มะตาด หรือ แอปเปิ้ลมอญ ต้นไม้อนุรักษ์ของคนรามัญ ปลูกเป็นร่มเงา ใช้ทำอาหาร-เป็นไม้ฟืน

“มะตาด” เป็นพันธุ์ไม้ยืนต้นที่คนไทยเชื้อสายมอญต่างรู้จักกันมาเนิ่นนาน สมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ บางคนเรียกลูกมะตาดว่า แอปเปิ้ลมอญ เพราะผลสวยและมีรสเปรี้ยวๆ คล้ายแอปเปิ้ลฝรั่ง จนเรียกกันติดปากว่า “มะตาด คือ แอปเปิ้ลมอญ” นั่นเอง 

มะตาด (matat) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dillenia indica Linn. สามารถพบตามภาคต่างๆ ของไทย ภาคเหนือพบที่เชียงใหม่ เรียกว่า ส้านป้าว อีสานพบที่สุรินทร์ ภาคกลางพบในจังหวัดปทุมธานี กาญจนบุรี และปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ภาคใต้พบในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง และพังงา เรียกว่า แส้น นอกจากนี้ มะตาด ยังมีชื่อเรียกตามพื้นเมืองว่า ส้านกวาง ส้านท่า ส้านใหญ่ ส้มปรุ และชื่อทั่วๆ ไป เรียกว่า ส้าน

มะตาดเป็นพืชที่เติบโตได้ดีในป่าดิบชื้นหรือป่าฝนเขตร้อนใกล้แม่น้ำ ป่าพรุ ในภาคใต้ของไทย นอกจากนี้ ยังการกระจายตัวของต้นมะตาดอยู่ในประเทศต่างๆ ได้แก่ อินเดีย ศรีลังกา พม่า ยูนนาน คาบสมุทรมลายู ลาว เวียดนาม กัมพูชา ชวา

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

มะตาดเป็นไม้ไม่ผลัดใบ เป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่หรือไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 15 เมตร ใบยาว 15-36 เซนติเมตร เส้นใบเห็นเด่นชัด ดอกมีขนาดใหญ่ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 15-20 เซนติเมตร มีกลีบดอก 5 กลีบ สีขาว มีเกสรตัวผู้สีเหลือง ผลกลมมีขนาดใหญ่ สีเหลืองแกมเขียว สามารถรับประทานได้ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-12 เซนติเมตร ประกอบด้วย 15 คาร์เพล แต่ละคาร์เพลมี 5 เมล็ด

มะตาดเป็นพืชสมุนไพร

ตำราสรรพคุณยาโบราณ พบว่า มะตาด ต้านการชัก ลดระดับน้ำตาลในเลือด ยาระบาย แก้ปวดท้อง แก้ไอ ขับเสมหะ และถอนพิษไข้ คนไทยเชื้อสายมอญในอดีต นิยมนำใช้รากมะตาดเป็นยาถอนพิษจากแมลงกัดต่อย เปลือกและใบมีรสฝาดใช้เป็นยาสมานแผลได้ดี เมือกที่ผลมะตาดมีลักษณะเป็นวุ้น ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะ ขับถ่ายสะดวก จากการศึกษาวิจัยพบว่า มะตาดเป็นพืชสมุนไพรมีคุณสมบัติทางเภสัชวิทยา เช่น ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราหรือการบำบัดรักษาโรคต่างๆ

ลูกมะตาดใช้ทำอาหาร

มะตาดผลสด มีรูปร่างเกือบกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3-5 นิ้ว ไม่แตก มีกลีบเลี้ยงหุ้ม มะตาดมี 2 ชนิด คือ มะตาดข้าวเจ้า เนื้อหยาบกระด้าง มีเส้นกากมาก ลูกสีเขียวอ่อน และมะตาดข้าวเหนียว เนื้อนิ่ม เส้นกากน้อย สีเขียวเข้ม รสเปรี้ยวอมฝาด ชาวมอญนิยมนำมะตาดข้าวเหนียวมาแกง ทั้งแกงส้มและแกงคั่ว ผลสุกมีรสเปรี้ยว นิยมใส่ในแยมและเจลลี่ ต้นมะตาดมักให้ผลผลิตในช่วงปลายปี ระหว่างเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ดังนั้น ชาวไทยเชื้อสายมอญจึงนิยมแกงมะตาดเป็นอาหาร เรียกว่า 1 ปี ได้กินแกงมะตาดกันหนเดียว

โรงเรียนวัดหงส์ฯ อนุรักษ์ต้นมะตาด

โรงเรียนวัดหงส์ปทุมาวาส ตำบลบางปรอก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี อยู่ในแหล่งชุมชนคนไทยเชื้อสายมอญ จึงปลูกต้นมะตาดเพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์ให้นักเรียนได้ศึกษา เพราะต้นมะตาดหากพิจารณาให้ดีสวยทั้งต้นและใบ ผลอ่อนๆ นำมาแกงมะตาด ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของชาวไทยเชื้อสายมอญ หากมีผู้ต้องการไปชมต้นมะตาด หรือศึกษาชุมชนมอญ สามารถสอบถามได้ที่โรงเรียนวัดหงส์ปทุมาวาส

วิธีการขยายพันธุ์ต้นมะตาด

การขยายพันธุ์ต้นมะตาดทำได้ไม่ยาก เริ่มจากแกะกลีบดอก ข้างในมีกลีบเล็ก (ขนาดเท่าเมล็ดกระถิน) ใช้มีดกรีดข้างในพบไส้ให้เอามีดควักเมล็ดที่อยู่ในไส้ออก เอาเมล็ดมาตากแห้ง เมล็ดมีสีออกแดงปนน้ำตาล แข็งเป็นยางเอามาผึ่งแดดพอหมาดๆ นำเมล็ดมาแช่น้ำ 1 คืน นำดินที่เตรียมไว้ หว่านเมล็ดลงไปเอาดินกลบรดน้ำ ประมาณ 2 เดือน จะเริ่มงอกเป็นต้นอ่อน

การใช้ประโยชน์

นอกจากใช้ผลมะตาดมาทำอาหาร เช่น นำผลอ่อนมาแกงคั่ว แกงส้ม ฯลฯ ต้นมะตาดยังนิยมปลูกเพื่ออาศัยร่มเงา ส่วนไม้จากต้นมะตาดยังใช้เป็นไม้ฟืนได้อีกด้วย

……………………………

เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันพฤหัสที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2563