หนุ่มใหญ่โฟร์แมน ทิ้งเงินเดือน 30,000 บาท ผันชีวิตปลูกอินทผลัม รายได้เรือนแสน

พืชที่น่าจับตามองชนิดหนึ่งในขณะนี้คืออินทผลัม และมีหนุ่มใหญ่อดีตโฟร์แมน มาทดลองปลูกสวนอินทผลัม คือ คุณวิเชียร เมืองวงค์ บ้านเลขที่ 75 หมู่ที่ 7 บ้านต๋อมดง ตำบลบ้านต๋อม อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ที่ได้หันหลังอาชีพพนักงานของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ด้วยเงินเดือน 30,000 บาท มาปลูกผลไม้ โดยได้เลือกปลูกอินทผลัม หลังจากเริ่มต้นปลูกจำนวน 20 ต้น ซึ่งเป็นพันธุ์ที่นิยมกินผลสดได้รสชาติดี ปัจจุบัน ขยายพื้นที่ปลูกกว่า 60 ต้น โดยปลูกมากว่า 3 ปี ซึ่งปีนี้ผลผลิตเก็บขายได้ สามารถสร้างรายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อต้น

คุณวิเชียร เมืองวงค์

ผลไม้ยอดฮิตสำหรับยุคนี้ต้องยกให้อินทผลัม ในช่วงก่อนหน้านี้เรามักจะคุ้นตากับอินทผลัมที่มาในรูปแบบของผลไม้ตากแห้ง นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีลักษณะเป็นผลรีๆ เล็กๆ แห้งๆ สีน้ำตาลเข้ม วางขายอยู่ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ในราคาที่ค่อนข้างสูง จนเมื่อสัก 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ เราจะเริ่มเห็นอินทผลัมผลสดแขวนขายตามข้างทางหรือในซุปเปอร์มาร์เก็ตกันมากขึ้น จึงค่อนข้างเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับคนไทย เรื่องราคานั้นก็สูงเสียจนเรียกได้ว่า ต้องเน้นกลุ่มลูกค้าระดับบนเท่านั้น

ปัจจุบัน ประเทศไทยเริ่มมีการปลูกอินทผลัมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย แต่ยังมีผลผลิตไม่มากพอต่อความต้องการของตลาด ถึงราคาจะค่อนข้างสูง แต่ผู้บริโภคก็ยังสามารถซื้อกินได้ เพราะผลผลิตมีน้อย ตลาดที่รับส่วนใหญ่จะเป็นตลาดบน ตามห้างสรรพสินค้า และผู้บริโภคที่มาสั่งจองถึงสวน ถึงแม้ว่าจะเริ่มมีการปลูกอินทผลัมกันมากขึ้น แต่ยังไม่ถึงขนาดลงขายในตลาดนัด ตอนนี้ยังอยู่ในระดับสูง ประมาณกิโลกรัมละ 300-1,000 บาทเลยทีเดียว ถ้าผลผลิตออกเยอะจริงๆ คงต้องใช้เวลาประมาณ 10 ปีขึ้นไป ถึงจะมีราคาลดต่ำลง

ใกล้เก็บผลผลิตได้แล้ว
ดูแลอย่างดี

อินทผลัม (อ่านว่า อิน-ทะ-ผะ-ลำ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542) หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Dates มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phoenix dactylifera L. เป็นไม้ผลที่เจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่มีอากาศร้อนและแห้งแล้ง เช่น ในประเทศแถบตะวันออกกลาง ผลมีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ออกเป็นช่อ รสหวานฉ่ำ รับประทานได้ทั้งผลดิบและผลสุก เมื่อนำผลสุกไปตากแห้งจะสามารถเก็บไว้ได้นานหลายปี และจะมีรสชาติหวานจัดมากขึ้น จนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผลไม้เชื่อม จัดเป็นพืชตระกูลปาล์มชนิดหนึ่ง มีหลากหลายสายพันธุ์ เป็นพืชที่สามารถเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดีในเขตที่มีอากาศร้อนและแห้งแล้งอย่างทะเลทราย โดยอินทผลัมมีถิ่นกำเนิดในแถบตะวันออกกลาง

ประเทศที่ผลิตอินทผลัมรายใหญ่ ได้แก่ อียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย อิหร่าน อาหรับ แอลจีเรีย เรียงตามลำดับ เนื่องจากเป็นพืชที่ทนต่อความแห้งแล้ง เหมาะกับหลายพื้นที่ในประเทศไทย ปัจจุบัน ประเทศไทยนำเข้าอินทผลัมจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายแต่มีราคาค่อนข้างสูงมาก และส่วนมากมีแต่อินทผลัมแบบแห้ง ส่วนอินทผลัมสดมีน้อยมาก ในขณะที่ผู้ผลิตในประเทศมีเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่ผลิตส่งตลาด ดังนั้น อินทผลัมจึงมีโอกาสเติบโตในตลาดบ้านเราได้สูงอย่างแน่นอน โดยทั่วไปอินทผลัมจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2-4 ปี ก็จะผลิดอกออกผล ซึ่งอัตราการให้ผลผลิตจะอยู่ที่ประมาณ 150-250 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 25 ต้น

ผลผลิตดก

ลักษณะของอินทผลัม ลำต้นมีความสูงประมาณ 30 เมตร ขนาดของลำต้น 30-50 เซนติเมตร ลักษณะของใบเป็นแบบขนนกยาวแหลมติดอยู่บนต้นประมาณ 40-60 ก้าน แต่ละใบมีทางยาวประมาณ 3-4 เมตร ใบย่อยจะพุ่งออกแบบหลากหลายทิศทาง และดอกจะออกเป็นช่อ ออกดอกบริเวณโคนกาบใบ ลูกอินทผลัมมีลักษณะเป็นผลทรงกลมรี ออกเป็นช่อ มีความยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร มีรสหวานฉ่ำ สามารถกินได้ทั้งผลดิบและผลสุก โดยผลอินทผลัมสดจะมีสีเหลืองไปจนถึงสีส้ม และเมื่อแก่จัดผลจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลถึงน้ำตาลเข้ม (ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์) พัฒนาการของผลอินทผลัมจะแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะผลดิบ > ระยะสมบูรณ์ > ระยะสุกแก่ > ระยะผลแห้ง โดยผลอินทผลัมสุกสามารถนำไปตากแห้งเก็บไว้กินได้หลายปี และจะมีรสชาติหวานจัดเหมือนกับการนำไปเชื่อมด้วยน้ำตาล

การขยายพันธุ์อินทผลัม สามารถทำได้ 3 วิธี คือ เพาะจากเมล็ด แยกหน่อจากต้นแม่ และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

เพาะจากเมล็ด การขยายพันธุ์จากเมล็ดจะมีข้อดีคือ ขยายพันธุ์ปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว โดยมีต้นทุนในระยะแรกต่ำกว่าวิธีอื่น แต่เนื่องจากอินทผลัมเป็นพืชที่ไม่สมบูรณ์เพศ การขยายพันธุ์โดยเมล็ด โอกาสที่จะได้เป็นต้นตัวผู้และต้นตัวเมียมีอย่างละครึ่ง และจะไม่สามารถทราบเพศของต้นอินทผลัมจากการเพาะเมล็ด ต้องปลูกไว้และรอจนกว่าอินทผลัมจะออกดอกก่อนจึงจะทราบเพศ ถึงแม้ว่าจะได้ต้นตัวเมียไปปลูก แต่คุณภาพผลอินทผลัมก็จะไม่เหมือนกับต้นแม่ เนื่องจากผลอินทผลัมเป็นผลที่ได้จากการผสมเกสรข้ามต้น จึงถือว่าเมล็ดที่ได้เป็นพันธุ์ลูกผสม ไม่ใช่พันธุ์แท้ ซึ่งไม่สามารถเรียกชื่อเดียวกับต้นแม่ได้ ทั้งนี้ คุณภาพของผลอินทผลัม ทั้งในเรื่องของขนาดหรือรสชาติอาจจะแย่ลง หรือใกล้เคียงต้นแม่พันธุ์เดิม หรือดีขึ้นก็ได้ แต่มีเพียงส่วนน้อยมากที่คุณภาพจะดีขึ้น ส่วนมากจึงนิยมใช้ต้นที่เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อความมั่นใจในสายพันธุ์ เเละความคุ้มค่ามากกว่าการเพาะเมล็ด

ราคาดี
สร้างงานทำเงิน

แยกหน่อจากต้นแม่ การขยายพันธุ์โดยการใช้หน่อเราเรียกว่า “การขยายพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศ” ซึ่งเป็นวิธีการในการขยายพันธุ์อินทผลัมที่ใช้กันมานานแล้ว โดยอาจจะใช้มานานนับพันปี การขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้จะได้อินทผลัมพันธุ์แท้ โดยหน่อจะมีคุณลักษณะที่เหมือนต้นแม่พันธุ์ทุกประการ ให้ผลผลิตสม่ำเสมอ หน่อจะเกิดขึ้นที่บริเวณซอกใบ โดยอาจจะต้องใช้เวลา 4-6 ปี กว่าที่จะพร้อมในการนำไปปลูกได้

ตลอดอายุขัยของอินทผลัมจะมีหน่อประมาณ 20-30 หน่อ โดยหน่อจะทยอยเกิดขึ้นในช่วงไม่เกิน 15 ปีแรก โดยมีหน่อที่เราจะสามารถแยกไปปลูกได้ปีละ 3-4 หน่อ อินทผลัมที่ออกหน่อดีคือ สายพันธุ์ Zahidi, Berim และ Hayani ส่วนสายพันธุ์ที่ให้หน่อน้อย คือ Mektoum และ Barhi

ระบบรากของหน่อต่างจากต้นกล้าที่เพาะจากเมล็ด โดยต้นกล้าจะมีรากรอบๆ โคนต้น ส่วนหน่อจะไม่มีรากในบริเวณที่ติดกับต้นแม่ หลังจากเราแยกหน่อออกมาจากต้นแม่แล้ว เราจะต้องทำการเพาะเลี้ยงอนุบาลไว้ในเรือนเพาะชำเป็นเวลา 1-2 ปี ก่อนจะนำไปปลูก

ปัจจุบันในประเทศไทย ยังไม่มีการจำหน่ายหน่อพันธุ์อินทผลัมในเชิงพาณิชย์ และหากจะสั่งหน่อพันธุ์มาจากต่างประเทศ จะมีราคาสูงมาก โดยราคาหน่อพันธุ์จะมีราคาสูงกว่าต้นกล้าที่เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ทำให้หากสั่งซื้อหน่อต้นพันธุ์มาปลูกแล้ว การลงทุนด้วยวิธีนี้ในระยะแรกจะสูงที่สุด วิธีนี้จึงเหมาะกับสวนที่มีต้นเมล็ดพันธุ์อินทผลัมที่ดีอยู่แล้ว และต้องการขยายการเพาะปลูกอินทผลัมออกไป

การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้คือ การโคลนนิ่ง ต้นกล้าที่ได้จึงเป็นพันธุ์แท้ โดยจะมีคุณสมบัติเหมือนต้นแม่พันธุ์ทุกประการ ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพสูงและสม่ำเสมอ สามารถขยายพันธุ์ได้ปริมาณมากและรวดเร็ว เหมาะสำหรับการปลูกในเชิงพาณิชย์ แต่ต้องใช้เงินลงทุนมากกว่าการปลูกด้วยเมล็ด ปัจจุบัน การปลูกในเชิงพาณิชย์ของต่างประเทศจะนิยมวิธีนี้ เนื่องจากสามารถบริหารจัดการแปลงปลูกได้ดีกว่า ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพดีและสม่ำเสมอ ให้ผลผลิตได้เร็ว สามารถปลูกได้ปริมาณมากตามต้องการและทุกฤดูกาล ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูงในระยะเวลาสั้น สำหรับในประเทศไทยยังไม่สามารถผลิตต้นกล้าอินทผลัมเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อได้ จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศและราคายังค่อนข้างสูงอยู่ โดยในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยอาจจะสามารถที่จะผลิตอินทผลัมเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อได้เอง ซึ่งจะทำให้ราคาต้นกล้าลดลงจากปัจจุบัน และลดการนำเข้าจากต่างประเทศได้

ห่อผล

สายพันธุ์ที่นิยม อินทผลัมมีหลากหลายสายพันธุ์ แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ เป็นกลุ่มกินผลสดและกินผลแห้ง สำหรับกลุ่มผลแห้งอาจไม่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นของเมืองไทย สายพันธุ์ที่เป็นที่นิยม เช่น พันธุ์บาฮี (Barhee / Barhi) เป็นพันธุ์กินสดโดยเฉพาะ มีแหล่งกำเนิดในประเทศอิรัก ปัจจุบัน มีการปลูกกันแพร่หลายในหลายประเทศ กล่าวกันว่า พันธุ์บาฮี เป็น “แอปเปิ้ลแห่งตะวันออกกลาง” ลักษณะเด่นของสายพันธุ์นี้ จะมีผลทรงไข่อ้วนกลมกว่าสายพันธุ์อื่น ผลอ่อนมีสีเขียวเข้ม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อนและกลายเป็นสีเหลืองทอง จนกระทั่งเป็นเป็นสีน้ำตาลปนเหลือง เนื้อนิ่มเมื่อแก่จัด รสชาติหวานอร่อย

นิยมเก็บเกี่ยวและจำหน่ายกันแบบทะลาย เพื่อให้ขายได้ราคาดี ส่วนผลที่ร่วงจากทะลายนั้นจะได้ราคาถูกกว่า นิยมนำมากินสดมากกว่าแบบแห้ง เพราะเนื้อจะกรอบ หวาน แต่มีรสฝาดเพียงเล็กน้อยในคำแรกเท่านั้น

วิธีการเลือกซื้ออินทผลัมแบบผลแห้ง ก่อนซื้อควรสังเกตวันหมดอายุที่ข้างกล่องและตรวจสอบสภาพของผล ที่ควรจะสุกแบบพอดี ไม่แห้ง หรือฉํ่าเละจนเกินไป โดยปัญหาหลักของแบบแห้ง คือเรื่องของแมลงและทราย ซึ่งตรวจสอบได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายคงไม่ยอมให้ลูกค้าเปิดกล่องเพื่อให้พิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ ดังนั้น ควรเลือกซื้อยี่ห้อที่ได้รับความนิยม รวมทั้งเลือกซื้อจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือและไว้ใจได้

อินทผลัมแบบผลสด สามารถเลือกซื้อได้สะดวกกว่าแบบผลแห้ง เพราะลูกค้าจะเห็นลักษณะของผลที่ชัดเจน ดังนั้น หากต้องการซื้ออินทผลัมเพื่อกินทันที หรือคาดว่าจะกินหมดภายใน 1-2 วัน ก็ควรเลือกซื้อผลสดที่ค่อนข้างสุกฉํ่า (เริ่มมีรอยสุกช้ำบริเวณส่วนของฐานผล) เพราะจะเป็นช่วงสภาพที่ผลสดมีรสชาติหวานที่สุด (ฝาดน้อย) แต่หากเลือกแบบผลสด ที่สวยเต่งตึง แม้ว่าจะสามารถกินได้เลย แต่ก็จะมีรสฝาดค่อนข้างมาก แต่ข้อดีคือ สามารถเก็บได้นาน 4-7 วัน

อินทผลัมสดและอินทผลัมแห้ง แบบไหนอร่อยกว่ากัน สำหรับอินทผลัมสดกับอินทผลัมแห้งจะต่างกันตรงที่เนื้อสัมผัส หากแบบสดให้กินในช่วงเวลาที่สุกพอดีก็จะมีความกรอบนิดๆ หวานอร่อย ซึ่งอินทผลัมส่วนใหญ่นิยมกินสดอยู่แล้ว โดยเฉพาะในต่างประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นการกินสดยังได้สารอาหารแบบเต็มที่ ไม่เสียความฉ่ำของเนื้ออินทผลัมด้วย แต่อินทผลัมบางพันธุ์ก็ไม่นิยมกินสด เนื่องจากจะติดรสฝาด จึงต้องนำไปทำเป็นอินทผลัมอบแห้ง ข้อดีคือสามารถเก็บเอาไว้ได้นาน โดยจะต้องมีกระบวนการอบแห้ง เพื่อยืดอายุของอินทผลัม แต่ก็ยังคงความหอมอร่อยเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังมีการนำอินทผลัมไปเคลือบช็อกโกแลต หรือเพิ่มเติมรสชาติอื่นๆ อีก เป็นทางเลือกในการกินของหวานได้ดียิ่งขึ้น

คุณประโยชน์ของอินทผลัมสด เป็นผลไม้ไม่มีคอเลสเตอรอล มีไขมันต่ำ เต็มไปด้วยโปรตีน และวิตามิน B1 B2 B3 B5 A1 และ C มีไฟเบอร์สูง จึงช่วยดูแลเรื่องระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี โพแทสเซียมสูง และมีโซเดียมต่ำ จึงช่วยลดโอกาสเกิดเส้นเลือดแตกในสมองได้ ให้พลังงานสูง ประกอบด้วยน้ำตาลจำพวกกลูโคส ซูโครส และฟรักโทส หากจะให้มีประโยชน์สูงสุดควรกินร่วมกันกับนม ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง อีกทั้งยังมีฟลูออไรด์ช่วยป้องกันฟันผุได้อีกด้วย มีธาตุเหล็กที่เป็นส่วนสำคัญในเม็ดเลือดแดง จึงช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางได้ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคพยาธิ และสารพิษตกค้างในลำไส้ และระบบทางเดินอาหาร อีกทั้งยังยับยั้งเชื้อโรคบางตัวที่เป็นสารก่อมะเร็ง ช่วยทำให้กระเพาะอาหารแข็งแรง ช่วยลดความรุนแรงของแผลในกระเพาะอาหาร และช่วยป้องกันเยื่อบุในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย ทำให้ชุ่มคอและลดเสมหะในลำคอได้ เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่ดี เพราะมีไฟเบอร์สูง มีพลังงาน และแคลอรีต่ำ บำรุงและรักษาสายตา อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคตาบอดแสง หรือการมองเห็นไม่ดีในเวลากลางคืนได้ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิตสูง และช่วยในโรคเบาหวาน ช่วยป้องกันมะเร็งในช่องท้อง

อินทผลัมสดมีสารกระตุ้นชนิดหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อมดลูก ซึ่งจะช่วยทำให้มดลูกบีบตัวได้อย่างง่ายดายในช่วงเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ อีกทั้งยังสูญเสียเลือดในขณะคลอดอีกด้วย ช่วยเรื่องสมรรถภาพทางเพศ เพราะมีสารฟีลกูลีนที่ช่วยบำรุงการหลั่งน้ำเชื้อของเพศชายได้

คุณวิเชียร เมืองวงค์ เปิดเผยว่า ตนเองทำงานอยู่บริษัทรับเหมาก่อสร้างโดยเป็นโฟร์แมนมาก่อน และมีเงินเดือน 30,000 บาท ต่อมาบริษัทได้หยุดทำกิจการ จึงออกจากงานและมาอยู่บ้าน จึงหันมาทำเกษตร โดยเริ่มทดลองนำอินทผลัมพันธุ์บาฮี มาปลูกในพื้นดินบริเวณบ้านในพื้นที่ 2 ไร่ จำนวน 60 ต้น หลังจากใช้เวลาปลูก 3 ปี ทำให้มีผลผลิต และในปีนี้เป็นปีที่ 4 อินทผลัมให้ผลผลิตเยอะ อินทผลัมที่ให้ผลผลิตมีจำนวน 15 ต้น ซึ่งแต่ละต้นให้ผลผลิตประมาณ 30-60 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 300-800 บาท แล้วแต่ขนาดและพันธุ์ ในแต่ละปีมีผู้สนใจโทร.มาสั่งจอง ทำให้ผลผลิตไม่พอจำหน่าย และสามารถสร้างรายได้หลายแสนบาท สำหรับปีนี้ผลผลิตเริ่มสุกและจะสามารถจำหน่ายได้ประมาณกลางเดือนมิถุนายน

ผู้ที่สนใจจะสั่งจองหรือเข้าไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการปลูกอินทผลัม สามารถติดต่อสวนคุณวิเชียร เมืองวงค์ บ้านต๋อมดง ตำบลบ้านต๋อม อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา โทร. 065-023-3090