เผยเคล็ดลับปลูกมะยงชิดพันธุ์เจ้าจอม สวนสุวรรณีปรางทอง ปลูก 250 ต้น สร้างรายได้เฉียดล้าน

ภาวะดินฟ้าอากาศในปัจจุบันนี้ แทบจะไม่มีคำว่าฤดูแล้ว มีแต่ปนกันไปหมด ชาวไร่ชาวสวนก็ต้องปรับตัว โดยเฉพาะภาวะแล้ง การบริหารน้ำอย่างไรที่จะไม่มีผลต่อพืชสวนพืชไร่ เพราะฉะนั้นการปรับตัวโดยศึกษาจากธรรมชาติของพืชผลแต่ละชนิดถึงความอยู่รอดและให้ผลผลิตยังคงคุณภาพเดิม

ภายในสวนที่ดูสะอาดตา แบ่งพื้นที่ปลูกมะยงชิด 250 ต้น
ผลมะยงชิดที่ได้รับการดูแลบำรุงต้นอย่างดี ให้ลูกที่มีขนาดใหญ่

มะยงชิด ใครๆ ก็ปลูกได้ นอกจากการคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีแล้ว การดูแลเอาใจใส่และการให้น้ำที่ถูกต้องและปลูกแบบปลอดสารพิษ โดยคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลักนั้น ต้องที่ สวนสุวรรณีปรางทอง จังหวัดกำแพงเพชร ของ อาจารย์วิเชียร บุญเกิด ปราชญ์พื้นบ้านที่เรียนรู้โดยตรงจากประสบการณ์จริง การเรียนรู้ศึกษาอย่างใกล้ชิด

มะยงชิดพันธุ์เจ้าจอม คำว่า มะยงชิด พอเอ่ยชื่อแล้วทุกคนต้องร้องอ๋อ ลักษณะทั่วไปรูปทรงผลคล้ายกันหมด แต่มีหลายสายพันธุ์ สายพันธุ์ที่สวนสุวรรณีปรางทอง ต้นมะยงชิด กว่า 200 ต้น ปลูกมาเกือบ 20 ปี ได้พิสูจน์ผลงานแล้วว่า ปลูกมะยงชิดพันธุ์เจ้าจอมนั้นรสชาติยอดเยี่ยม มีรสหวานนำอมเปรี้ยวนิดๆ ที่กินแล้วแทบไม่อยากหยุดปาก ซึ่งเป็นเสน่ห์และรสชาติของผลไม้เขตร้อน

ผลมะยงชิดที่ดกเต็มต้นและเป็นพวงใหญ่
ให้ผลผลิตดกทุกต้น

เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ เราก็จะเริ่มเห็นผลไม้หน้าร้อนกันมากขึ้น และที่หลายคนนึกถึงมากที่สุดก็น่าจะเป็นมะยงชิด หรือมะปรางลูกเท่าไข่ไก่ รสหวานอมเปรี้ยว กินสดๆ ก็อร่อย หรือจะนำมะยงชิดไปทำเป็นขนมหวานก็ได้ ชื่นใจไปอีกแบบ และเนื่องจากช่วงนี้เป็นหน้ามะยงชิดจะออกผล

อาจารย์ดูแลสวนอย่างไร ถึงเก็บมะยงชิดเป็นรอบที่ 3

“การปลูกมะยงชิด มีเคล็ดลับเรื่องของการให้น้ำ เป็นสิ่งสำคัญ มะยงชิดออกดอกรุ่นแรก จะให้ผลผลิตไม่มาก แต่รุ่นสอง จะออกดอกพร้อมกับมีใบอ่อนแซมอย่าตกใจ และรีบตัดแต่งกิ่ง ปล่อยให้ออกตามธรรมชาติบำรุงด้วยปุ๋ยคอก น้ำหมัก หรือดินโป่ง และให้น้ำตอนเริ่มติดลูก หลังจากนั้นเว้นระยะ 3 วันครั้ง พอลูกเริ่มที่จะสุกก็ให้น้ำอาทิตย์ละครั้ง เพื่อเพิ่มรสชาติ ถ้าให้น้ำมากและบ่อยเกินไปในช่วงนี้ รสชาติจะจืดลง แต่ด้วยสายพันธุ์เจ้าจอมนี้รสชาติดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บางสวนก็แทบไม่เปลี่ยนหรือเปลี่ยนเล็กน้อย” อาจารย์วิเชียร บอก

อาจารย์ไม่ใช้สารเคมี

อาจารย์วิเชียร บุญเกิดปราชญ์พื้นบ้านกับผลงานที่น่าภูมิใจ

“ไม่ใช้ครับ ผลไม้นี่ถ้าใช้ปุ๋ยเคมีเพิ่มความหวาน เท่าที่ประสบการณ์ของผมสำหรับมะยงชิด จะทำให้ผลไม่กรอบ และจะสุกงอมเร็ว เนื้อในผลจะนิ่มเร็วหมายถึงหลังจากเก็บจากต้นแล้วนะครับ…อีกอย่างเรื่องของปุ๋ยเคมี ผลไม้ชนิดนี้แทบจะไม่ต้องใช้เลย นอกจากกระรอกบ้าง นกบ้างเท่านั้น แต่ที่สวนปลูกเยอะประมาณ 250 ต้น กระรอกและนกก็มีบ้างแต่ก็กินไม่ไหว ผมอาศัยปลูกหลายต้นมั้งครับ นกและกระรอกเลยสู้ไม่ไหว แต่ก็มีผลไม้อย่างอื่นให้รับประทานหลากหลาย และอีกอย่างด้วยธรรมชาติทางพฤกษศาสตร์ของใบมะยงชิดจะค่อนข้างแข็ง จะไม่มีแมลงรบกวน เป็นข้อดีของสายพันธุ์มะยงชิด มะม่วง ละมุด จะไม่มีหนอนกินใบ เพราะใบค่อนข้างแข็งและมียาง” อาจารย์อธิบาย

อาจารย์เล่าอีกว่า ลูกค้าส่วนใหญ่จะถามผมว่าปลูกอย่างไรให้ได้รสชาติดี ตอบว่ามะยงชิดเป็นผลไม้คู่กับการเข้าสู่หน้าร้อนของเมืองไทยเราอยู่แล้ว อยู่ในระยะที่ผ่านฝนและอากาศเย็นมา บวกกับการให้น้ำอย่างเหมาะสม คือฉีดพ่นทางใบบ้าง และโคนต้นให้เก็บความชื้นไว้โดยคลุมด้วยใบไม้แห้งหรือฟางแห้งก็ดี เพื่อกักเก็บความชื้นแค่นี้ต้นมะยงชิดก็ยิ้มได้และให้ผลใหญ่ๆ กับเราแล้วครับ

ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีเทียบขนาดของผลกับไข่ไก่

ต้นพันธุ์ของผมทุกต้นผมจะใช้การเสียบยอด เป็นข้อดีก็คือเขาทนต่อโรคและทนแล้งได้ดี ข้อที่สำคัญที่สุดคือต้นจะไม่สูงมาก ตัดแต่งกิ่งได้สวยงาม การแตกพุ่มจะสวยงาม แถมยังมีรากแก้วในการทรงตัวยึดต้นได้ดีอีกด้วย

ผมว่าปลูกมะยงชิดยังไงก็ราคาไม่ตกนะ ถ้าพอมีพื้นที่และมีน้ำดีก็ต้องการที่จะปลูกไม้ผล มะยงชิดเป็นทางเลือกที่ดีมาก ดีกว่ามะม่วงเสียอีก พูดแล้วคนปลูกมะม่วงจะว่าเอา เพราะว่าราคามะยงชิดอย่างที่ว่า ผลผลิตออกสู่ตลาดเยอะๆ ยังราคาต่ำสุดจากสวนของผมอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาท (ประมาณ 13-15 ลูก ต่อกิโลกรัม) ซึ่งส่วนใหญ่จะขายในตลาดอยู่ที่ กิโลกรัมละ 200-250 บาท ก็ยังได้ราคาดีมากดีกว่าไม้ผลอย่างอื่น

ผลผลิต

เนื้อหนา ผลใหญ่ สีสวยงาม รสชาติดี

ผลผลิตต่อต้น เฉลี่ย 50-60 กิโลกรัม อายุเฉลี่ย 7 ปีขึ้นไป ต่ำกว่านั้นก็ลดหลั่นลงมาตามการแบกน้ำหนักของลำต้น ถ้าเราดูแลการให้น้ำให้ปุ๋ยชีวภาพดีแล้ว จะทำให้ได้ผลผลิตที่มีน้ำหนักเท่าๆ กันเกือบทุกลูก นี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้ชาวสวนอย่างผมภูมิใจ

รายได้ที่สวนผมปีนี้ 250 ต้น แบ่งไปทำต้นพันธุ์ 50 ต้น เฉลี่ยทั้งต้นเล็กต้นใหญ่ ก็อยู่ที่ 50 กิโลกรัม ต่อต้น ขายส่งกิโลละ 100 บาท 200 ต้น คูณ 50 กิโลกรัม คิดตัวเลขกลมๆ 10,000 กิโลกรัม x 100 บาท หักค่าใช้จ่ายและค่าแรงงาน ปีนี้ก็เหลือเกือบๆ ล้านบาทครับ ก็คงจะเก็บไว้เป็นค่าบำรุงต้นและดูแลเพื่อผลผลิตในปีหน้าแหละครับ คิดแล้วดีกว่าปลูกพืชอย่างอื่นเยอะเลยครับ แต่ผมแนะนำให้ปลูกพืชอย่างอื่นบ้างเพื่อเฉลี่ยรายได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของการให้ผลผลิต เช่นปีนี้อากาศเหมาะกับมะยงชิด ปีหน้าอาจจะเหมาะกับผลผลิตอย่างอื่นก็ได้ กว่าผมจะถึงวันนี้คร่ำหวอดอยู่กับสวน ใช้เวลาทั้งหมดกว่า 20 ปีครับ บางคนซื้อของผมไปทำแพ็กเกจจิ้งสวยงามสร้างมูลค่าเพิ่มไปอีก มะยงชิดเป็นผลไม้เหมาะสำหรับเป็นของฝากผู้หลักผู้ใหญ่ เพราะสีและขนาดของลูกที่น่ารับประทาน

ภายในสวนที่ร่มรื่นดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี

ที่สวนอาจารย์ปลูกอะไรบ้าง

ที่สวนผมมีเนื้อที่ 17 ไร่ ปลูกมะยงชิด 250 ต้น ละมุด 350 ต้น มะนาว 500 ต้น มะขามป้อม 70 ต้น นอกนั้นเฉลี่ยกันไปอย่างละ 50 ต้น ที่ผมปลูกนั้นนอกจากขายต้นพันธุ์แล้ว ที่สวนยังต้องปลูกให้เห็นว่าสายพันธุ์ที่ลูกค้าซื้อไปนั้นสัมผัสได้ เห็นได้ มาดูได้ที่สวน ยินดีแนะนำจากประสบการณ์ตรงของผม เพราะก่อนที่ผมจะเลือกสายพันธุ์มาปลูกก็ทดลองปลูกก่อนอย่างน้อย 30 ต้น ถ้าเห็นว่าใช้ได้แล้วก็ขยายพันธุ์ต่อ และแนะนำให้ผู้ที่จะซื้อต้นพันธุ์ให้ได้ต้นพันธุ์ไปปลูกจะได้ไม่ผิดหวัง

ผมทำสวนไม้ผลผสมผสานเป็นข้อดีก็คือทำให้มีรายได้ตลอดทั้งปี แรงงานก็จะไม่ขาด ทำให้พวกเขามีงานมีรายได้ในครัวเรือนและยังทำงานใกล้ๆ บ้าน ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วย ก็พอได้ช่วยคนรอบๆ บ้านเพื่อนบ้าน

ความเชื่อถือ และรับผิดชอบเป็นสิ่งที่สำคัญ

อาจารย์บอกว่า…อายุผมปีนี้ 75 แล้วครับ ผมอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะผมมีความรับผิดชอบต่อลูกค้าสูง แนะนำสิ่งที่ดีเท่าที่มีประสบการณ์มา สมัยนี้เงินก็หายาก การปลูกต้นไม้แต่ละอย่างต้องใช้เวลาหลายปี อยากให้เขาได้เห็นผลผลิตในสามสี่ปีข้างหน้าว่าได้ผลตามที่เจ้าของสวนบอกมาจริงๆ ฉะนั้น ผมต้องตรวจและทดลองปลูกจนได้ผลก่อนถึงจะแนะนำให้ลูกค้า

ผลไม้ที่คู่คนไทยทั้งรสชาติและสีสันน่ารับประทาน

การดูแล และการปลูก

ระยะแรกปลูกห่าง 5 เมตร เพราะว่าถ้าปลูกห่างมากจะมีปัญหาต้นล้มเวลามีพายุเกิดขึ้น การปลูกชิดกันก็เป็นข้อดี แต่ถ้าแตกกิ่งมาก ทำให้กิ่งก้านเบียดกัน ก็สามารถตัดแต่งกิ่งออกไปได้ แต่ถ้าต้นสมบูรณ์มากก็ตัดต้นที่อยู่ระหว่างกลางทิ้งไป พืชทุกชนิดต้องการอากาศถ่ายเทได้ดีในระหว่างต้น ถ้าอยากให้ได้ผลผลิตสูงก็พยายามเปิดช่องว่างระหว่างกิ่งก้านให้โปร่ง โล่ง แสงแดงส่องเข้าถึงนั่นแหละเขาจะออกดอกทุกแขนงกิ่ง ต้นทรงพุ่มจะรับน้ำหนักของผลได้ดีที่สุด มะยงชิดปลูกง่าย ดูแลง่าย ศัตรูพืชเช่นหนอนแทบจะไม่มี ปัจจุบันนี้ขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศเท่านั้น

แก้ปัญหาผลร่วง จากประสบการณ์ตรงของอาจารย์

ปัญหาของมะยงชิดมักจะเกิดในช่วงที่ออกดอก ดอกร่วงหมดในช่วงที่ติดผลเล็ก ผลก็ร่วง อยู่รอดมาจนเกือบจะเปลี่ยนสีจากผลสีเขียวเป็นผลสุกออกสีเหลืองส้ม และส้มแดง ก็มักจะเจอทั้งลมพายุฤดูร้อน และผลร่วงที่มีสาเหตุจากหลายปัจจัย รดน้ำมากก็ร่วง

13 ลูก มี 1 กิโลกรัม

การให้น้ำไม่สม่ำเสมอ รดทุกวันปริมาณเท่าไหร่ก็ต้องรดเท่านั้น หมายถึงในช่วงแรกๆ การคลุมโคนต้นเพื่อเก็บความชื้นก็ต้องให้ห่างจากโคนต้นไม่ต้องคลุมชิดเกินไป ป้องกันการอับชื้นและเกิดความร้อนขึ้นที่โคนต้น ทำให้รากเน่าได้ หรือหยุดชะงักในการดูดซึมน้ำ หรืออาหารพืชขึ้นไปเลี้ยงลำต้นข้างบน ความหมายง่ายๆ ก็คือ รักมากทะนุถนอมมากไปก็เกิดปัญหา

ที่กล่าวมาทั้งหมดท่านที่คิดจะปลูกมะยงชิดจะถอดใจนะครับ การปลูกต้นไม้พื้นฐานใจที่รักแล้ว บางทีการทำไปโดยธรรมชาติจะไม่รู้สึกท้อ แต่ข้อความหรือทฤษฎีอาจจะยาว สำหรับท่านที่ปลูกไว้สักต้นสองต้นก็ปฏิบัติง่ายๆ ดูต้นไม้ชนิดอื่นก็เผื่อแผ่มายังต้นมะยงชิดได้

จำเป็นต้องห่อผลมั้ย

อันนี้แล้วแต่สวน สวนไหนกังวลว่าจะมีแมลงระบาด เช่น แมลงวันทอง ถ้ากังวลว่าจะเสียหายก็ห่อได้แต่ก็เพิ่มต้นทุนไปอีก แต่ที่สวนผมไม่ห่อเพราะเยอะเกินไป ห่อไม่ไหว และไม่ต้องการเพิ่มทุน ถึงไม่พ่นยาก็ไม่มีปัญหาเพราะเฉลี่ยให้แมลงเจาะไป นกและกระรอกกินบ้างก็มีบางส่วนที่เสียหายก็แบ่งให้กินไป ถามว่าจำเป็นต้องห่อหรือไม่ ถ้าถามผมไม่จำเป็นครับ

อาจารย์เลือกได้มั้ยว่า พันธุ์นี้เป็นมะยงชิดพันธุ์อะไร

ดูค่อนข้างยาก เพราะลักษณะเขาจะคล้ายๆ กัน นอกจากความเชื่อถือจากแหล่งที่ซื้อเท่านั้น การปลูกมะยงชิดส่วนใหญ่จะสั่งซื้อจากสวนที่รู้จักและชอบรสชาติของสายพันธุ์เป็นต้น เช่น พันธุ์ทูลเกล้า เพชรกลางดง หรืออย่างอื่นก็ว่ากันไป แต่มะยงชิดพันธุ์เจ้าจอมของผม รสชาติและขนาดผลไม่อายใคร

ถ้าสนใจสอบถามยินดีที่จะตอบคำถามทุกอย่าง หรือต้องการมาเรียนรู้ก็เชิญได้ที่สวน ศึกษาและดูให้ดีก่อนตัดสินใจที่จะเลือกสายพันธุ์ หรือจะปลูกหลากหลายพันธุ์ผสมกันไป ถ้าเอาใจใส่และใจรัก ปัจจัยหลักก็คือเรื่องน้ำนะครับ เชิญโทร.มา หรือแวะมาได้ที่ อาจารย์วิเชียร บุญเกิด สวนสุวรรณีปรางทอง เลขที่ 161/2 หมู่ที่ 1 ตำบลอ่างทอง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร 62000 โทร. (085) 244-1699

เผยแพร่ครั้งแรก วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2564