พยาบาลสาว ผันตัวเป็นเกษตรกร “เพาะเห็ดขาย” สร้างรายได้ ขั้นต่ำ 30,000 บาท ต่อเดือน

คุณสุภารัตน์ คำมุงคุณ หรือ พี่ตุ๊กตา อยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ที่ 1 ตำบลอุ่มเหม้า อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม อดีตพยาบาลสาว ผันตัวเองเป็นเกษตรกร ด้วยความฝันที่อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และอยากที่จะมีอิสระในการใช้ชีวิต ได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบ จึงตัดสินใจลาออกจากอาชีพนางพยาบาล แล้วผันตนเองมาทำในสิ่งที่ชอบและรัก นั่นคือ งานด้านการเกษตร

คุณสุภารัตน์ คำมุงคุณ หรือ พี่ตุ๊กตา

พี่ตุ๊กตา เล่าถึงจุดเริ่มต้นการทำเกษตรว่า ตนเริ่มมีความสนใจในอาชีพเกษตรกรรมมาอยู่แล้วเป็นทุนเดิม จึงถือโอกาสใช้เวลาว่างหลังจากงานประจำค้นหาและทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เริ่มต้นค้นหาสิ่งที่อยากทำ จากลักษณะนิสัยของตนเอง และให้เหมาะสมกับเวลาที่มีไม่มากนัก จนได้ค้นพบการเพาะเห็ดที่มองแล้วว่าน่าจะตรงกับลักษณะนิสัยของตน และเหมาะกับเงื่อนไขเวลาที่มีอย่างจำกัด จึงได้มีการทดลองเพาะเห็ดตั้งแต่นั้นมา

โดยอาศัยความรู้จากทางอินเตอร์เน็ต ดูในยูทูบ รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์หลากหลายที่ จนกระทั่งได้รับคำแนะนำจากเจ้าของร้านขายก้อนเชื้อเห็ดว่า ให้ทดลองทำก้อนเชื้อเห็ดเอง ซึ่งถือว่าเป็นคำแนะนำที่พลิกชีวิต จากจุดเริ่มต้นอยากที่จะทำเพียงเล็กๆ ทำเป็นอาชีพเสริมเพียงเท่านั้น กลับกลายมาเป็นอาชีพหลัก เพราะเมื่อเริ่มมีความคิดที่จะทำเชื้อเห็ดเองแล้ว นั่นก็หมายความว่า สิ่งที่ทำอยู่เล็กๆ จะต้องเพิ่มขยายใหญ่มากขึ้น เวลาก็ต้องมีมากขึ้น

จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ แล้วออกมาทุ่มเทให้กับการเพาะเห็ดอย่างเต็มตัว ใช้เวลาเรียนรู้จากข้อผิดพลาด ประสบการณ์มีให้เก็บเกี่ยวทุกวัน ปัญหาก็มีให้แก้ทุกวัน อาศัยการสังเกตเรียนรู้ ใช้เวลากว่า 1 ปี กว่าที่จะเริ่มอยู่ตัว สามารถผลิตก้อนเชื้อเห็ดเองได้ และได้ผลผลิตออกมามีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด นับเวลามาถึงปัจจุบันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เป็นเวลาร่วม 4 ปีแล้วที่ตนเลือกเดินบนเส้นทางสายเกษตร และเดินอย่างมีสติทุกย่างก้าว เพราะการทำเกษตรสำหรับตนนั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่หยุดนิ่ง แต่เป็นอาชีพที่ต้องปรับตัวพลิกแพลงตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ทั้งในเรื่องของกลไกการตลาด รวมถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ฤดู คุณตุ๊กตา กล่าวถึงจุดเริ่มต้นเส้นทางสายเกษตรของตนเอง

“จากมือสมัครเล่น สู่มืออาชีพ”
ขยายพื้นที่ทำเกษตรผสมผสาน
สู่ความมั่นคงทางอาหาร

พี่ตุ๊กตา บอกว่า หลังจากที่การเพาะเห็ดเริ่มลงตัว ตนนั้นได้มีการขยับขยายพื้นที่การทำเกษตรเพิ่มขึ้น ในรูปแบบของเกษตรผสมผสาน พยายามปลูกพืชผักที่คนบริโภคกันทุกวัน มีการทำระบบน้ำ ระบบไฟ ครบวงจร จัดสันปันส่วนพื้นที่ โดยแยกเป็นโซน

คุณสุภารัตน์ คำมุงคุณ หรือ พี่ตุ๊กตา

โซนที่ 1 สำหรับทำโรงเรือนเพาะเห็ด ประมาณ 12 โรงเรือน รวมถึงพื้นที่สำหรับการผลิตก้อนเชื้อ

โซนที่ 2 พื้นที่สำหรับทำเกษตรผสมผสาน จำนวน 3 ไร่ ปลูกทั้งพืชผักผลไม้ไว้กินเอง และแบ่งขาย สร้างรายได้รายวัน รายเดือน

บริเวณสวนผสมผสาน

โซนที่ 3 พื้นที่ปลูกยางพาราของพ่อกับแม่ ประมาณ 70-80 ไร่ รวมถึงมีการพัฒนาการทำนาแบบสมัยใหม่ ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมการเกษตรเข้ามาช่วยในการผลิต ทดแทนแรงงานคน
โซนที่ 4 อยู่ในขั้นตอนการวางแผนเลือกชนิดพืชที่เหมาะสมมาลงแปลงปลูก เนื่องจากได้ตระหนักเห็นแล้วว่า อาชีพเป็นเกษตรกร ถ้ามีการวางแผนที่ดี ถือว่าเป็นอาชีพที่มั่นคงที่สุดในขณะนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบันนี้ ทำให้เห็นว่าเรายังไม่อดตาย เพราะเรามีความมั่นคงทางอาหาร ครอบครัวพ่อแม่พี่น้องอิ่มท้อง ผลผลิตที่มีอยู่ก็ขายได้ เพราะคนต้องกินทุกวัน ประกอบกับที่สวนทำเป็นเกษตรอินทรีย์อยู่แล้ว ตรงนี้ยิ่งถือเป็นโอกาสในการสร้างรายได้หลายทาง ทั้งตลาดพ่อค้าประจำที่มารับซื้อ และตลาดโรงพยาบาลที่มีความต้องการผักที่ปลอดภัย เมื่อเกิดวิกฤตใดๆ มา ที่สวนจึงยังอยู่ได้แบบไม่เดือดร้อน

ผลผลิตจากสวนเกษตรผสมผสาน

“การเพาะเห็ดไม่ยาก” สำคัญที่การวางแผน
จัดการผลผลิตอย่างไร ให้ออกมาไม่ล้นตลาด

เจ้าของบอกว่า เห็ด นับเป็นพืชผักมหัศจรรย์ มีสรรพคุณเป็นทั้งยาและอาหาร จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีเกษตรกรมากหน้าหลายตาหันมาเพาะเห็ดเป็นอาชีพกันมากมาย จนเกิดเป็นปัญหาผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ ซึ่งปัญหาดังข้อที่กล่าวมานี้ จะเกิดขึ้นได้ยากมากหากเกษตรกรมีการวางแผนการผลิตที่ดี มีการวิเคราะห์การตลาดก่อน ว่าตลาดแต่ละช่วงเป็นอย่างไร

ผลิตก้อนเชื้อเห็ดเอง

ยกตัวอย่าง ที่สวนมีโรงเรือนเพาะเห็ดทั้งหมด 12 โรงเรือน แต่จะไม่เพาะทีเดียวทั้งหมด 12 โรงเรือน ที่สวนจะใช้วิธีการจัดการวางแผนการปลูกเพื่อไม่ให้ผลผลิตออกมาล้นตลาด โดยในช่วงหน้าร้อน จะวางแผนผลิตมากหน่อย เนื่องจากพืชผักที่คนอีสานนิยมบริโภคจะออกน้อยในช่วงนี้ เช่น หน่อไม้ และประกอบกับที่ในช่วงหน้าร้อนทางภาคอีสานจะนิยมจัดงานบุญ และนิยมนำเห็ดไปประกอบอาหาร ส่วนในฤดูอื่นๆ จะเน้นผลิตแค่ให้พอกับความต้องการของตลาด แบ่งผลิต 1 เดือน ทำ 2 รอบ รอบละ 5,000 ก้อน เท่ากับทำเดือนละ 10,000 ก้อน จะไม่ทำให้ตลาดตาย และผลิตตามความสามารถและกำลังของตนเอง ซึ่งในตอนนี้ที่ฟาร์มเน้นเพาะเห็ดนางรมเทาเป็นหลัก ด้วยจุดเด่นตรงที่

  1. ออกดอกง่าย ทน อึด น้ำหนักดี
  2. ไม่ต้องใช้ความชื้นมากเท่าเห็ดนางฟ้า
  3. สามารถเก็บดอกเห็ดได้นาน 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแล
  4. สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู
ติดตั้งระบบน้ำ

วิธีการเพาะ

  1. โรงเรือน ขนาดความกว้าง 4×10 เมตร วางก้อนเชื้อเห็ดได้ประมาณ 5,000 ก้อน ลักษณะโครงสร้างเป็นไม้ หลังคามุงด้วยพลาสติกสีดำ ล้อมรอบด้วยซาแรนเพื่อการระบายความร้อนและถ่ายเทอากาศได้ดี เน้นทำในพื้นที่สวนยางพารา เพราะมีความร่มรื่นชุ่มชื้นอยู่ตลอด เนื่องจากเห็ดสกุลนางรม เป็นเห็ดกลุ่มที่ชอบเย็นมากกว่าร้อน

    ออกดอกให้เก็บเยอะมาก
  2. ระบบน้ำในโรงเรือน เป็นมินิสปริงเกลอร์แบบหัวพ่นฝอย ประหยัดเวลาและง่ายต่อการจัดการดูแล
  3. การดูแล เห็ดนางรมเทา เป็นเห็ดที่ดูแลง่าย ใช้เวลาบ่มเชื้อจนถึงออกดอกให้เก็บผลผลิต ประมาณ 1 เดือน การดูแลรดน้ำคำนึงถึงสภาพอากาศเป็นหลัก ถ้าวันไหนอากาศเย็น มีความชื้นอยู่แล้วจะเปิดรดน้ำแค่วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น แต่ถ้าวันไหนอากาศร้อน จะรดน้ำวันละ 3 ครั้ง เช้า-เที่ยง-เย็น เปิดรดเพียง 3-5 นาที
  4. การป้องกันดูแลแมลงและศัตรูเห็ด ที่สวนมักจะประสบกับมดและแมลง ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้รู้แล้วว่าต้องป้องกันด้วยวิธีไหน โดยที่สวนจะใช้วิธีการโรยปูนขาวและเกลือไว้บริเวณรอบๆ โรงเรือน เพื่อป้องกันมด แมลง และหอยทากที่จะเข้ามาทำลายเห็ดที่เพาะไว้
  5. การเก็บผลผลิต เห็ดโดยทั่วไปจะมีระยะเวลาการพักหน้าก้อน ระยะเวลาขึ้นอยู่กับชนิดของเห็ด แต่เห็ดนางรมเทาจะมีความพิเศษตรงที่พอถึงเวลาพักหน้าก้อน ก็ยังมีผลผลิตให้เก็บขายอยู่เรื่อยๆ แต่อาจจะไม่มากเท่าเดิม ต่างจากเห็ดชนิดอื่นๆ ที่เคยเพาะมา ที่เมื่อถึงเวลาพักหน้าก้อน ผลผลิตจะไม่มีออกมาให้เก็บเลย ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบจากเห็ดชนิดอื่นๆ คุ้มค่าต่อการลงทุน และนอกจากนั้นยังสามารถนำก้อนเชื้อเห็ดที่หมดอายุแล้วนำมาใช้ทำเป็นปุ๋ยในสวนยางพารา หรือทำเป็นปุ๋ยปลูกข่าได้อีกด้วย

ผลผลิตต่อรอบ… แล้วแต่ช่วงฤดูกาล โดยเฉลี่ยแล้วจะสามารถสร้างรายได้จากเห็ดได้วันละไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 บาท หรือถ้าในช่วงไหนที่ผลิตเห็ดไม่ทันจริงๆ รายได้ก็จะไม่ต่ำกว่า วันละ 500 บาท ถือเป็นรายได้ที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับการดูแลที่ไม่มาก และยิ่งถ้าหากถึงช่วงเทศกาลสำคัญ รายได้ต่อเดือนจะขึ้นสูง ประมาณ 60,000-70,000 บาท ราคาขายส่ง กิโลกรัมละ 60 บาท อาจมีราคาตกลงบ้างในช่วงหน้าฝน เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดเยอะ จะพยายามขายผลผลิตในราคาที่เราอยู่ได้และลูกค้าพอใจ ตลาดเป็นไปได้ด้วยดี มีพ่อค้าประจำมารับถึงที่ และมีตลาดโรงพยาบาลที่ส่งประจำ

ดอกใหญ่เน้นคุณภาพเพื่อผู้บริโภค

ฝากถึงเกษตรกรมือใหม่
ทำเกษตรให้ประสบความสำเร็จ ใจต้องรัก

“ฝากถึงมนุษย์เงินเดือนทุกท่านที่อยากจะออกจากงานประจำมาทำเกษตร อันดับแรกเลยคือ ใจต้องรัก และพร้อมที่จะสู้กับอุปสรรคด้วย ถ้าจะมีใจรักอย่างเดียวก็คงทำไม่ได้ เพราะพื้นฐานคนเราไม่เหมือนกัน บางครั้งเราอาจจะมองเห็นคนอื่นทำแล้วดูง่าย ก็อยากจะทำตามเขาบ้าง แต่ชีวิตความเป็นจริงนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด แนะนำว่าให้ทำในสิ่งที่รักและให้คำนึงถึงศักยภาพของตนเองด้วย ว่าทำไหวได้แค่ไหน สู้แดด สู้ร้อน ได้ไหม และสิ่งที่จะทำสามารถให้ผลตอบแทนเราได้ในระยะไหน ถ้าทำในระยะสั้น แนะนำว่าอย่าทำ การทำเกษตรต้องมองไปข้างหน้า ทำให้เลี้ยงเราได้ตลอด แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการเริ่มต้นพัฒนาให้อยู่ในระบบนานสักหน่อย หรือบางท่านเรียนรู้ไว ก็ใช้เวลาไม่นาน เมื่อถึงเวลานั้นก็ให้ระบบที่วางไว้ทำหน้าที่แทนเราไป เรามีหน้าที่เพียงตรวจตราดูความเรียบร้อยเท่านั้น

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 097-051-3024

เตรียมส่งขาย
ระบบน้ำครบวงจร