ แก่ช้ากว่าอ้ายเหวิน

18.จีตั้นหรือหนงหมินตั๋ง(คนละชนิดกับหนงหมินตั๋งอี้ฮาวหรือหนงหมินตั๋งเบอร์1)บางครั้งเรียก มะม่วงจิ๋ว มะม่วงไข่ไก่มีขนาดเล็กเท่าไข่ไก่ ผิวเปลือกสีเหลืองส้มส่วนหัวมีสีแดง เมล็ดลีบบางไม่มีส่วนที่จะเจริญเป็นต้นอ่อนอยู่ภายใน เพาะไม่งอก  ถึงลูกเล็กก็จริงแต่ปริมาณเนื้อมีมาก  ขนาดของผลไม่แน่นอน ถ้าบำรุงรักษาดีควบคุมให้ติดผลน้อย ผลจะใหญ่ได้และมีเมล็ดใน

มะม่วงกุ้ยเฟย

19.กุ้ยเฟย  ผลค่อนข้างยาวผิวสีแดงสดใส น้ำหนักระหว่าง 1-1.2 กิโลกรัม ความหวานเกิน16 องศาบริกซ์ เมล็ดบางเนื้อหนา เก็บไว้ได้นาน

20.ซีซือหรือไซซี   ผลค่อนข้างยาวผิวสีแดงสด น้ำหนักระหว่าง 1-1.2 กิโลกรัม เนื้อแน่ ปริมาณเนื้อมาก ความหวานประมาณ 16 องศาบริกซ์

21.หงจูหรือไข่มุกแดง ผลป้อมรูปหัวใจขนาดใหญ่น้ำหนัก 1กิโลกรัมขึ้นไป ผิวเปลือกสีแดง แต่เนื้อมีเสี้ยน ความหวานของเนื้อด้านที่อยู่ใกล้เมล็ดประมาณ 15-17 องศาบริกซ์ ส่วนเนื้อที่อยู่ใกล้เปลือกยังแข็งและเป็นแป้งความหวานประมาณ 11-13 องศาบริกซ์

มะม่วงหงจินกัง

22.หงจินกัง  ผลใหญ่กลมรูปหัวใจน้ำหนักถึง 1กิโลกรัม ผิวสีแดงเข้มสวยงาม

23.ซื่อจี้มี่หรือสี่ฤดูไต้หวัน  ผลยาวขนาดกลางประมาณ 4 ขีดคล้ายมะม่วงโชคอนันต์ผิวสีเขียวผลสุกสีเหลืองสด  ความหวานถึง20 องศาบริกซ์ กลิ่นหอมคล้ายน้ำผึ้ง

24.ซานหลิน ผลป้อมค่อนข้างแบน ผลสีส้มแดง มีจะงอยปากที่ปลายผลเห็นเด่นชัด

25.ม่านเหวินหรือม่านอ้ายเหวินคล้ายอ้ายเหวินผิวสีแดง แก่ช้า

26.หงหลาน ผลคล้ายยู่เหวินผิวสีแดง รสหวาน เนื้อหนา เมล็ดบาง

27.จินอี้  มาใหม่ ผลขนาดกลาง ผลป้อมค่อนข้างยาวผิวสีแดงส้ม

28.จินเต๋อหลง มาใหม่ มะม่วงจากจีนแผ่นดินใหญ่ค่อนยาวผิวสีแดงส้ม

29.ชิวเซียง  มาใหม่ผลหนักประมาณครึ่งกิโลกรัมผิวสีส้มส่วนหัวสีแดง

มะม่วงหวงจินซือจือ

30.หวงจินซือจือหรือลูกพลับทอง มาใหม่ มะม่วงมีผลต่างจากมะม่วงอื่นที่มีผลแบนคล้ายลูกพลับ ผลสุกมีสีเหลืองเรื่อๆฉ่ำน้ำหวานกลิ่นน้ำผึ้ง

พันธุ์หงมี่,พันธุ์ต้าหยวนเป่า,พันธุ์หวงมี่เหวินกำลังติดต่อนำเข้ามา บางพันธุ์ได้ขยายออกสู่ตลาดบ้างแล้ว  บางพันธุ์อยู่ในระหว่างการขยาย  ลุงเล็กมีพื้นที่สวนมะม่วง 7 ไร่ ไม่พอต่อการขยายพันธุ์มะม่วงจึงซื้อเพิ่มอีก 5 ไร่ในบริเวณใกล้กัน

วิธีการทาบกิ่ง การเลือกกิ่งของต้นพันธุ์ดีที่ต้องการจะทาบนั้น มักแนะนำให้เลือกกิ่งที่มีขนาดไล่เลี่ยกับขนาดของต้นตอ หรือใหญ่กว่าสักเล็กน้อย  แต่ไม่แนะนำให้เลือกกิ่งใหญ่กว่าต้นตอมาก ควรเป็นกิ่งพันธุ์ที่กำลังเจริญเติบโต ไม่แคระแกรน กิ่งมีลักษณะกลม ไม่เป็นเหลี่ยม กิ่งพันธุ์ต้องไม่แก่กว่าต้นตอมากนัก และไม่มีโรคแมลงรบกวน ถ้าได้กิ่งที่ตั้งตรงจะดีมาก เพราะสะดวกในการทำงาน แต่สำหรับลุงเล็กข้อควรปฏิบัติดังกล่าวในการทาบกิ่งมะม่วงที่แนะนำกันนั้นลุงเล็กไม่ได้ปฏิบัติตาม ต้นพันธุ์ขนาดใหญ่กว่าต้นตอเท่าไหร่ก็ได้ไม่เป็นอุปสรรค์หรือเป็นปัญหาในการทาบกิ่ง  ลุงเล็กทาบติดหมด  ลุงเล็กมีคนงานที่มีฝีมือดีในการทาบจึงเป็นเรื่องง่ายๆในการทาบกิ่ง

กิ่งทาบขนาดใหญ่

ต้นตอที่ใช้ทาบกิ่งไม่จำเป็นต้องเป็นมะม่วงตลับนาคหรือมะม่วงป่า  ใช้ต้นตอมะม่วงอะไรก็ได้ ตอนนี้ได้ใช้เมล็ดมะม่วงแก้วเขมร,มะม่วงแก้วพม่าข้างในสีชมพู ,มะม่วงโชคอนันต์ ส่วนมะม่วงกะล่อนถึงจะได้รับความนิยมกันมาก แต่ก็มีข้อเสียที่เมล็ดแน่นเต็มเปลือก  แกะออกยาก ปีนี้ได้เพาะเมล็ดมะม่วงไว้ประมาณ 60,000 เมล็ด เคยเพาะสูงสุดไว้ประมาณ 400,000 เมล็ด เพื่อจำหน่ายเป็นต้นตอให้กับลูกค้า เมล็ดมะม่วงได้มาจากโรงงานแปรรูปมะม่วง สำหรับต้นตอพันธุ์ที่แข็งแรง เจริญเติบโตได้รวดเร็ว ออกรากจำนวนมาก ลุงเล็กบอกว่า ต้องเป็นต้นตอมะม่วงเขียวใหญ่ แต่เมล็ดมะม่วงเขียวใหญ่และต้นตอมีน้อย ดังนั้นให้ใช้ต้นตอพันธุ์อะไรก็ได้ที่มีอายุประมาณ 1 ปี อย่างน้อยขนาดของต้นตอควรเท่ากับหลอดกาแฟ     เป็นการทาบตอเปลือย  ที่ไม่ได้ใส่ตอในถุงก่อน ทาบก่อนหุ้ม ขุยมะพร้าวที่หลัง  ปาดเอาเปลือกให้ติดเนื้อออกมาด้วยเหมือนกับการทาบกิ่งทั่วไป  ปาดจนรอบต้นจากนั้นนำต้นตอตัดรากมาทาบ ความยาวของต้นตอจากระดับคอดินลงไปประมาณ 5-7 เซนติเมตรจากคอดินขึ้นไปส่วนบน 5-7 เซนติเมตรหรือยาวกว่านี้ขึ้นอยู่กับขนาดของกิ่งพันธุ์ที่จะทาบ จะใช้ต้นตอกี่ต้นก็ได้ทาบจนรอบต้นพันธุ์ จำนวนต้นตอที่จะทาบขึ้นอยู่กับขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นพันธุ์   กิ่งเล็กขนาดทั่วๆไปใช้ 2 ตอ กิ่งขนาดเท่าแขนใช้ 8 ตอ 2ชั้น เคยใช้ต้นตอมากที่สุด 40 ตอทาบกิ่งเป็นมะม่วงจินหวงขนาดเท่าต้นมะพร้าว สูงประมาณ 6 เมตร ขายได้หมื่นกว่าบาท เมื่อได้รอบแล้วพันพลาสติกให้แน่น  แล้วให้ทาบลงมาอีกชั้นทาบจนรอบอีกเช่นกัน นำแผ่นพลาสติกพันรอบโค่นที่ทาบไว้ชั้นล่าง มัดให้แน่  แผ่นพลาสติกทำเป็นตุ้มใส่ขุยมะพร้าว  ตุ้มจะเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับขนาดของต้นพันธุ์เช่นกัน  ต่อจากนั้นใส่ขุยมะพร้าวชุ่มน้ำหมาดๆไม่จำเป็นต้องผสมสารเร่งราก ลงไปจนเต็มแล้วอัดให้แน่นแล้วมัดที่เปราะบนก็จะเป็นตุ้ม ควั่นเอาเปลือกออกรอบต้นพันธุ์ใต้ตุ้มเพื่อเป็นการเตือน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 2 เดือนไม่ต้องรดน้ำนอกจากน้ำภายในแห้งจึงใช้อัดเข้าไป  รากจะงอกเต็มตุ้ม จึงเลื่อยกิ่งออกชำในเข่งใหญ่ รอลูกค้าที่สั่งไว้มารับ

ลูกค้ามีทั้งภายในและต่างประเทศลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย เช่นมาเลเซีย, บรูไน, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, บังคลาเทศ,อินเดีย,สิงคโปร์ซื้อไปปลูกที่เชียงใหม่เพื่อส่งผลผลิตกลับประเทศ,เช่นเดียวกับเกาหลีซื้อเป็นจำนวนมากไปปลูกที่เกาะกงของกัมพูชาแล้วส่งผลผลิตกลับประเทศ,ส่วนยุโรปมีสเปน,แอฟริกามีอียิปต์ ทั้งสเปนและอียิปต์นอกจากซื้อกิ่งพันธุ์ไปแล้วยังนำยอดมะม่วงมาแลกเปลี่ยนกัน

การดูแลรักษา การปลูกมะม่วงที่สวนปลูกในระยะชิด เพื่อต้องการให้ได้ต้นจำนวนมากในการผลิตกิ่งพันธุ์มากกว่าต้องเอาผลผลิต  โดยปลูกแบบสลับฟันปลาระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 4 เมตร ใน1ร่องปลูกได้ 3 แถว การใส่ปุ๋ยแบ่งการใส่ออกได้เป็น 3 ระยะ คือระยะแรกเป็นการเร่งต้นหลังจากเก็บเกี่ยวผลหมดแล้ว ใช้ปุ๋ยสูตร 25-7-7  ในอัตราส่วนที่ลุงเล็กไม่ได้เป็นสัดส่วนตายตัวขึ้นอยู่กับขนาดของต้น ต้นหนึ่งใส่ 4 – 5 กำมือ ปุ๋ยสูตร 16-16-16 ใส่ก่อนมีดอก ปุ๋ยสูตร 8-24-24   ใส่ตอนผลแก่เพื่อเร่งความหวาน การปลูกในร่องสวนจึงไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำ คลองพระพิมลมีน้ำอยู่ตลอดปี แมลงศัตรูมะม่วงมีหลายชนิดแต่ชนิดที่ทำความเสียหายมากที่สุด  คือ ด้วงงวงกรีดใบมะม่วง จึงต้องฉีดพ่นสารเคมีช่วงมะม่วงแตกใบอ่อน มีคนงาน 4 คนทำงานประจำอยู่ที่สวน ให้ทำงานตามหน้างานในแต่ละวัน  เช่น ทาบกิ่ง ตัดกิ่งลงกระถาง ตัดแต่งกิ่งมะม่วง เพาะเมล็ดต้นตอ ดายหญ้า พ่นสารเคมี ใส่ปุ๋ย ขนลำเลียงกิ่งไปส่งลูกค้า

ทาบเปลือย 2 ชั้นก่อนใส่ขุยมะพร้าว

การห่อผล การห่อผลมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการส่งผลมะม่วงไปต่างประเทศ ที่ต้องปลอดจากสารเคมีตกค้าง,ปลอดจากโรคแมลงและให้มีผิวเปลือกที่สวย การห่อผลก็เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายจากโรคและแมลงศัตรูพืช และเป็นการเพิ่มความสวยงามของผิวผล การห่อผลจะส่งผลต่อการพัฒนาสีของผิวเปลือก มะม่วงจะเปลี่ยนสีผิวเมื่อผลเข้าสู่ระยะแก่  สารสีที่พบในมะม่วงผิวสีแดงมีอยู่ 3ชนิดคือ คลอโรฟิลล์,  แคโรทีนอยด์และแอนโทไซยานิน  นอกจากการห่อที่จะช่วยให้สีผิวเปลือกสวยแล้ว  แสงยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสีผิวเปลือก แสงมีผลต่อการพัฒนาสีของผิวเปลือก การเปลี่ยนแปลงของสีผิวเปลือกมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะประจำพันธุ์  ช่วงเวลาที่เหมาะกับการห่อผลย่อมแตกต่างกันตามแต่ละพันธุ์และสภาพแวดล้อม  ในแต่ท้องถิ่นมีการปฏิบัติการห่อที่แตกต่างกัน  บางพื้นที่ห่อผลเมื่อมีขนาด 5 เซนติเมตรหรือประมาณ 30 วันหลังจากติดผล  พื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงควรห่อเมื่อผลมีขนาด 8- 12 เซนติเมตรหรือประมาณ 40 วันหลังจากติดผล สำหรับลุงเล็กจะเริ่มห่อเมื่อมะม่วงมีผลใหญ่ขนาด 8 เซนติเมตรขึ้นไปหรือประมาณ 1 เดือนครึ่ง  โดยปลิดผลที่ไม่สมบูรณ์ออกเลือกห่อเฉพาะผลที่สมบูรณ์  ถุงที่ใช้ห่อมี 2ชนิดคือถุงขาวขุ่นกันน้ำได้ ถุงจะบางและเบาค่อนข้างโปร่งแสง กับถุงคาร์บอน 2 ชั้นหรือถุงดำ ด้านนอกเป็นกระดาษมันสีน้ำตาลอ่อนกันน้ำไม่ให้ซึมเข้าและด้านในเป็นกระดาษคาร์บอนสีดำบุไว้เพื่อกันแสง ลุงเล็กมีความคิดเห็นว่า การห่อห่อเร็วเท่าไรก็จะได้ผิวสีสวยสดมากขึ้น  แต่โอกาสเสี่ยงกับการร่วงของผลก็มีมากเช่นกัน  ตัดสินใจเอาเองว่า ต้องการปริมาณผลมากหรือต้องผลมีคุณภาพสีผิวเปลือกสวยแต่มีจำนวนน้อย

มะม่วงพันธุ์มีสีผิวเปลือกแดงถ้าไม่ใช้ถุงห่อปล่อยให้ได้รับแสงตามธรรมชาติ ผิวจะเป็นสีแดงเข้มจัดหรือมีสีม่วงเข้ม   จะมีความเข้มและอ่อนของสีที่เกิดขึ้นในแต่ละส่วนไม่เท่ากัน ผลมักมีนวลขาวปกคลุมมาก   มะม่วงที่ได้รับแสงแดดผิวจะแดงเข้มสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง แต่ต้องพ่นสารเคมีทุก7หรือ10 วันเพื่อป้องกันแมลงวันทองเจาะวางไข่ ส่วนผลที่ไม่ถูกแสงหรืออยู่ใต้ร่มทรงพุ่มใบผลมักมีผิวสีเขียวมีสีแดงเรื่อๆที่ส่วนหัว หากใช้ถุงขาวห่อมะม่วงพันธุ์มีสีผิวเปลือกแดง จะทำให้ผลมีสีผิวเปลือกเขียวเข้มไม่สวย แต่สำหรับในประเทศที่มีอากาศหนาวบางพื้นที่การใช้ถุงขาวห่อผลจะช่วยให้ผลมีสีผิวเปลือกแดงได้ เช่น มะม่วงพันธุ์อ้ายเหวินในไต้หวัน เกษตรกรใช้ถุงสีขาวห่อมะม่วงอ้ายเหวินเป็นส่วนใหญ่และได้ผลที่มีสีผิวเปลือกแดง การใช้ถุงดำหรือถุงคาร์บอน 2 ชั้นหรือถุงดำห่อกับมะม่วงสีผิวเปลือกแดง จะทำให้ได้สีผิวเปลือกสีแดงสวยเสมอกันทั่วทั้งผลและถ้าใช้ถุงดำห่อมะม่วงสีผิวเปลือกสีเขียวจะทำให้มะม่วงมีสีผิวเปลือกเป็นสีเหลืองอร่ามงามตา ดังนั้นถุงดำหรือถุงคาร์บอน 2 ชั้นจึงใช้ห่อได้ทั้งมะม่วงสีผิวเปลือกแดงและมะม่วงสีผิวเปลือกเขียว

ลุงเล็กและทีมงานได้เปิดอบรมการทาบกิ่งและการดูแลรักษามะม่วงให้กับประชาชนทั่วไป ตั้งแต่ปี 2557 อบรมไปแล้วได้ 8 รุ่นๆละ40-50 คนมาจากทั่วประเทศเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามาเรียนรู้วิชา ลุงเล็กได้เปิดเผยเทคนิคการทาบกิ่งมะม่วงขนาดใหญ่ทุกขั้นตอน มีสถานีโทรทัศน์หลายช่องมาถ่ายทำวิดีทัศน์  เพื่อนำไปเผยแผ่ออกอากาศรายการโทรทัศน์ เช่น รายการรอยยิ้มของแผ่นดิน,รายการมอร์นิ่งไลฟ์ นิตยสารเกษตรที่มาสัมภาษณ์ เช่น  เกษตรโฟกัส ,เคหการเกษตร  หากมีนิตยสารรายใดให้เสียค่าใช้จ่ายเพื่อลงในนิตยสารลุงเล็กจะปฏิเสธทุกครั้งไป ชาวต่างชาติที่เข้ามาถ่ายทำรายการโทรทัศน์มีมาจาก อินโดนีเซีย,เมียนมาร์ ชาวต่างชาติได้เข้ามาดูงานที่สวนได้แก่  สเปน, อียิปต์

สวนมะม่วงของลุงเล็กค่อนข้างจะไปยากสำหรับผู้ไม่คุ้นเคยเส้นทาง เส้นทางที่ง่ายให้ไปยังตลาดน้ำไทรน้อย จากนั้นข้ามสะพานไปประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายออกถนนไปบางเลนอีก 1 กิโลเมตรมีศาลาริมทางให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนคลองชลประทานขับเรื่อยไปจนถึงประตูน้ำเลี้ยวขวาข้ามสะพาน ให้นับไปจนถึงเสาไฟฟ้าเลขที่ 111 เพราะบริเวณนั้นไปมีอะไรเป็นที่สังเกต แล้วเลี้ยวลงสวน  หรือโทรถามเส้นทางกับลุงเล็กจะสะดวกขึ้น  ถ้ามาจากบางเลน-ปทุมธานี พอข้ามสะพานคลองพระพิมลทางเข้าสวนอยู่ทางขวามือให้เลี้ยวซ้ายกลับรถลอดใต้สะพานเข้าถนนแยกขวามือไปอีกประมาณ2กิโลเมตรกว่า จนถึงเสาไฟฟ้าเลขที่ 111  เส้นทางนี้สะดวกง่ายดี

มะม่วงหงมี่เถา

มะม่วงไต้หวันที่มีอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นการสั่งนำเข้ามาโดยลุงเล็ก   ลุงเล็กจึงเป็นผู้สร้างตำนานมะม่วงไต้หวัน  เมื่อได้มาแล้วไม่มีการตั้งชื่อใหม่ คงใช้ชื่อเดิมของเขาเพื่อเป็นการเคารพและให้เกียรติเจ้าของเดิม อีกทั้งเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับประชาชนในอนาคต และไม่เคยประกาศตนเองว่า เป็นผู้ผสมพันธุ์มะม่วงใหม่ขึ้นมาเอง เพื่อความสะดวกในการมาพบลุงเล็กควรมาที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ หรือโทรศัพท์  081-445-8792 และ 099-0508009

มะม่วงซานหลิน
ผลสวยๆของหงจู
มะม่วง 4 ฤดู