ผู้เขียน | ธาวิดา ศิริสัมพันธ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
คุณภาณุวิชญ์ พรมดอนยาง หรือ คุณดรีม อยู่บ้านเลขที่ 118 หมู่ที่ 7 ตำบลปอพาน อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ต้นแบบ วางแผนสร้างอนาคตก่อนเรียนจบ ด้วยการปรับผืนดินของที่บ้านมาทำสวนผสมผสาน ปลูกพืชผักผลไม้นานาชนิด จนประสบผลสำเร็จหลังเรียนจบออกมาผลผลิตที่เคยปลูกไว้เก็บขายได้พอดี กลายเป็นเจ้าของฟาร์มเกษตรตั้งแต่อายุยังน้อย
คุณดรีม เล่าถึงจุดเริ่มต้นการเป็นเกษตรกรอายุยังน้อยว่า ด้วยพื้นฐานนิสัยเป็นคนชอบงานด้านการเกษตรอยู่แล้ว ในตอนที่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย จึงไม่มีความกังวลในการเลือกคณะที่จะเข้าศึกษาต่อเลย สามารถตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในสาขาพืชศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์อย่างไม่ลังเล ซึ่งหลังจากที่ได้เข้ามาอยู่ในสาขาวิชาที่ชอบแล้วตนเองก็ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเพื่อที่เก็บเกี่ยวความรู้ไปปรับประยุกต์ใช้ภายในสวนของตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งในช่วงที่กำลังศึกษาอยู่ก็ได้มีการวางแผนสร้างอนาคตหลังจากเรียนจบไปในตัวด้วยการเริ่มต้นปลูกพืชผัก ผลไม้ไว้แต่เนิ่นๆ โดยยึดหลักการตลาดนำการผลิตในพืชทุกชนิด เน้นพืชที่มีตลาดรองรับ ไม่ต้องดิ้นรนหาตลาดเอง พยายามมองหาตลาดจากสิ่งใกล้ตัว เนื่องจากพื้นที่แถวบ้านนิยมปลูกมะม่วงมหาชนกส่วนใหญ่ พอถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามารับซื้อทุกสวนแบบนี้ทุกปี ตนเองจึงเลือกปลูกมะม่วงมหาชนกเป็นพืชสร้างรายได้อันดับแรก และเวลาต่อมาก็ได้มีการขยับขยายพื้นที่ปลูกมะม่วงอาร์ทูอีทู และมะม่วงงาช้างแดง เพื่อเปิดตลาดออนไลน์เพิ่ม ซึ่งมะม่วงอาร์ทูอีทูและงาช้างแดงจะมีกลุ่มลูกค้าเฉพาะ แต่มีข้อดีคือทำราคาได้ดี ปลูกดูแลง่าย จึงเลือกที่จะปลูกเสริมเพื่อสร้างรายได้อีกช่องทางหนึ่ง
พื้นที่ 31 ไร่ ปลูกพืชผสมผสาน
เน้นปลูกมะม่วงสร้างรายได้หลัก
คุณดรีม บอกว่า ที่ Dream Land ฟาร์มสองพี่น้อง มีพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด 31 ไร่ มีการแบ่งพื้นที่ทำเกษตรผสมผสานปลูกพืชผักสวนครัว และอีกส่วนแบ่งปลูกเป็นไม้ผล มีไม้ผลสร้างรายได้หลักหลายชนิด คือ 1. ฝรั่งกิมจู ปลูกไว้จำนวน 1 ไร่ หรือประมาณ 100 กว่าต้น ถือเป็นพืชที่สร้างรายได้ดีมาก เพราะฝรั่งออกผลทั้งปี สามารถเก็บขายได้ทุกเดือน ตลาดกว้าง และสามารถกำหนดราคาผลผลิตได้เองทั้งหมด 2. ข้าวเจ้าหอมมะลิดำ นำมาแปรรูปขายสร้างมูลค่าเพิ่ม 3. มะม่วงมหาชนก ปลูกบนพื้นที่ 5 ไร่ ตั้งใจทำเป็นพืชสร้างรายได้หลัก เหตุผลเพราะมีตลาดรองรับอยู่แล้ว และเป็นพืชที่ใช้เงินลงทุนต่ำ แต่สร้างผลกำไรดี และ 4. เลือกปลูกมะม่วงทางเลือก อย่างสายพันธุ์อาร์ทูอีทูและงาช้างแดง ลงขายในตลาดออนไลน์
จุดเด่นของมะม่วงทั้ง 3 สายพันธุ์ที่เลือกปลูก
- มะม่วงมหาชนก มีจุดเด่นที่ ปลูกและดูแลง่าย ให้ผลผลิตดก มีกลิ่นหอม รสชาติหวานอมเปรี้ยว เป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศและตลาดโรงงานอบแห้ง
- อาร์ทูอีทู จัดเป็นมะม่วงประเภทกินสุกที่มีขนาดผลใหญ่ มีน้ำหนักผลเฉลี่ย 800 กรัม ถึง 1 กิโลกรัม เมื่อผลสุกสีของผลจะเปลี่ยนจากสีเขียวอมชมพูเป็นสีเหลืองอมแดงสวยงามสะดุดตาต่อผู้บริโภค จัดเป็นมะม่วงที่มีเนื้อละเอียดเนียนและลักษณะเนื้อแข็งเหมือนมะละกอ ไม่มีเสี้ยน เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการมะม่วงที่ไม่มีรสหวานจัด ทำราคาดีกิโลกรัมละ 50 บาท
- งาช้างแดง มีลักษณะทรงผลใหญ่ ยาว เปลือกหนา รสชาติหวานหอม เนื้อไม่เละกำลังพอดี ถูกปากสำหรับท่านที่ไม่ชอบกินมะม่วงที่หวานจัด ทำราคาได้ดีอีกเช่นกัน
เทคนิคการปลูกมะม่วงมหาชนก
เริ่มต้นการปลูกในช่วงแรกที่สวนจะมีการปรับปรุงบำรุงดิน มีการหมักดินก่อนปลูก แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากความหนักเบาในการให้ปุ๋ยแต่ละต้นไม่มีความสม่ำเสมอ จนได้มาพบกับวิธีการปลูกที่ง่ายและได้ผลผลิตดี คือตอนที่เริ่มต้นปลูกไม่ต้องเตรียมดินอะไรมากมาย ใช้แค่เพียงปุ๋ยอินทรีย์รองก้นหลุมละ 1 กำมือ เพื่อกระตุ้นรากในการปลูก ระยะห่างระหว่างต้น 5×5 เมตร หลังจากนั้น ก็นำต้นพันธุ์ที่เตรียมไว้ลงปลูกได้เลย โดยขนาดความลึกและกว้างของหลุม ขุดแค่พอกลบต้นพันธุ์ได้ แต่จะมาเน้นให้ความสำคัญในขั้นตอนหลังจากปลูกแล้วมากกว่า
การบำรุงดูแล
ระบบน้ำ รดน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง มีการนำเอาองค์ความรู้จากที่ได้เรียนมาประยุกต์ใช้ภายในสวน ด้วยการติดตั้งระบบน้ำมินิสปริงเกลอร์ ตั้งเวลาเปิดปิด ช่วยประหยัดแรงงาน คนเดียวสามารถดูแลได้ทั่วถึง
ปุ๋ย หลังจากปลูกได้ประมาณ 3 อาทิตย์ เริ่มใส่ปุ๋ยรอบแรก อัตราการใส่เดือนละ 1 ครั้ง ปริมาณ 1 กิโลกรัมต่อต้น เป็นเวลา 1 ปี หลังจากนั้นค่อยปรับวิธีการใส่เหลือปีละ 3 ครั้ง หรือทุกๆ 3 เดือนใส่ปุ๋ย 1 ครั้ง โดยที่สวนตอนนี้เน้นปลูกแบบอินทรีย์แล้วได้ผลผลิตดีก็ยังคงทำอินทรีย์ไปก่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ปลูกแบบอินทรีย์แล้วผลผลิตไม่ได้มาตรฐาน ถึงจะค่อยเติมเคมีลงไป
สูตรน้ำหมักกำจัดแมลง ใช้วิธีกำจัดแบบธรรมชาติ คือการฉีดพ่นด้วยน้ำหมักสูตรที่ทำขึ้นมาเอง ส่วนผสมมีดังนี้ 1. ยาฉุน 2. ใบยูคาลิปตัส 3. ใบสะเดา 4. ผงพะโล้
วิธีทำ นำส่วนผสมทั้งหมดที่เตรียมไว้มาหมักรวมกันไว้ในถัง 200 ลิตร จากนั้นเทน้ำเปล่าผสมลงไปปริมาณแค่พอท่วมส่วนผสมที่ใส่ลงไป แล้วเทน้ำตาลทรายลงไปประมาณ 1 กิโลกรัม คนแล้วหมักทิ้งไว้เป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นนำออกมาฉีดพ่นกำจัดแมลงรบกวนในสวนมะม่วงได้
ผลผลิต สำหรับมะม่วงมหาชนกใช้เวลาปลูกประมาณ 2 ปีครึ่ง ให้ผลผลิตรอบแรก ในปริมาณ 1-2 ตันต่อไร่ต่อปี เพราะต้นยังไม่ใหญ่มาก และปลูกแบบอินทรีย์ ไม่ได้มีการอัดปุ๋ยอัดยาเพื่อเพิ่มผลผลิต 2. อาร์ทูอีทูและงาช้างแดง จะให้ผลผลิตเฉลี่ยเท่าๆ กันคือ ประมาณ 500-600 กิโลกรัมต่อไร่
ต้นทุนการผลิต ถือว่าการปลูกมะม่วงของที่สวนค่อนข้างมีต้นทุนที่ต่ำมาก เพราะที่สวนเน้นปลูกแบบอินทรีย์ เพราะฉะนั้น จะช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยไปได้แล้วส่วนหนึ่ง จะลงทุนแค่เฉพาะตอนที่เริ่มต้นปลูกในช่วงแรกเท่านั้น คือมีค่าต้นพันธุ์และค่าติดตั้งระบบน้ำ ทำให้มีต้นทุนต่ำ กำไรเหลือ
รายได้ 1. จากมะม่วงมหาชนกปีละ 4-5 หมื่นบาท 2. จากสายพันธุ์อาร์ทูอีทูและงาช้างแดง รวมกันอีกประมาณ 25,000-30,000 บาท เมื่อคิดรายได้เฉลี่ยเป็นรายได้เมื่อรวมกับพืชอีกหลากหลายชนิดภายในสวนแล้วสามารถสร้างรายได้ประมาณ 25,000-35,000 บาทต่อเดือน
หาตลาดยังไง แนะนำสำหรับเกษตรกรมือใหม่ให้เริ่มต้นใช้ตลาดนำการผลิต ควรมองหาพืชพื้นฐานก่อน อย่าเพิ่งไปมองพืชตามกระแส ให้มองพืชที่ใกล้ตัวที่สุดว่าตอนนี้พืชตัวไหนตลาดไปได้ดี ตลาดอยู่ได้นาน เห็นมานานแล้วราคายังอยู่เท่าเดิม และที่สำคัญต้องเป็นสิ่งที่ทุกระดับสามารถกินได้ ไม่แบ่งแยกชนชั้นคนรวยหรือคนจน แต่ต้องเป็นอะไรที่ทุกคนสามารถมีกำลังจ่ายได้อย่างสบายใจ แล้วหลังจากนั้นจึงค่อยขยับขยายทำพืชกระแสเพื่อสร้างตลาดให้หลากหลาย ยกตัวอย่างที่สวนที่เลือกปลูกมะม่วงมหาชนกก็เพราะว่าเป็นพืชที่มีตลาดรองรับอยู่แล้ว ไม่ต้องดิ้นหาตลาดเอง แล้วจึงค่อยขยับขยายทำตลาดที่ตนเองถนัด เช่น ตลาดออนไลน์ ที่ตอนนี้ที่สวนวางแผนปลูกมะม่วงอาร์ทูอีทูและงาช้างแดง สำหรับวางขายในตลาดออนไลน์ โดยที่ไม่ต้องปลูกเยอะแต่สามารถทำราคาได้ดี
นำข้อได้เปรียบจากการเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่
ใช้เทคโนโลยีการผลิตช่วยประหยัดต้นทุน
เจ้าของบอกว่า ตนเองถือเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่จะเน้นการทำงานที่สะดวกสบาย รวดเร็ว เหนื่อยน้อยลง แต่ยังคงได้ผลผลิตคุณภาพและปริมาณที่มากขึ้น ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีตามที่ได้เล่าเรียนมาประยุกต์ใช้ภายในสวน บวกกับการใช้ตลาดนำการผลิต จะไม่ทำการเกษตรแบบรุ่นเก่าที่ผลิตๆ ออกมาแล้วขายให้กับพ่อค้าคนกลางอย่างเดียว แต่จะใช้แนวคิดว่าไม่จำเป็นต้องผลิตเยอะแต่ของผลิตมาขายได้ราคา ได้คุณภาพที่ดีขึ้น ทำให้เราทำงานเท่าเดิมแต่ได้เงินมากขึ้น
“สำหรับผมอาชีพเกษตรถือเป็นอาชีพที่มีความยั่งยืนมากๆ เพราะแน่นอนอยู่แล้วว่าคนเราต้องกินทุกวัน อย่างน้อยถ้าปลูกอะไรได้เองก็ปลูกไปก่อน อย่างของผมเริ่มต้นทุนในการกินไม่ค่อยมี เพราะว่าทุกอย่างเรามีหมด ในแปลงของเรา เราจะเสียเงินซื้อสิ่งที่จำเป็น อะไรที่เราทำไม่ได้ ต้นทุนในเรื่องของการใช้ชีวิตก็ต่ำลง แต่ว่าความสุขของการใช้ชีวิตจะเพิ่มขึ้นเพราะเรามีอิสระ อาชีพเกษตรตอบโจทย์เรามาก การปลูกผลไม้ก็เหมือนเสือนอนกิน ยิ่งนานวันผลผลิตยิ่งเพิ่มขึ้น” คุณดรีม กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 093-778-5233 หรือติดต่อได้ที่เพจเฟซบุ๊ก : Dream Land ฟาร์มสองพี่น้อง
วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2564